นที่ 57 ณ ก้นบึ้งของทะเลสาบ

ฟาร์มาได้เดินตามหญิงสาวไปยังบันไดวนที่ทอดยาวไปยังทางเดินใต้ดินอันซับซ้อนที่ซ่อนภายในอาคาร *ต๊อกแต๊ก* *ต๊อกแต๊ก* เสียงกระทบกันของรองเท้าสะท้อนออกมาอย่างน่าขนลุก อากาศค่อยๆ เย็นและชื้นมากขึ้นเมื่อเดินลงไปชั้นลึกกว่าเดิมพวกเขามาถึงยังถ้ำขนาดใหญ่

“ที่นี่มันอะไรกัน? พวกเราอยู่ที่ไหนกันเนี่ย?”

เอเลนถามกับฟาร์มา

“ตรงนี้น่าจะเป็นถ้ำใต้ดิน”

บันไดดังกล่าวนั้นได้ทอดยาวลงมาถึงถ้ำใต้ดินนี้ ดูเหมือนจะเป็นถ้ำหินปูนซึ่งมีทะเลสาบใต้ดินอยู่ด้วย นี่พวกเขาเดินลงมาลึกแค่ไหนแล้วก็ไม่อาจทราบ ความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์นี้แผ่ออกมาระหว่างที่เดินอยู่บนบันไดแขวน โดยที่ทะเลสาบข้างใต้นั้นลึกราวกับเป็นหุบเหวของโลก ก่อนที่นักเล่นแปรธาตุสาวคนนั้นจะหยุดนิ่งลง

“ทำไมถึงหยุดเดินล่ะคะ? ว่าแต่ที่แบบนี้จะมีโฮมุนคลุสอยู่จริงๆเหรอคะ?”

“นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”

เอเลนที่เดินตามฟาร์มาถามขึ้น แต่ก่อนที่จะได้สงสัยไปมากกว่านี้ โดยที่ทั้งสามคนไม่ทันตั้งตัวไฟจากตะเกียงของหญิงสาวคนนั้นก็ได้ดับลง ทุกคนที่อาศัยแสงสว่างจากจุดนั้นเพียงแหล่งเดียว การมองเห็นตอนนี้ย่อมเท่ากับศูนย์

“เหวอ!?”

ทันใดนั้นก็มีเสียงของปีแอร์กรีดร้องออกมาก่อนจะตามมาด้วยเสียงน้ำ เขาได้ตกลงไปในทะเลสาบใต้ดิน ดูเหมือนจะมีใครบางคนผลักเขาลงไป..!

“คุณปีแอร์!?”

(ใครเป็นคนทำกัน?!)

ในตอนนั้นเองเป็นจังหวะที่ฟาร์มารู้สึกเสียใจที่สุดที่ตนไม่ได้นำคทาแห่งเทพโอสถมาด้วย แต่เขาก็รีบเปลี่ยนความคิดทันทีก่อนจะนำสมบัติลับชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วถ่ายพลังแห่งเทพลงไปในนั้น ทำให้บัตรส่องแสงออกมา แล้วตัวเขาก็เรืองแสงจ้าก่อนที่ตัวจะเริ่มลอยขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ รัศมีของแสงนั้นได้สว่างไปทั่วทุกมุมของถ้ำ ทำให้เห็นปีแอร์ที่กำลังนอนลอยขึ้นมาที่ผิวน้ำของทะเลสาบใต้ดินข้างล่างเขา เขายังหายใจอยู่ ไม่มีบาดแผลที่ชัดเจนจากการใช้ดวงตาวินิจฉัยตรวจสอบ ดูเหมือนจะมีใครบางคนผลักเขาลงไป

“เอเลน!?”

พอดวงตาเริ่มมองเห็นชัดขึ้นจากแสงสว่าง ก็พบว่านักเล่นแร่แปรธาตุหญิงคนนั้นกำลังเข้าไปทำร้ายเอเลน โดยในมุมของเขานั้นเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังจะเชือดคอของเอเลน

ฟาร์มาจึงได้ใช้สมบัติลับชิ้นนั้นโจมตีไปที่มีดของเธอ พอเธอรู้ตัวก็ตกใจและถอยออกไป

“นั่นคุณกำลังทำอะไรอยู่น่ะ ?!”

พอเขาเห็นว่าเธอมีเจตนาจะฆ่าเอเลนจริงๆ ฟาร์มาถึงกลับโกรธจนหน้าแดง

“หอกวารี”

พอเอเลนได้ยินเสียงของฟาร์มาเธอก็ควักคทาแห่งเทพออกมาอย่างรวดเร็วและใช้ศาสตร์แห่งเทพโจมตีใส่หญิงสาวผู้นั้น แต่หญิงสาวคนนั้นกลับสามารถต้านทานการโจมตีระยะไกลของเอเลนได้ และใช้มืออีกข้างหนึ่งจับเชือกเพื่อไม่ให้ตกสะพานไป ก่อนเธอจะกระโดดถอยออกไปยังจุดที่สูงกว่าของสะพานที่ฟาร์มาและเอเลนอยู่ด้วยร่างกายที่พลิ้วไหวราวกับสปริง แล้วก็ดึงดาบสีดำออกมา

“นี่เป็นแผนของเธองั้นเหรอ กะจะกำจัดพวกเราที่ก้นทะเลสาบนี้หรือไงกัน?!”

ในตอนนั้นเอง ได้มีเงาสีดำขนาดมหึมาปรากฏขึ้นที่ก้นทะเลสาบใต้ดิน ร่างของมันไม่ได้แสดงให้เห็นทั้งตัว ก่อนที่มันจะเริ่มเปิดกรามของมันขึ้นเพื่อจะกลืน

ปีแอร์ที่ตกลงไปในน้ำเข้าไป ปากมันอาจจะกว้างพอๆ กับวาฬเลยก็เป็นได้

“ฮิ๊!!…”

ใบหน้าของปีแอร์เริ่มบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยความกลัว ก่อนที่ฟาร์มาจะพุ่งตัวลงไปจากสะพานตามแรงโน้มถ่วง

“คุณปีแอร์!”

ฟาร์มาได้จับมือของปีแอร์และดึงขึ้นมาเหนือผิวน้ำในช่วงเวลาวิกฤตได้ทันก่อนที่เขาจะโดยสัตว์ประหลาดตัวนั้นกลืนกินไป ขนาดฟาร์มาก็ยังรู้สึกขนลุก และจังหวะที่มือของเขาได้สัมผัสกับน้ำในทะเลสาบเข้านั้นความเจ็บปวดได้เข้าถามโถมสู่ฟาร์มาก่อนเขาจะได้ถึงกลิ่นฉุนจางๆ ออกมาจากน้ำดังกล่าว

(ทะเลสาบใต้ดินนี้มันเต็มไปด้วยกรดรุนแรงเลยไม่ใช่หรือไงกัน!!)

ฟาร์มาไม่รู้สึกยินดีกับเรื่องนี้เลยสักนิดเพราะทะเลสาบซัลเฟตที่มีความเป็นกรดสูงขนาดนี้ถ้าวัดด้วยค่า pH อาจจะน้อยกว่า 1 ด้วยซ้ำซึ่งนั่นเปรียบได้กับพื้นที่เขตภูเขาไฟบนโลกของเขาเลย แต่ทำไมของแบบนี้ถึงมาอยู่ที่เมืองหลวงได้กัน แต่ฟาร์มาก็ไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นมากในตอนนี้ขณะที่เขากำลังจับมือของปีแอร์ไว้อยู่ เขาก็ได้ใช้พลังของมือขวาในการสลายสสารออกไป

[สสายกรดซัลฟิวริก]

พอฟาร์มาใช้พลังนั้นน้ำในทะเลสาบก็ได้หายไปพร้อมกับกรดซัลฟิวริกและร่างสีดำนั้นก็ได้ตกลงไปยังก้นของทะเลสาบ จากนั้นเขาก็ทำการสลายกรดซัลฟิวริกออกจากร่างของปีแอร์กับตัวของเขาเอง ฟาร์มาที่รอดมาจากการโจมตีของสัตว์ประหลาดนั้นก็ได้แบกร่างของปีแอร์ด้วยพลังของสมบัติลับที่เขาพกมา แล้วพาปีแอร์กลับไปส่งข้างบน

“บ-บินอยู่งั้นเหรอ ได้ยังไงกัน!?”

นักเล่นแร่แปรธาตุหญิงคนนั้นถึงกับตะลึง อาจจะเพราะเธอไม่เห็นสมบัติลับที่ฟาร์มากุมไว้ในมือของเขาก็เป็นได้ แต่ถึงเห็นไปก็ใช่ว่าจะเข้าใจว่ามันคืออะไร

“น่าเสียดายนะทั้งที่กำลังสงสัยอยู่เลยว่าถ้าหมอนั่นตกลงไปในทะเลสาบกรดแบบนั้นร่างกายจะละลายไหม เอาเถอะๆ”

เธอกลับมาจัดการลมหายใจใหม่ และนั่นก็ชัดแล้วว่าเธอพยายามที่จะฆ่าปีแอร์จริงๆ ฟาร์มาไม่รอช้าที่เตรียมตัวเข้าต่อสู้

“ตอนนี้ก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอน่ะจนมุมแล้ว”

เอเลนที่ต้อนนักเล่นแร่แปรธาตุหญิงได้สำเร็จก่อนจะชี้คทาของเธอไปที่หญิงสาวคนนั้นซึ่งกำลังอยู่ขอบของสะพาน แม้เธอจะมีดาบยาวอยู่ แต่ถ้าหากถอยไปอีกสักก้าวสองก้าวก็พร้อมที่จะตกลงไปยังก้นเหว แน่นอนว่าเอเลนไม่ลังเลที่จะผลักเธอให้ตกลงไป

“ยอมแพ้แล้วทิ้งอาวุธของคุณเถอะ จากนั้นค่อยๆ เดินมาหาผมช้าๆ”

ฟาร์มาสั่งหญิงสาวคนนั้น โดยส่วนตัวเขามีแผนที่จะจับตัวของเธอไว้แล้วบังคับให้เธอยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำก่อนจะส่งตัวไปให้เจ้าหน้าที่อีกที

แต่ทันใดนั้น หญิงสาวคนนั้นก็เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วก่อนจะเอามือไปกำที่ปลายคทาของเอเลนและพยายามเบี่ยงมันให้ผิดท่าจากที่เอเลนถือเพื่อให้เธอเสียการทรงตัวและตกลงไปข้างล่าง ฟาร์มาที่เห็นแบบนั้นจึงได้รีบเข้าไปจับตัวของเอเลนกับเชือกไว้ด้วยมืออย่างละข้าง นั่นส่งผลให้ตัวหญิงสาวเองก็เสียการทรงตัวและตกลงไปยังก้นทะเลสาบพร้อมกับเสียงกรีดร้อง

ฟาร์มาได้ส่งพลังไปยังสมบัติลับและไล่ตามผู้หญิงคนนั้นไปยังก้นทะเลสาบ

“โถ่เว้ย!”

ฟาร์มาไม่สามารถคว้ามือของเธอไว้ได้ทันเวลา พอเขามาถึงก้นทะเลสาบด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้แต่ก็…..

(ยังไม่ทันอยู่ดี……!)

เธอเสียชีวิตในทันทีในสภาพร่างที่บิดเบี้ยวไปจากเดิม ฟาร์มาไม่แม้แต่จะส่งเสียงเรียกได้ทัน โดยที่ข้างๆศพเธอนั้นก็มีปลาสีดำขนาดยักษ์ที่ลักษณะคล้ายกับปลาดุกนอนตายอยู่เช่นเดียวกัน หากฟาร์มาไม่ได้ลบน้ำของทะเลสาบซัลเฟตไป เธอก็คงจะยังรอดอยู่ หรือหากมีอาการบาดเจ็บสาหัสเขาก็ยังสามารถยื้อเธอได้ด้วยการใช้พลัง [บรรเทาเหตุ] แต่หากเธอเสียชีวิตไปแล้วพลังของฟาร์มาก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ถึงเธอจะเป็นคนที่ตั้งใจจะฆ่าปีแอร์กับเอเลนในตอนแรกและนั่นก็เป็นผลกรรมที่เธอควรได้รับ แต่ก็ใช่ว่าความรู้สึกผิดของฟาร์มาจะหายไป

ทันใดนั้นร่างของเธอก็ค่อยๆ ถูกก้นทะเลสาบซัลเฟตนั้นกลืนลงไปอย่างช้าๆ เขาจึงได้รีบหยิบแหวนของเธอซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่จากร่างกายเธอขึ้นมา

เขาสังเกตได้ว่าก้นทะเลสาบนี้มีแต่สิ่งที่น่าสงสัย โดยเฉพาะกลุ่มก้อนของคริสทัลที่กระจุกกันอย่างหนาแน่นที่ก้นทะเลสาบนี้ ทิวทัศน์ที่เห็นเปรียบดั่ง

เหมืองคริสทัล ซึ่งแสงดังกล่าวนั้นมันกลับไปกระตุ้นความทรงจำของเขาขึ้นมา

ฟาร์มาตกใจกับปรากฏการณ์ของแสงจากคริสทัล ราวกับมันมาจากภาพยนต์ แสงสีขาวได้ก่อตัวขึ้นพร้อมกับโอบร่างของหญิงสาวที่ตายไปแล้วลงไปเพียงไม่กี่วินาที หากเราสามารถมองเห็นวิญญาณของมนุษย์ได้ก็คงจะรู้สึกได้ว่า วิญญาณนั้นก็คงจะถูกดูดเข้าไปภายในผลึกนั้นด้วยเช่นกัน

ตาของฟาร์มาเบิกกว้างขึ้น

(ไม่ใช่ว่านี่เป็นแร่อันเดียวกันกับที่ใช้สร้างคทาแห่งเทพโอสถเลยหรือไงกัน?)

เพราะเมื่อร่างของฟาร์มาได้เข้าไปใกล้คริสทัลที่อยู่ก้นทะเลสาบ มันก็ส่องแสงอ่อนๆ ออกมาราวกับตอบรับพลังของเขา โ ดยในบรรดาคริสทัลเหล่านั้นมีบางชิ้นที่ใส่มากจนมองทะลุได้ ก่อนที่เขาจะได้หยิบชิ้นที่ตกอยู่บริเวณนั้นขนาดเท่าเม็ดกรวดออกมาแล้วพอเขาถ่ายพลังแห่งเทพเข้าไป มันก็ทำการขยายสเกลพลังแห่งเทพของเขาให้สูงมากยิ่งขึ้น

(คริสทัลนี้….เหมือนกับอันที่ติดอยู่บนคทาแห่งเทพโอสถ ทำไมถึงมาอยู่ในที่แบบนี้ได้กันล่ะ? …..แล้วนั่นมันอะไรกัน….)

หินทรงสี่เหลี่ยมขนาดเท่าร่างกายคนถูกฝังไว้อยู่ตรงใจกลางของคริสทัลที่กระจัดกระจายอยู่ทุกหนแห่งราวกับนั่นที่ศูนย์กลาง โดยที่หินดังกล่าวได้ปล่อยหยดน้ำออกมาทีละนิดๆ จนมันมากขึ้นได้นองไปทั่วแผ่นหิน ซึ่งนั่นอาจจะเป็นต้นตอของกรดซัลฟิวริกที่มีในทะเลสาบแห่งนี้

(เพราะแผ่นหินนี้เหรอที่ทำให้ทะเลสาบซัลเฟตขนาดใหญ่เกิดขึ้น?)

ดูเหมือนกว่าจะมาเป็นทะเลสาบแบบนี้ได้มันคงใช้เวลานานกว่าหลายสิบหรือร้อยปี แน่นอนว่าแผ่นหินนี้สร้างขึ้นมาจากศาสตร์แห่งเทพที่ฟาร์มาไม่รู้จักและมันยังคงเหลือร่องรอยของพลังแห่งเทพอยู่

“เดี๋ยวนะ แรงดึงดูดนี่มันอะไรกัน?”

ราวกับสมบัติลับของฟาร์มาและแผ่นหินมันได้ดึงดูดซึ่งกันและกัน ตัวเขาก็รู้สึกว่าไม่สามารถละสายตาจากสิ่งนี้ไปได้เลย ราวกับมันกำลังเชื้อเชิญให้ฟาร์มาเข้าไปหา ก่อนที่เขาจะค่อยๆ เข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง

“นี่มัน …”

ราวกับรอการมาถึงของฟาร์มา แผ่นหินที่ถูกสลักไว้ด้วยภาษาของเทพเจ้าได้ส่องแสงออกมา ก่อนจะมีตราสัญลักษณ์สลักของเทพโอสถแสดงขึ้นมาพร้อมกับคำว่า

“ที่แห่งนี้คือที่อยู่อาศัยของเหล่าวิญญาณเร่ร่อน ณ ปลายทางแห่งน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ พวกเรารอการมาถึงของผู้ที่คู่ควร” ก่อนที่ภาษาโบราณนั้นจะจางหายไปอย่างไร้ร่องรอย ฟาร์มาไม่รอช้าเขาได้นำสมบัติลับเข้าไปสัมผัสกับแผ่นหินและในเวลานั้นเองแสงสีขาวก็ได้เข้ามาห่อหุ้มสมบัติลับและสร้างลำแสงเป็นเส้นทางขึ้นมา โดยแสงนั้นโปร่งใสทอดยาวไปยังทิศๆ หนึ่งราวกับเป็นการบอกเส้นทาง แสงประกายด้วยความสวยงามต้องตาของฟาร์มาเป็นอย่างยิ่ง ตัวเขาในตอนนี้ถูกครอบงำไปด้วยความลึกลับนี้เสียแล้ว

(บางทีถ้าเราตามแสงนั้นไปเราอาจจะไปถึงยังสถานโบราณที่เกี่ยวข้องกับเทพโอสถได้สินะ?)

หรือบางทีแสงนี้อาจจะนำพาไปถึงบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่ซาโลม่อนพูดถึงก็ได้ เส้นลำแสงที่เปล่งประกายออกมานั้นได้สลายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะถูกดูดซึมกลับเข้าไปยังสมบัติลับนั้น ฟาร์มาได้คำนวณตำแหน่งของลำแสงอย่างรวดเร็วโดยเทียบจากแผนผังอาคารเหนือพื้นดินก่อนจะจดเส้นทางที่ได้มาจากแผ่นหินและสมบัติลับของเขา

“เธอเสียชีวิตในทันทีและไม่สามารถนำศพขึ้นมาได้…กลับกันผมได้พบกับเบาะแสของบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ติดมือมาแทน…”

ฟาร์มาที่ใช้พลังบินกลับเข้าไปหาเอเลนและปีแอร์ ได้เล่าถึงเรื่องที่เขาเจอด้านล่างด้วยความตื่นเต้น เอเลนก็ได้แต่มองที่ฟาร์มาอย่างไม่ค่อยสบายใจ ปีแอร์นั้นได้เป็นลมไปแล้วจากอาการช็อกเรื่องก่อนหน้านี้

“งั้นกลับกันเถอะ”

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังวิ่งขึ้นบันไดไปบริเวณชั้นบนสุดของบันได

“นั่นใครน่ะ!?”

“บางทีอาจจะเป็นเฮอร์เมสก็ได้นะ! ปีแอร์รีบตื่นเร็วเข้า!”

ฟาร์มากุมสมบัติลับเอาไว้ก่อนที่จะทำการกระโดดพุ่งเป็นเส้นตรงจากข้างล่างขึ้นไปยังบันไดวนเป็นเส้นตรงด้วยความเร็วสูง เพราะไม่อยากจะให้คนๆนั้นหนีไปได้ แต่พอมาถีงปลายทางชั้นบนสุดของบันได กลับไม่พบใครเลย

ฟาร์มาที่เปิดใช้งาน ดวงตาวินิจฉัย รวมไปถึงตรวจจับปฏิกิริยาสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งอาคาร เฮอร์เมสนั้นไม่ได้มีโรคร้ายแรงอะไรจะมีก็เพียงอาการสายตายาวและฟันผุ ฟาร์มาจึงใช้จำนวนฟันและตำแหน่งที่ผุในการตามหาตัวเฮอร์เมส โดยข้อมูลดังกล่าวฟาร์มาได้มาตั้งแต่ตอนที่เจอกับเขาภายในงานแล้ว แต่ไม่ว่าจะพยายามค้นหามากเท่าใด ก็ไม่พอตัวเฮอร์เมสเลย บางทีเขาอาจจะออกจากอาคารแล้วหนีไปด้วยม้าแล้วก็ได้ ไม่ก็มีทางลับอื่น

หลังจากนั้นไม่นานเสียงฝีเท้าของคนสองคนจากด้านล่างก็ได้ตามขึ้นมา นั่นคือเอเลนกับปีแอร์ที่กำลังพักหายใจจากอาหารหอบ อย่างคิดปีแอร์เหมือนจะขาดการออกกำลังกายไปบ้าง กำลังอยู่ในท่างอตัวจับเข่า

“ดีใจที่ทั้งสองคนยังปลอดภัยอยู่นะ ส่วนทางเฮอร์เมสเหมือนจะหนีไปได้ครับ”

ฟาร์มาลงกลับไปช่วยทั้งสองคน แน่นอนว่าพวกเขาไม่เหมือนกับฟาร์มาเพราะต้องเดินขึ้นบันไดเองด้วยพลังขาของตัวเอง

“แฮก ทะ- … ทำไมท่านฟาร์มาถึงเดินขึ้นบันไดได้เร็วขนาดนั้นกันนะ?”

ปีแอร์ไม่รู้ว่าตอนนี้ฟาร์มากำลังบินอยู่ จึงทำได้เพียงรู้สึกอิจฉาความเยาว์วัยที่มีพลังกายเหลือเฟือ

“ป่านนี้เขาอาจจะหนีไปไหนต่อไหนแล้วก็ได้นะ ในจังหวะที่พวกเรากำลังยุ่งอยู่กับลูกน้องของเขา เพราะเขาก็เห็นหน้านายแล้วด้วยนี่”

เอเลนได้แต่เสียใจและได้กระแทกส้นคทาลงไปที่พื้นเพื่อระบายอารมณ์

“ไม่เป็นไร เขาไม่หนีไปไหนหรอก เพราะยังไงครั้งนี้เราก็ปลอมตัวกันมาแต่แรกแล้วด้วยน่าจะยังไม่ความแตก บางทีผมอาจจะพบเขาอย่างเร็วที่สุดก็คงวันพรุ่งนี้”

“อะ เอ๋…นี่นายหมายความว่ายังไง?”

“ผมกำลังพยายามนึกอยู่น่ะ ว่าเสียงของคนๆ นั้นเหมือนผมจะเคยได้ยินมาก่อน”

และในที่สุดเขาก็ได้เข้าใกล้กับตัวต้นเหตุของเรื่องราวนี้เพื่อเปิดโปงความผิดของนักเล่นแร่แปรธาตุคนนั้นที่ใช้พลังในการหลอกลวงผู้อื่น รวมไปถึงเรื่องปริศนาของโฮมุนคลุสด้วย ทั้งหมดนั้นคือเป้าหมายของฟาร์มา

————-

Note : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913