พฤติกรรมที่แปลกไปของชือเม่ย
เปรี๊ยงงง!!
เสียงสนั่นดังขึ้นก่อนอื่นใด ทันใดนั้นความว่างเปล่าคล้ายจะเริ่มบิดเบือนสุดท้ายก็แตกระเบิด! ก่อเกิดคลื่นกระแทกซัดออกเป็นวงกวาดไปรอบทิศ!
ปงงง!!
เสียงสนั่นดังลั่นขึ้นอีกครา แรงระเบิดรอบนี้ยังทำให้แผ่นดินถึงกับสะเทือน กระทั่งวิหกที่เกาะกิ่งไม้ห่างไปนับร้อยๆหมี่ยังถึงกับแตกฮือ โผบินขึ้นฟ้าจ้าละหวั่น!
พร้อมกันนั้นเองละอองโลหิตพลันฟุ้งไปในอากาศ! มองไปคล้ายพิรุณเลือดเนื้อตกจากฟ้าก็ไม่ปาน!
เป็นหมัดมหึมาของกอริลล่ายักษ์คลั่ง ที่ถูกหมัดเปล่าเปลือยของต้วนหลิงเทียนชกจนแตกระเบิดออกเป็นเศษเนื้อ!
“อ๋าวววู!!”
เมื่อหมัดทั้งครึ่งแขนถูกพลังซัดจนแหลกเหลว กอริลล่ายักษ์คลั่งถึงกับหวีดร้องออกมาเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด ความกลัวแผ่ซ่านจับใจของมันทันใด สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดเร่งสั่งให้มันเร่งรุดหลบหนีไปทันที!
ตอนนี้ในสายตาของมัน ร่างมนุษย์ตัวกระจ้อยอย่างต้วนหลิงเทียนเสมือนปีศาจร้ายที่กำลังจะเอาชีวิตมันก็ไม่ปาน!
ตอนนี้มันอยากหนีไปให้ห่างจากต้วนหลิงเทียนนัก!
“ให้ตายเถอะ! ความรู้สึกปะทะกันตรงๆแบบนี้มันสะใจดีจริงๆ!”
มองไปยังกำปั้นขวาที่ไม่ทราบมีม่านพลังสีทองปานฉาบไว้ปานสวมถุงมือตั้งแต่เมื่อใด ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา!
ก่อนหน้านี้ตอนที่หมัดอัดแน่นไปด้วยพลังทั้งหมดของเขากำลังจะปะทะกับหมัดมหึมาของกอริลล่ายักษ์คลั่ง เขาก็ได้ใช้อาภรณ์ทองที่บรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิออกมาในเวลาที่เหมาะสม ส่งเสริมพลังดิบเถื่อนให้แข็งกร้าวขึ้นไปอีกส่วน!
ด้วยเหตุนี้จึงง่ายดายนักที่จะป่นหมัดมหึมาของกิริลล่ายักษ์ขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญให้แหลกได้โดยง่าย
“ในการแข่งขันล่าสัตว์ครั้งนี้ ดูเหมือนคะแนนจากการฆ่าสัตว์ร้ายสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญจะสูงกว่าขั้นกลางไม่น้อยสินะ”
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนไม่แปลกใจอะไร
ในระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเขาก็ไม่ได้ลืมกอริลล่ายักษ์ที่วิ่งหนีไปแต่อย่างใด สะบัดมือคราหนึ่งปรากฏเกาทัณฑ์ดับตะวันจากความว่าง มือขวาควบแน่นปราณแท้สร้างศรพลังมีสภาพ ก่อนที่จะขึ้นสายทั้งยิงศรพลังออกไปทันที!
ศรพลังแหวกอากาศไปฉับไวไร้สำเนียง ทะลุศีรษะกอริลล่ายักษ์ตัวเขื่องพรากชีวิตมันไปในพริบตา!
สำหรับเขาแล้วสัตว์ร้ายตัวนี้คือคะแนน!
ตึง!!
ร่างสัตว์ร้ายตัวเขื่องที่ถูกศรพลังยิงทะลวงศีรษะล้มลงเสียงดัง ต้วนหลิงเทียนเองก็วูบร่างมาหยุดที่ศพมหึมาปานเนินเขาย่อมๆ ก่อนที่จะทำสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเขาเป็นคนฆ่าทันที!
ตราบใดที่เขาทำสัญลักษณ์ทิ้งไว้ก่อน เขาก็ไม่จำเป็นต้องห่วงว่าจะมีใครมาทำสัญลักษณ์ซ้ำเพื่อแอบอ้างว่าเป็นคนฆ่า
เพราะรอยที่หลงเหลือนั้นสามารถอ้างอิงจากความแห้งกรังของโลหิตได้ไม่ยาก ถ้าคิดชั่วหมายลบรอยแล้วทำรอยตัวเองทับ ก็จำต้องทำให้แนบเนียนหมดจด หาไม่แล้วถ้าถูกจับได้ผลที่ออกมานับว่าเลวร้ายนัก! ยังไม่รวมถึงข้อท้วงติงหลังแจกแจงคะแนน ถึงขั้นพอต้องสาบานพิสูจน์ก็คงร้ายมากกว่าดี!!
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนไปทำสัญลักษณ์ว่าเขาเป็นผู้สังหารบนร่างกอริลล่ายักษ์ตัวเขื่องนั้นเอง เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีร่างสีดำอาศัยใบไม้ปกปิด ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่ไกลๆ!
“ร่างกายของคนผู้นี้คล้ายจะมี…”
ร่างที่ซ่อนตัวอยู่นั้นเพียงใครได้มองปราดเดียวก็ต้องรู้ได้ทันทีว่าเป็นอิสตรีนางหนึ่ง! เพราะทรวดทรงองค์เอวของนางนับว่างดงามนัก!!
อีกทั้งยามนี้ดวงตากลมโตกระจ่างให้บรรยากาศคล้ายสารทฤดูยังเผยความตื่นเต้นไม่น้อย
“เจอแล้ว! ในที่สุดข้าก็หาเจอแล้ว!!”
ลูกตาของนางไม่เพียงฉายแววตื่นเต้น ร่างนางยังสั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้า ราวกับต้วนหลิงเทียนเป็นคนรู้จักที่พรัดพรากไปนานปี!!
“เขาคือต้วนหลิงเทียนที่ว่างั้นเหรอ? แต่กลิ่นอายนั่น…มิผิดแน่!!”
ไม่นานร่างสตรีดังกล่าวก็สงบลง นางพึมพำกับตัวเองด้วยความแปลกใจ
บนไหล่ของนางมีวิหกสีม่วงตัวหนึ่งเกาะไว้ นกตัวนี้แลดูน่ารักน่าชังนักมองไปไม่คล้ายมีพิษมีภัยต่อสรรพชีวิตใดๆ
ถึงแม้นกตัวนี้จะแลดูสงบนิ่ง ทว่าสองตากลมใสที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนกลับทอประกายออกมาวูบวาบ บอกให้รู้ชัดว่ามันไม่ได้สงบและไร้พิษภัยดั่งตาเห็น
สตรีนางนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนักฆ่า 4 ดาราครึ่งของตลาดมืดหยินชาน ชือเม่ย!
“เขาต้องรู้จักนางเป็นแน่…อีกทั้งความสัมพันธ์สมควรมิใช่อะไรที่ธรรมดา! หาไม่แล้วกลิ่นอายของนางที่ตกค้างบนร่างของเขาคงมิชัดเจนเช่นนี้!!”
ชือเม่ยที่สงบสติอารมณ์ลงได้หลังสัมผัสถึงกลิ่นอายบางประการบนร่างต้วนหลิงเทียน กล่าวพึมพำออกมาด้วยความมั่นใจ
ขณะเดียวกันร่างของนางก็ไหววูบอันตรธานหายไปจากกิ่งไม้ใหญ่ทันที ระยะทางห่างไกลคล้ายย่นหายในชั่วพริบตา ร่างบางพลันมาปราฏตัวในอากาศเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน สองตาจับจ้องมองสำรวจต้วนหลิงเทียนอย่างจริงจัง!
“เจ้าเป็นใคร?”
ตัวตนที่ทรงพลังถึงขั้นต้วนหลิงเทียนไม่อาจจับสัมผัสได้เลยกระทั่งนางมาอยู่เบื้องหน้าเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบแบบนี้ เขาย่อมรู้ได้ทันทีว่านางไม่ใช่ธรรมดา! เมื่อรู้สึกตัวท่าทางเขาก็จริงจังใงระวังไม่น้อย!!
“ชือเม่ย จากตลาดมืดหยินชาน”
ชือเม่ยกล่าวตอบ น้ำเสียงยังกระจ่างใสไพเราะไม่น้อย
และหากนักฆ่าของตลาดมืดหยินชานคนอื่นมาได้ยินวาจาประโยคนี้ของนางล่ะก็ คงต้องตกตะลึงพรึงเพริดแน่แท้ ที่เห็นชือเม่ยหาญกล้ากล่าววาจาเปิดเผยตัวตนออกไปแบบนี้!
ต้องทราบด้วยว่าคนของตลาดมืดหยินชานนั้น แทบจะทุกคนต้องกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าว่าจะไม่เปิดเผยตัวตนให้คนนอกรับทราบ และนั่นทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปิดเผยตัวตนออกมาแบบนี้!
และหากนักฆ่าของตลาดมืดหยินชานมาเห็นว่า กระทั่งชือเม่ยกล่าววาจาเปิดเผยตัวตนออกไปแล้ว แต่กลับไม่ถูกอัสนีสวรรค์สังหารแต่อย่างใด ก็คงต้องทวีความตื่นตระหนกไปอีกขั้น!
เพราะนี่หมายความว่า ชือเม่ย ไม่ได้เอ่ยคำสัตย์สาบาน!
หากไม่เอ่ยคำสัตย์สาบาน นั่นหมายความว่าชือเม่ยผู้นี้ไม่ได้มีฐานะเป็นนักฆ่าของตลาดมืดหยินชานจริงๆ!!
อย่างไรก็ตามจากอัตลักษณ์ที่ชือเม่ยเผยออกรวมถึงการกระทำในกาลก่อน นางนั้นสมควรเป็นนักฆ่าไม่ผิดแน่!!
ด้วยเหตุนี้ย่อมมีเหตุผลเพียงประการเดียวเท่านั้น…มีบางคนมอบสถานะนักฆ่าของตลาดมืดหยินชานให้นางโดยไม่ต้องกล่าวคำสาบาน!
และตัวตนที่กระทำเช่นนั้นได้ น่ากลัวว่าต้องเป็นระดับสูงๆของตลาดมืดหยินชาน!!
ในตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันะมิตรนั้น ผู้เดียวที่มีอำนาจสูงพอจะกระทำอะไรแบบนี้ได้ เห็นทีจะมีแต่ผู้นำสาขาเท่านั้น!!
“ตลาดมืดหยินชาน!?”
ได้ยินวาจาไพเราะที่สตรีเบื้องหน้ากล่าวออก สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้แปลกใจเรื่องที่นางเป็นอิสตรีแต่อย่างใด
ไม่ยากเลยที่เขาจะระบุได้ทันทีว่านางเป็นสตรี จากรูปร่างสมบูรณ์แบบนั่น กล่าวไปยังงดงามถึงขั้นเย้ายวนใจบุรุษแทบทุกคน!
กระทั่งตัวเขาเองทันทีที่เห็นรูปร่างนี้ของนาง ส่วนลึกในใจก็บังเกิดจิตคิดอยากเดินไปถอดหน้ากากของนางเพื่อยลโฉมสักครา ไม่ใช่ว่าเขาถูกรูปร่างของนางสะกดแต่อย่างไร แต่เป็นสัญชาตญาณของบุรุษเท่านั้น
เพราะสตรีเบื้องหน้า ทรวดทรงองค์เอวของนางมีอำนาจยั่วยวนบุรุษเหลือเกิน!
ไม่ได้ด้อยไปกว่าคู่หมั้นทั้ง 2 ของเขาด้วยซ้ำ!
อย่างไรก็ตามพอได้ยินวาจาเปิดเผยตัวตนที่อีกฝ่ายกล่าวออก สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที
ตลาดมืดหยินชานกลับส่งคนมาฆ่าเขาอีกแล้ว!
ก่อนหน้านี้เขาก็ได้รับทราบจากศิษย์พี่อย่างป๋ายลี่หงมาว่า หากตลาดมืดหยินชานส่งนักฆ่ามาสังหารเป้าหมายไม่สำเร็จ มันจะส่งนักฆ่าที่มือดีกว่ามาแทน!
กล่าวอีกนัยหนึ่งนั่นหมายความว่า…สตรีเบื้องหน้า แข็งแกร่งกว่าชายในชุดคลุมลมดำหน้าผี!
ชายในชุดคลุมลมดำนั่นก็เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่เข้าไปแล้ว!
หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกมาร ที่เขาสามารถใช้ตราผนึกมารกำราบมันได้ล่ะก็…เขาคงสิ้นชื่อไปตั้งแต่คืนนั้น!
ทว่าสตรีเบื้องหน้ากลับมีพลังฝีมือสูงส่งกว่าชายในชุดคลุมลมดำ…ในตอนนี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นไร้หนทาง!
ไม่ว่าพลังฝีมือของเขาจะก้าวหน้าและมีความแข็งแกร่งเหนือผู้คนในขอบเขตขีดขั้นเดียวกันมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ ให้พยายามลงมือเต็มที่ก็สามารถสู้ทัดเทียมกับสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ทั่วๆไปเท่านั้น!
หากเผชิญหน้ากับชายในชุดคลุมลมดำวันนั้นโดยไม่ใช่ตราผนึกมาร ถึงแม้อาจจะไม่ตายแต่เขาก็ยังไม่อาจเอาชนะมันได้อยู่ดี!
ทว่าสตรีรูปร่างสมบูรณ์แบบทั้งน้ำเสียงไพเราะเพราะพริ้งนางนี้กลับมีพลังฝีมือสูงกว่าเจ้านั่น…แล้วเขาจะต่อต้านนางได้อย่างไร?
‘ข้าแค่หวังว่านางจะเป็นผู้ฝึกมารเช่นกัน…’
ต้วนหลิงเทียนได้แต่ลอบภาวนาในใจ เพราะมีเพียงเป็นแบบนั้นเขาถึงจะรอดพ้นเงื้อมมือนางได้!
ในขณะเดียวกันเขาก็ลอบหยิบป้ายหยกออกมาแล้วเร่งบีบมันจนแตกทันที!
ป้ายหยกที่รองเจ้าสำนักจงหั่วมอบมาให้ไว้นั้น มันจารึกอาคมเซียนแจ้งเตือนเอาไว้!
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนบดขยี้ป้ายหยก ก็บังเกิดลำแสงสายหนึ่งพุ่งวาบออกจากป้ายหยกอย่างฉับไว ยังทะยานขึ้นฟ้าไปในชั่วพริบตา!
อย่างไรก็ตามก่อนที่มันจะทันได้พุ่งพ้นเหนือแนวป่าเขียวชอุ่ม มันก็ถูกพลังไร้สภาพขุมหนึ่งทำลายไปอย่างไร้ร่องรอย!
ครืน!
เห็นฉากเรื่องราวนี้ สีหน้าต้วนหลิงเทียนมืดคล้ำดำลงทันที เขามองสตรีเบื้องหน้าพร้อมกล่าวถามเสียงเรียบ “เจ้า…ยอดฝีมือขอบเขตเซียนงั้นเหรอ?”
ก่อนหน้านี้เขาได้ยินป๋ายลี่หงกล่าวบอกเอาไว้แล้ว ว่าป้ายหยกนี้กระทั่งตัวตนครึ่งก้าวเซียนยังไม่อาจหยุดยั้งได้
“หากข้าไม่ใช่ตัวตนในขอบเขตเซียน เจ้าคิดว่าข้าจะหยุดอาคมเซียนแจ้งเตือนเมื่อครู่ได้ง่ายๆงั้นหรือ?”
สตรีนางนั้นปริปากกล่าววาจาออกมาอีกครา น้ำเสียงไพเราะปานดุริยางค์สวรรค์ดังเข้าหูต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง เสียงนี้ยังคล้ายมีมนต์สะกดชวนให้หลงใหลก็ไม่ปาน!
‘กลิ่นอายพลังของนาง…ไม่สมควรเป็นของผู้ฝึกมาร’
ถึงแม้เขาจะมองไม่ทันเลยว่าเมื่อครู่สตรีเบื้องหน้าลงมืออย่างไร แต่เขามันใจว่านางร้ายกาจเกินกว่าที่เขาจะต้านทานได้ เพราะถ้านั่นไม่ใช่นางลงมือด้วยตัวเอง ก็สมควรเป็นเขตแดนของนาง!
อย่างไรก็ตามแม้นางจะลงมือออกมาแล้ว ทว่าตราผนึกมารในแหวนมิติของเขากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลย!
การที่ตราผนึกมารไม่ตอบสนอง นั่นหมายความว่านางไม่ใช่ผู้ฝึกมาร และเขาไม่อาจใช้ตราผนึกมารกับนางได้!
‘นางไม่ใช่ผู้ฝึกมาร…ไม่ใช่ผู้ฝึกมารแบบนี้…แล้วข้าจะทำยังไง?’
ตอนนี้แม้ใบหน้าจะยังคงความสงบหากแต่ในใจต้วนหลิงเทียนกลับร้อนรนไม่น้อย พลังฝึกปรือของนางสมควรบรรลุขอบเขตเซียน อีกทั้งไม่ใช่ผู้ฝึกมาร แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้!?
อย่างไรก็ตามแม้ในใจจะร้อนรนกังวลหนักหนา แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดงอมืองอเท้ารอรับความตาย สะบัดมือคราหนึ่งเรียกเกาทัณฑ์ดับตะวันออกมากระชับถือไว้ทันที เตรียมพร้อมลงมือสู้เต็มกำลัง!
“หืม?”
ทันใดนั้นเองชือเม่ยพลันกล่าวอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ สายตายังจับจ้องมองไปยังมือซ้ายของต้วนหลิงเทียนเขม็ง “ธนูคันนี้ของเจ้า ท่าทางจะมิใช่ธนูธรรมดาๆสินะ?”
ทันใดนั้นเองชือเม่ยพลันยกมือขึ้นคราหนึ่ง บังเกิดพลังไร้สภาพผนึกร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้! ทำให้เขาไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้แม้แต่ปลายนิ้ว! ทำได้แค่มองนางใช้พลังดูดรั้งชิงเกาทัณฑ์ดับตะวันไปต่อหน้าต่อตา!!
“วัตถุดิบนี่มัน…”
ทันใดนั้นชือเม่ยก็หันมามองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัยทันที “นี่เจ้าไปได้ธนูคันนี้มาจากที่ไหนกัน?”
“ข้าแค่เจอมัน”
หลังจากที่พยายามดิ้นรนขัดขืนก็แล้ว เร่งเร้าพลังสุดตัวก็แล้วแต่ไม่อาจหลุดพ้นจากพลังไร้สภาพที่สะกดร่างเอาไว้ได้เลย ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าตอนนี้ชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของสตรีเบื้องหน้าเสียแล้ว ทว่าพอได้ยินคำถามนี้ของนาง เขาพลันกลับมาครองสติได้อีกครั้ง
และตอนนี้เขายังพบความผิดปกติบางประการ
หากอีกฝ่ายเป็นนักฆ่าของตลาดมืดหยินชานจริง ไฉนต้องมาเสียเวลากล่าววาจาไร้สาระอะไรกับเขาให้มากความ? ยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่ต้นจนจบ…เขายังไม่อาจจับสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันจากร่างของนางเลย!
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลยว่าไม่ใช่แค่เพียงตัวเขาเท่านั้นที่แปลกใจ แต่เกรงว่าต่อให้ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรเห็นการกระทำผิดแปลกชือเม่ย ที่เอาแต่กล่าววาจาวุ่นวายแบบนี้คงได้ตะลึงงันเป็นแน่! เพราะพฤติกรรมของชื่อเม่ยกลับผิดแปลกไปจากเดิมราวคนละคน!!
“อะไรเล่า? นี่เจ้าคิดว่าข้าอยากได้ธนูของเจ้ารึไง หือ?”
ชือเม่ยยิ้มบางๆ สะบัดมืออีกครั้ง พลังไร้สภาพที่สะกดผนึกร่างต้วนหลิงเทียนไว้ก็สลายหาย ก่อนที่นางจะใช้พลังหยิบยกส่งมอบเกาทัณฑ์ดับตะวันคืนมาให้เขา
เรื่องนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจไม่น้อย “เจ้าเป็นนักฆ่าของตลาดมืดหยินชาน ที่มานี่..ไม่ใช่เพราะมาเพื่อฆ่าข้ารึไง?”
“ข้าก็มาที่นี่เพราะต้องฆ่าเจ้านั่นล่ะ”
ชือเม่ยพยักหน้า
ได้ยินวาจานี้ของชือเม่ย ลูกตาของต้วนหลิงเทียนทอประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง กล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงระวัง “อาศัยพลังฝีมือของเจ้า คิดฆ่าข้าคงง่ายดายไม่ต่างฆ่าไก่…แล้วทำไมเจ้ายังไม่ลงมือ?”