ตอนที่ 107 ฆ่าปิดปาก

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 107 ฆ่าปิดปาก

เย่หลานผิงรู้สึกได้ว่าสมองของเขาเกิดเสียง ‘ตูม’ เหมือนกับจะระเบิดออก หายตัวไปภายในวังแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?

เขาไม่กล้าคิดเลย เขาไม่กล้าคิดเลยว่าหากหนานหนานไปชนเข้ากับผู้สูงศักดิ์สักคนหนึ่ง เขาจะถูกฆ่าหรือถูกกักขังเพราะเหตุนี้หรือไม่ ตอนนี้ เขา…เขาจะอธิบายกับท่านลุงห้าอย่างไร?

ครั้นนึกถึงนัยน์ตาเย็นชาประหนึ่งอสุราแห่งนรกภูมิของท่านลุงห้า ร่างกายของเขาพลันสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่

เย่หลานผิงถึงกับเข่าอ่อน ทรุดนั่งลงบนพื้นในทันที หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาด้านในภูเขาเทียมอย่างไม่ยอมแพ้ ตะโกนเสียงเบา “หนานหนาน รีบออกมาเร็ว อย่าซ่อนตัวอยู่เลย เร็วเข้า พี่ชายจะพาเจ้าไปกินอาหารชาววังแล้วนะ ถ้ายังไม่ออกมา อาหารถูกกินจนหมด พวกเราคงไม่มีอะไรให้กินแล้ว หนานหนาน?”

เขาเรียกอยู่นาน แต่ก็ยังไม่มีใครขานรับตอบกลับมา

ร่างกายของเย่หลานผิงสั่นรุนแรงยิ่งกว่าเดิม เขาใช้เท้าเตะไปที่เด็กรับใช้ซึ่งกำลังนอนสลบเหมือดอยู่บนพื้น

เด็กรับใช้คนนั้นถูกเขาเตะอย่างแรงอยู่สองสามครั้งจึงสะดุ้งตื่น สมองของเขายังคงมึนงงไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรนัก จนกระทั่งเย่หลานผิงบีบคอของเขาและตวาดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างเหี้ยมโหด “ไอ้สารเลว ข้าบอกให้เจ้าจับตาดูหนานหนานอยู่ที่นี่ หนานหนานไปไหนแล้ว?”

เด็กรับใช้ได้สติกลับมาในทันที ผ่านไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด รีบคุกเข่าลง ตอบกลับด้วยเนื้อตัวสั่นเทิ้ม “ซื่อ…ซื่อจื่อ…ข้า…ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ เด็กคนนั้นเดิมทีก็นั่งอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง แต่หลังจากรออยู่ครู่หนึ่งเห็นว่าซื่อจื่อยังไม่กลับมา เขา…เขาก็เลยรอไม่ไหวแล้ว ยืนกรานว่าจะออกไปหาท่านให้ได้ ข้าน้อยไม่ยอมให้เขาไป เขาจึงเตะข้าน้อยแรง ๆ สองครั้ง จากนั้นก็…ก็ไม่รู้ว่าเอาอะไรยัดใส่ปากข้าน้อย ข้าน้อยจึงสลบไปไม่เห็นอะไรอีกเลยขอรับ”

เย่หลานผิงดวงตาแดงก่ำ จับหัวของเด็กรับใช้คนนั้นโขกเข้ากับก้อนหินที่อยู่ข้าง ๆ ทันที “ข้ายังต้องการเจ้าอีกทำไม? เด็กแค่คนเดียวยังดูแลไม่ได้ เจ้าก็ไปตายซะ”

เด็กรับใช้ใช้มือกุมศีรษะไว้ พยายามจะรักษาชีวิตของตนเอง ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว ไม่สนใจบาดแผลที่อยู่บนมืออีกแล้ว

“ซื่อจื่อไว้ชีวิตด้วย ซื่อจื่อไว้ชีวิตด้วย ซื่อจื่อ…”

“หุบปาก” เย่หลานผิงเตะเขาแรง ๆ หนึ่งครั้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยังไม่ไปตามหาอีก?”

“ขอรับ ขอรับ ขอรับ” เด็กรับใช้รีบลุกขึ้นยืน วิ่งออกจากภูเขาเทียมด้วยความรีบร้อน

เย่หลานผิงปวดหัวไปหมดแล้ว ตอนที่ออกจากภูเขาเทียม เขากำลังคิดว่าหนานหนานไปที่ใดกันแน่

หากเขาอยากกินอาหาร เช่นนั้นก็ต้องเป็นห้องพระเครื่องต้น แต่เด็กคนนั้นไม่รู้สักหน่อยว่าห้องพระเครื่องต้นอยู่ที่ใด จะไปได้อย่างไร? มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ…ตำหนักเซิงผิงของซูเฟย

ถึงอย่างไรตอนแรกที่เขาพาหนานหนานเข้ามา ก็บอกว่าเป็นสถานที่แห่งนี้

นึกเช่นนี้ เย่หลานผิงก็ไม่กล้าล่าช้าอีก รีบวิ่งเข้าไปด้านในตำหนักเซิงผิงอย่างรีบร้อน ยังไม่ทันไปถึงด้านในวัง ท่านเป่าอ๋องและหวังเฟยก็เดินออกมาพอดี เมื่อเห็นเขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก กระซิบถาม “ผิงเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

“ไม่ขอรับ ลูกจะเป็นอะไรได้อย่างไรกัน” เย่หลานผิงยิ้มแห้ง ๆ รีบส่ายหน้าพัลวัน

เขาทราบดี ท่านพ่อและท่านแม่ก็คงจะรู้เรื่องที่เขาถูกเรียกตัวให้เข้าเฝ้าเสด็จปู่กันหมดแล้ว

เขามองเข้าไปด้านใน กระซิบบอก “ลูกจะเข้าไปคารวะทักทายเสด็จย่า”

“นี่ กลับมา” ท่านอ๋องเป่ารีบดึงเขาไว้ ลากเข้าออกมาเดินสองสามก้าว ก่อนจะกระซิบบอก “เสด็จย่าของเจ้าพักผ่อนแล้ว อย่าได้เข้าไปรบกวนท่านเลย’

“เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?” เย่หลานผิงขมวดคิ้ว เช่นนั้นก็หมายความว่าเขาเข้าไปหาหนานหนานไม่ได้แล้วสิ?

เป่าหวังเฟยมองเขาปราดหนึ่ง เดินมาข้าง ๆ และซับเหงื่อบนหน้าผากให้เขา กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “เสด็จย่าของเจ้าไม่ค่อยสบาย เจ้าอย่าเข้าไปรบกวนเลย อีกอย่าง เมื่อครู่เสี่ยวกงกงที่อยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาทก็มาที่นี่ แจ้งให้ทราบเรื่องที่เจ้าถูกเสด็จปู่ลงโทษกักบริเวณเพื่อตรึกตรองถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เจ้ารีบกลับไปพร้อมกับพวกเราเถิด อย่าได้ยั่วโทสะให้เสด็จปู่ของเจ้าไม่พอพระทัยมากไปกว่านี้”

“แต่ว่า…” หนานหนานยังอยู่ในวังและยังหาตัวไม่เจอ เขาจะกลับไปได้อย่างไรกัน? “หากเสด็จย่าไม่สบาย ลูกก็ยิ่งต้องอยู่ที่นี่เพื่อดูแล จึงจะแสดงให้เห็นถึงความกตัญญูนะขอรับ”

“พอแล้ว ผิงเอ๋อร์ รีบกลับ อย่าได้สร้างปัญหามากไปกว่านี้” ท่านเป่าอ๋องเริ่มหมดความอดทนแล้ว หลังจากส่งสายตาให้หวังเฟยก็เดินนำออกไปก่อน

หวังเฟยเม้มปาก ก่อนจะลากเย่หลานผิงออกไปด้านนอกโดยไม่ฟังคำอธิบายใด ๆ

เย่หลานผิงจนปัญญา เมื่อครู่เขาก็เพิ่งถูกเสด็จปู่ลงโทษไป ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ยิ่งไม่สามารถพูดได้ว่าเขาแอบพาเด็กเข้ามาในวังเป็นการส่วนตัว มิเช่นนั้นภายในวังมีคนจับตามองมากขนาดนั้น เขาคงได้ทำให้เสด็จพ่อและซูเฟยลำบากไปด้วย

เขาได้แต่ถอนหายใจออกมา และเดินตามท่านเป่าอ๋องและหวังเฟยออกจากประตูวังอย่างจนปัญญา

ตอนที่เดินมาถึงครึ่งทาง เขาก็พบเด็กรับใช้ที่เหงื่อชุ่มไปทั้งศีรษะพอดี เขาดึงมาข้างกายพร้อมกับกระซิบถาม “เป็นอย่างไร? เจอหรือไม่?”

เด็กรับใช้ส่ายหน้า เขาแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “ซื่อจื่อ พระราชวังแห่งนี้ใหญ่โตขนาดนั้น จะตามหาเจอภายในระยะเวลาเพียงชั่วครู่ได้อย่างไรกันขอรับ?”

เย่หลานผิงปล่อยมือแรง ๆ คิดอยากเตะเขาอีกสักครั้ง “แล้วจะให้ทำอย่างไร? หรือจะแกล้งตาย จะได้โยนเขาไว้ที่นี่โดยไม่ต้องสนใจอะไรแล้ว?”

“ซื่อจื่อ ตอนนี้พวกเราคงทำได้แค่นี้แล้วขอรับ ยืนกรานไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำเป็นไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหนานหนานถึงได้เข้ามาในวัง ต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเราก็แค่ทำเป็นไม่รู้”

“เจ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว เหวินเทียนผู้นั้นเป็นองครักษ์ของท่านลุงห้า เขารู้แล้วว่าหนานหนานอยู่กับข้า”

เด็กรับใช้ชะงัก แล้วพูดอย่างเหี้ยมโหด “ซื่อจื่อ องครักษ์เหวินยังหมดสติอยู่ พวกเราก็ใช้โอกาสนี้ทำแล้วก็ทำให้สุดสิขอรับ…ถึงเวลานั้นถ้าตายไปแล้วก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน ต่อให้ท่านซิวอ๋องถาม พวกเราก็บอกไปว่าองครักษ์เหวินพาหนานหนานกลับไปตั้งนานแล้ว ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเรา”

เย่หลานผิงขมวดคิ้วจนแน่น ยังตัดสินใจไม่ได้

เพียงแต่สิ่งที่เขาไม่รู้ยิ่งกว่านั้นก็คือ เหวินเทียนฟื้นขึ้นมาแล้ว ตอนนี้กำลังจับคนของตำหนักเป่าอ๋องเพื่อถามว่าทั้งสองคนไปไหน

หนานหนานไม่ได้วางยาแรงให้เขาแต่อย่างใด แต่เขาก็ยังไม่ไว้ใจหากปล่อยให้เหวินเทียนเป็นลมหมดสติอยู่ในสถานที่แปลกถิ่นนานเกินไป ดังนั้นจึงกะเวลาให้พวกเขามาถึงพระราชวัง เหวินเทียนก็ฟื้นแล้ว

อีกอย่าง คนของตำหนักเป่าอ๋องต่างก็ไม่รู้ว่าเย่หลานผิงไปที่ใด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถบอกได้

เหวินเทียนโกรธจนเกือบจะสังหารทิ้ง เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ อยู่หลายครั้งกว่าจะสงบสติอารมณ์ลง

เขาเองก็มิใช่คนโง่ จึงพอจะเดาได้ถึงเหตุผลที่หนานหนานทำให้เขาหมดสติไป

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เปลี่ยนเป็นความซับซ้อนแล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่กลับไปรับโทษกับนายท่านก่อน

เหวินเทียนขบฟันแน่น เดินทางออกจากตำหนักเป่าอ๋อง มุ่งหน้าไปที่ตำหนักซิวอ๋องทันที

เย่ซิวตู๋เพิ่งรับประทานอาหารค่ำเสร็จ เขาเช็ดปากมองดูไปด้านนอก บัดนี้ก็ดึกมากแล้ว แต่กลับยังไม่เห็นหนานหนานและเหวินเทียนกลับมา

คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันอย่างห้ามไม่อยู่ ตอนที่กำลังตัดสินใจให้คนขับรถม้าไปรับพวกเขา เหวินเทียนก็พุ่งตัวเข้ามา เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น พร้อมกับคุกเข่าลงบนพื้น

“โปรดท่านอ๋องลงโทษข้าน้อยด้วย ข้าน้อยทำภารกิจได้ไม่ดี ทั้ง ๆ ที่แบกรับความเชื่อใจจากท่านอ๋อง”

อวี้ชิงลั่วเพิ่งจะลุกขึ้นยืนทำท่าจะออกจากโถงบุปผา ถึงกับตกใจเพราะการกระทำอย่างฉับพลันของเขาที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด กะพริบตาปริบ ๆ เอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

เย่ซิวตู๋เม้มปากแน่น แค่เห็นว่าด้านหลังของเขาไม่มีหนานหนาน ก็ทราบแล้วว่าต้องเกิดเรื่องกับเด็กคนนั้นเป็นแน่

สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นเฉียบคมและเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“ผิง…ผิงซื่อจื่อพาหนานหนาน เข้าวังไปแล้วขอรับ”

“อะไรนะ???”

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ป่วนวังขนาดนี้ จับตัวได้เมื่อไหร่เตรียมโดนท่านพ่อท่านแม่ลงโทษเลยเจ้าหนานหนาน

ไหหม่า(海馬)