เหมือนกัน
“ฆ่าเจ้านับเป็นเรื่องง่ายดายนัก ทว่ายามนี้ข้าสนใจเจ้ามาก เจ้าวางใจได้เลย…หลังจากนี้ไปตลาดมืดหยินชานจะเพิกถอนภารกิจฆ่าเจ้าทุกกรณี”
ได้ยินวาจาเรียบๆคล้ายไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี้ของชือเม่ย ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง
สตรีนางนี้ใช่แอบหลงรักเขาตั้งแต่แรกพบหรือไม่?
พอคิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะขนลุกขึ้นมา
ถึงแม้สตรีเบื้องหน้าจะมีทรวดทรงองค์เอวอันไร้ที่ติ แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าภายใต้หน้ากากและโม่งดำนั่น นางมีรูปร่างหน้าตาเช่นไร?
อาจน่าเกลียดน่ากลัวเป็นตัวประหลาดก็ได้!
อย่างไรก็ตาม ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับตะลึงงัน
นั่นเพราะอยู่ดีๆชือเม่ยก็เอื้อมมือขึ้นไปเลิกผ้าคลุมทั้งถอดหน้ากากออกมาอย่างกะทันหัน เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา!
ผมสีดำขลับยาวสลวยทอดยาวลงมาปานม่านน้ำตก ดวงตากระจ่างใสแฝงกลิ่นอายสารทฤดู ยามต้องแสงพลันเผยประกายสว่างไสวปานมวลหมู่ดาราบนฟ้าในราตรีกาล จมูกน้อยๆโด่งตั้งคมสัน ริมฝีปากอวบอิ่มเผยสีแดงระเรื่อ แม้ใช้คำงามล่มเมือง ยังไม่เกินเลยแม้แต่น้อย..
ใบหน้าที่งดงามได้รูปของนางปานหยกสลาขัดเกลามาอย่างดีแทบไม่ต่างใดจากภาพวาด
อย่างไรก็ตามพอได้เห็นใบหน้างดงามอันไร้ที่ตินี้ ร่างต้วนหลิงเทียนถึงกับนิ่งค้างไปทันใด สองตายังเบิกกว้างเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อปานพบพานภูตผีกลางวันแสกๆ
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจถึงที่สุดและอื้ออึงยากจะเชื่อของต้วนหลิงเทียน ลึกลงไปในแววตาของชือเม่ยพลันเรืองแสงสว่างขึ้นมาวูบหนึ่ง
ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะเป็นดั่งที่นางคาดเอาไว้!
ชายผู้นี้สมควรมีสัมพันธ์กับคนที่นางตามหา อีกทั้งคงมีสัมพันธ์อันลึกซึ้งต่อกัน หาไม่แล้วกลิ่นอายที่ตกค้างบนร่างของชายเบื้องหน้าคงไม่มากมายขนาดนี้
จังหวะนี้ยากจะมีผู้ใดในโลกเข้าใจอารมณ์ของต้วนหลิงเทียนได้!
ใจเขาเตลิดเปิดเปิงแถมเต็มไปด้วยมวลอารมณ์จุกอกยากจะกล่าว ไม่อาจสงบใจลงได้อยู่นาน ครู่ต่อมาแววตาสับสนไม่เข้าใจก็เผยความอ่อนโยน หลังจากนั้นก็เริ่มเลื่อนลอยคล้ายกำลังหวนคำนึงถึงความทรงจำในวันวาน สุดท้ายก็กลายเป็นสลับซับซ้อน
เรื่องที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนถึงกับเสียอาการไปแบบนี้ไม่ใช่อื่นใด เพราะรูปโฉมของสตรีเบื้องหน้าไม่ใช่อะไรที่แปลกหน้าสำหรับเขาเลย
แน่นอนว่าถึงแม้ใบหน้าในความทรงจำของเขาจะเหมือนกันกับใบหน้าของนางทุกประการ แต่ความรู้สึกที่ให้ยังต่างกันไม่น้อย…นางไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนสาวน้อยของเขา
ถูกแล้ว ใบหน้าของชือเม่ยที่งดงามปานล่มเมืองนั้น แทบไม่มีใดผิดแผกไปจากเค่อเอ๋อ สาวน้อยไร้เดียงสาคู่หมั้นของเขาไม่มีผิด!
ไม่ว่าจะรายละเอียดอะไรบนใบหน้าเรียกว่าไม่ต่างใดจากกระจกสะท้อน!
อย่างไรก็ตามแม้ใบหน้าของนางจะเหมือนเค่อเอ๋อมากเพียงใด แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีทางเข้าใจผิดว่านางเป็นเค่อเอ่อเด็ดขาด!
นั่นเพราะความรู้สึกที่ให้ มันคนละเรื่องกับเค่อเอ๋อเลย!
ความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้ยามมองเค่อเอ๋อนั้น บริสุทธิ์สดใสเต็มไปด้วยความอ่อนโยน หากทว่าชือเม่ยเบื้องหน้ากลับแฝงความเย็นชาเด็ดเดี่ยวเอาไว้
ในตอนนี้ใจต้วนหลิงเทียนพลันบังเกิดความคิดขึ้นมาประการหนึ่ง ว่านางใช่ฝาแฝดของเค่อเอ๋อหรือไม่?
ทว่าครู่ต่อมาเขาก็ต้องล้มเลิกความคิดดังกล่าวไปทันที
นั่นมันเพราะเรื่องนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!
ชือเม่ยเป็นนักฆ่าของตลาดมืดหยินชานที่อยู่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า อีกทั้งยังเป็นตัวตนที่อยู่ในขอบเขตเซียน!
ทว่าเค่อเอ๋อนั้น ถือกำเนิดในถิ่นธุรกันดารล้าหลังอย่างอาณาจักรนภาล่องของทวีปมนุษย์ และนางก็เป็นเหมือนเขา..มีต้นกำเนิดที่เมืองวายุโปรย ยากนักที่นางจะมีความสัมพันธ์เช่นนั้นกับเค่อเอ๋อ!
ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่เขาพบพานเค่อเอ๋อ นางยังต้องขายตัวเองเป็นทาสเพื่อหาเงินไปฝังศพมารดาด้วยซ้ำ
และเขาไม่เคยได้ยินเลยสักครั้งที่เค่อเอ๋อจะกล่าวว่ามารดาของนางไม่ใช่มารดาแท้ๆ
“ว่ามา เจ้าต้องการอะไรจากข้ากันแน่?”
ต้วนหลิงเทียนเก็บคำถามนับหมื่นพันไว้ในใจ ค่อยกล่าวเรื่องสำคัญตอนนี้ออกมาเสียงเข้ม
ชือเม่ยเบื้องหน้าจะอย่างไรก็คือนักฆ่าของตลาดมืดหยินชาน แต่จากวาจาของนางก่อนหน้า…ไม่เพียงแต่นางจะไม่ฆ่าเขา แต่นางจะถอนภารกิจสังหารของเขาออกไปด้วย!
เรื่องนี้ทำให้เขาตระหนักได้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
นั่นเพราะนางไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา เช่นนั้นนางก็ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องอะไรแบบนี้
หากมีใดผิดปกติสมควรมีปีศาจ!
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนมั่นใจนัก
“อะไรกัน? เจ้าเป็นบุรุษตัวโตแท้ๆ แต่กลัวสาวน้อยบอบบางเช่นข้าหรือ?”
รอยยิ้มโค้งอันสมบูรณ์แบบเผยให้เห็นบนริมฝีปากอวบอิ่มของชือเม่ย
ใบหน้างามล่มเมืองของชือเม่ย และร่างกายอันไร้ที่ติของนางนั้นมากพอจะกระตุ้นแรงปรารถนาในส่วนลึกของบุรุษทุกคน ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับไม่แยแสแม้แต่น้อย กลับยิ่งทำให้เขาตื่นตัวระแวดระวังมากขึ้น
“ข้าแน่ใจว่าเจ้าคงไม่ล้มเลิกความคิดสังหารข้า กระทั่งถอนภารกิจสังหารข้าออกจากตลาดมืดหยินชานโดยไร้เหตุผล…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“ไร้เหตุผล? แน่นอนว่าข้าย่อมมีเหตุผล!”
ชือเม่ยกล่าวเสียงเบาพร้อมหัวเรา “ก่อนหน้าเจ้า หากข้าชือเม่ยลงมือ มิเคยมีใครรอดจากภารกิจสังหารของข้าแม้แต่คนเดียว…เจ้านับเป็นคนแรก!”
“งั้นข้าต้องรู้สึกเป็นเกียรติแล้วสิ?”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเย้ยเบาๆ ค่อยถาม “ว่ามาเถอะว่าเจ้าต้องการอะไรกันแน่ ถึงไม่เพียงไม่ฆ่าข้า แต่ยังช่วยถอนภารกิจออกให้ข้า?”
“ต้องการอะไร? อืม…เอาเป็นว่า ข้าอยากทำเพื่อเจ้าดีหรือไม่?”
ชือเม่ยเผยยิ้ม
วาจานี้ของชือเม่ยทำให้หน้าต้วนหลิงเทียนมืดลงทันใด
ผู้ใดจะไปรู้ว่าสตรีเบื้องหน้าเขานางนี้ใช่เป็นแม่มดเฒ่าชราพันปีปลอมตัวมาหรือไม่ ยังมีใครบอกได้ว่าอายุของนางมิใช่รุ่นราวคราวเดียวกับยายทวดเขา?
ยังดีที่ชือเม่ยไม่อาจอ่านความในใจของต้วนหลิงเทียนได้ หาไม่แล้วหากนางรู้ว่าต้วนหลิงเทียนคิดอะไรอยู่ นางคงได้ทุบตีเขาจนตาย!
“เอาล่ะ ข้าเชื่อว่าพวกเราต้องได้พบกันอีก”
ชือเม่ยมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้งรอบหนึ่ง ก่อนที่จะอันตรธานหายไปจากสายตาเขา โดยที่เขาไม่อาจจับความเคลื่อนไหวของนางได้เลย
“นางเป็นใครกันแน่?”
ใจต้วนหลิงเทียนบังเกิดความสับสนไม่น้อย
‘นักฆ่าของตลาดมืดหยินชาน ที่หน้าคล้ายเค่อเอ่อราวฝาแฝด…ตอนแรกนางมาเพื่อฆ่าข้าไม่ผิดแน่ แต่ไม่ทราบเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้นางเปลี่ยนใจ สุดท้ายไม่เพียงไม่ฆ่าข้าแต่ยังเพิกถอนภารกิจสังหารข้าให้อีก…’
ใจต้วนหลิงเทียนค่อยๆเรียบเรียงเรื่องราว ทว่ายังจับต้นชนปลายไม่ถูก
แน่นอนว่าเขาคงไม่หลงตัวเองถึงขั้นที่คิดว่านางไม่ฆ่าเขา เพราะเห็นความหล่อของเขาอะไรแบบนั้นแน่นอน
ในฐานะนักฆ่าของตลาดมืดหยินชานที่จิตใจอำมหิตเย็นชา คงยากที่นางจะมีความรู้สึกเหลวไหลอะไรเช่นนั้น
‘คิดยังไงเรื่องนี้ก็มีความเป็นไปได้อย่างเดียว…นางมีความเกี่ยวข้อกับเค่อเอ๋อไม่ว่าจะทางใดก็ทางหนึ่งแน่! แต่ยังไงก็ตามถึงมันจะเกี่ยวข้องกับเค่อเอ๋อจริง…แล้วนางรู้ได้ยังไงว่าข้ามีความสัมพันธ์กับเค่อเอ๋อ อย่าได้บอกเชียวว่านางปิดบังตัวตนและคอยจับตาดูข้ากับเค่อเอ๋อมาโดยตลอด…’
‘แต่ถ้านางปิดบังตัวตนเช่นนั้น นางสมควรต้องเป็นไปลอบปกป้องคุ้มครองเค่อเอ๋อ…แล้วทำไมนางถึงมาติดตามข้าได้ นอกจากนี้ก็แม้จะติดตามข้ามาจริงแต่ก็ไม่มีเหตุผลที่นางต้องเปิดเผยตัวตนแม้แต่น้อย’
ยิ่งขบคิดเท่าไหร่ ต้วนหลิงเทียนก็ยากจะเข้าใจเรื่องราว
‘หลังจากที่กลับไปเกาะป้านเยว่ข้าจะลองถามเค่อเอ๋อดู…แต่เค่อเอ๋อก็เล่าเรื่องของนางให้ข้าฟังหมดแล้ว นางไม่เคยพูดถึงเรื่องที่ยังมีญาติหลงเหลืออยู่ในโลกใบนี้เลย’
เมื่อไม่อาจคิดได้ออก ต้วนหลิงเทียนก็หยุดคิดมันไปเสีย เขากลับมาสนใจการแข่งขันล่าสัตว์อีกครั้ง
เวลาผ่านไปอีกสักพักจนในที่สุดก็ครบกำหนด…การแข่งขันล่าสัตว์จึงถึงกาลสิ้นสุด
ในแง่ของผลคะแนน แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมได้อันดับที่ 1 เป็นธรรมชาติ!
“ต้วนหลิงเทียนจักมีคะแนนมากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร…นี่มันมากกว่าอันดับที่สองถึง 10 เท่า! ต่อให้ฆ่าสัตว์ร้ายทั้งหมดที่พบเจอในป่า ก็มิน่าจักเป็นไปได้ที่จะมีคะแนนมากมายถึงเพียงนี้!!”
ต้วนหลิงเทียนได้อันดับ 1 ในการแข่งขันล่าสัตว์ เรื่องนี้ศิษย์ฝ่ายในไม่มีใครแปลกใจ เพราะได้ยินเรื่องราวความสามารถของต้วนหลิงเทียนมาก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตามความสำเร็จที่มากเกินไปของต้วนหลิงเทียน อดทำให้ศิษย์ฝ่ายในทั้งหลายคิดไปไม่ได้ว่าเขาโกง!
เผชิญหน้ากับคำถามแคลงใจของศิษย์ฝ่ายในทั้งหลาย ต้วนหลิงเทียนยังคงสงบและไม่ได้สนใจอะไรพวกมันเลย
“เหตุผลที่คะแนนของต้วนหลิงเทียนสูงมากนั่นเพราะเขาได้ฆ่า กอริลล่ายักษ์คลั่ง!”
ตอนนี้เหล่าอาวุโสที่ทำหน้าที่ผู้ตรวจสอบคะแนนต้วนหลิงเทียน ทำได้แค่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน สุดท้ายก็อดไม่ได้จำต้องกล่าวอธิบายให้ศิษย์ฝ่ายในที่แคลงใจทั้งหลายฟัง
ในขณะที่มันกล่าวออกมา อาวุโสคนอื่นก็เผยยิ้มขมขื่น เห็นชัดว่ารู้อยู่แล้ว
ตั้งแต่ต้นจนจบสีหน้าป๋ายลี่หงยังคงสงบ ปานรู้แต่แรกว่าจะต้องเป็นแบบนี้
รองเจ้าสำนักจงหั่ว มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน สีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมายากจะบอกได้ว่ามันคิดอะไรอยู่
“กอริลล่ายักษ์คลั่ง!”
สิ้นคำอธิบายของอาวุโสตรวจสอบ ศิษย์ฝ่ายในทั้งหลายถึงับตะลึงงันอ้าปากหวอ!
กอริลล่ายักษ์คลั่ง ไม่ใช่ชื่อที่แปลกหูสำหรับพวกมัน
นั่นคือสัตว์ร้ายที่รู้จักกันดี ว่าเป็นตัวอันตรายในบรรดาสัตว์ร้ายขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ! และเมื่อมันเข้าสู่สภาวะคุ้มคลั่ง พลังอำนาจของมันก็เหนือกว่าสัตว์ร้ายในขอบเขตเดียวกันไปไกล ทั้งหลายยังตั้งสมญานานให้มันว่า เครื่องจักรสังหารสู่เซียนเชี่ยวชาญ!
อย่างไรก็ตามสัตว์ร้ายที่อันตรายนั่นกลับถูกต้วนหลิงเทียนฆ่า?
ขวับ! ขวับ! ขวับ!
……
ทันใดนั้นทุกสายตาของศิษย์ฝ่ายในก็พร้อมใจกันหันมามองจ้องต้วนหลิงเทียน
ในแววตาทั้งหลายเผยความตื่นตะลึงและประหลาดใจ
ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะลงมืออย่างไรกันแน่ แต่ตอนนี้นับว่าโดดเด่นนัก!
“อีกทั้งเพราะกอริลล่ายักษ์คลั่งนั่น มันถูกสังหารตอนที่เข้าสู่สภาวะคุ้มคลั่ง คะแนนที่ได้จากการสังหารมันก็ย่อมเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเช่นกัน…นี่เป็นเหตุผลว่าไฉนคะแนนล่าของต้วนหลิงเทียนจึงสูงกว่าพวกเจ้านัก…หรือหากมีพวกเจ้าคนใดกังขา ก็ไปฆ่าสัตว์ร้ายขอบเขตสู่เซียนเชี่ยวชาญที่เข้าสู่สภาวะคุ้มคลั่งจนมีพลังอำนาจสูงกว่าเดิมนับสองเท่าดูเองเถอะ!”
อาวุโสฝ่ายในที่ตรวจสอบคะแนนต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอีกรอบ
จังหวะนี้ถึงแม้ศิษย์ฝ่ายในจะเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน แต่ก็ไม่มีใครกล่าวอะไรออกมาอีก
ด้วยเหตุนี้การแข่งขันล่าสัตว์ประจำปีจึงสิ้นสุดลง โดยมีต้วนหลิงเทียนประสบความสำเร็จได้รับเกียรติยศอันดับ 1 นอกจากนั้นยังได้รับสิทธิ์ในการเข้าคลังสมบัติของสำนัก
ถึงแม้สิ่งของในคลังสมบัติสำนักจะถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น อีกทั้งก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของดีจึงทำให้เข้าข่ายตาดีได้ตาร้ายเสีย แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีของดีอยู่ไม่น้อย
แน่นอนว่าโดยมากแล้วพวกมันเป็นขยะ!
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนก็ตั้งความหวังเอาไว้ไม่น้อย! เขายังรู้สึกว่า…เขาน่าจะได้รับสมบัติล้ำค่าบางอย่างออกมา!
ในขณะเดินทางกลับสำนักจันทร์จรัสแสง ศิษย์ฝ่ายในหลายคนก็ลอบมองมาทางต้วนหลิงเทียนบ่อยครั้ง สายตายังเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อนยากจะกล่าว
พวกมันทั้งหมดล้วนเข้าร่วมสำนักมาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้วขึ้นไปทั้งสิ้น ทว่ากลับไม่มีใครเลยที่สามารถเทียบกับต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเข้าร่วมสำนักมาได้แค่เพียงปีเดียว ทำให้พวกมันรู้สึกอึดอัดในใจอยู่บ้าง
‘ท่านลุงข้าหวังว่าท่านจะละวางความบาดหมางระหว่างท่านกับต้วนหลิงเทียนให้ได้โดยเร็ว…หาไม่แล้วท่านก็ทำได้ขุดหลุมฝังศพตัวเองเท่านั้น’
เฮ่อจงเองก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อนเช่นกัน ยังยิ่งกว่าศิษย์ฝ่ายในคนอื่นด้วยซ้ำ
ต้วนหลิงเทียนนั้น กล่าวได้ว่ามันเห็นอีกฝ่ายก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆทีละก้าว ความเร็วในการก้าวหน้าเติบโตของต้วนหลิงเทียน มันทำได้เพียงกินฝุ่นที่อีกฝ่ายเหลือทิ้งไว้เท่านั้น…
ขณะเดินทางกลับ…อาวุโสระดับสูงของสำนักจันทร์จรัสแสง ไม่ว่าจะเป็นป๋ายลี่หงหรือจงหั่วไม่ได้รู้ตัวแม้แต่น้อย
ว่าด้านหลังห่างไปไม่ไกล มีร่างหนึ่งในชุดคลุมลมดำลอบติดตามพวกมันมาด้วยความเร็วไม่รีบไม่ร้อน ร่างในชุดคลุมลมดำที่ว่าเป็นสตรีอันมีรูปร่างเย้ายวนใจ
บนไหล่ของนางมีวิหกสีม่วงเกาะอยู่ ท่าทางยังคล้ายงีบหลับไปแล้ว