ตอนที่ 108 อย่าทำมันตายล่ะ

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 108 อย่าทำมันตายล่ะ

เย่ซิวตู๋รีบดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ทันที ยื่นมือออกไปพร้อมกับกวาดถ้วยชามบนโต๊ะลงบนพื้น

เสียงเคร้งคร้างดังก้องกังวาน จนเสิ่นอิงและคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านนอกตกใจจนต้องรีบวิ่งเข้ามา

เมื่อเห็นสีหน้าของนายท่านมึนตึงไป ขณะที่เหวินเทียนคุกเข่าอยู่บนพื้น พวกเขาจึงหันสบตากัน ภายในใจเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีปรากฎขึ้นภายในใจ

อวี้ชิงลั่วเพียงแค่ขมวดคิ้ว ไม่ได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบรุนแรงเท่ากับเย่ซิวตู๋ น้ำเสียงก็เย็นชาเป็นอย่างมาก “เจ้าเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ข้าฟังสิ หนานหนานเข้าวังไปได้อย่างไรกัน?”

“เป็นเพราะข้าน้อยไร้ความสามารถ ผิงซื่อจื่อบอกว่าสามารถพาหนานหนานไปกินอาหารชาววังได้ ตอนนั้นข้าน้อยควรระมัดระวังตัวไว้ เพียงแต่…” เหวินเทียนรู้สึกหงุดหงิดอยู่ภายในใจเป็นอย่างมาก เมื่อนึกถึงตนเองที่ละทิ้งหน้าที่ อาจทำให้หนานหนานเกิดอุบัติเหตุได้ ก็อยากจะใช้ความตายเพื่อเป็นการไถ่โทษ

เรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักเป่าอ๋องเป็นเพราะเขาประมาทเลินเล่อ เขาไม่ควรปล่อยให้หนานหนานอยู่กับเย่หลานผิงตามลำพัง

“ดังนั้น หนานหนานจึงให้เจ้ากินขนมกุ้ยฮวาชิ้นนั้นเข้าไปจนทำให้เจ้าหมดสติไป?” อวี้ชิงลั่วกระซิบถาม มุมปากกระตุกวูบ เจ้าเด็กบ้านี่ เริ่มสร้างปัญหาอีกแล้ว

เหวินเทียนรู้สึกละอายใจ “ขอรับ…ข้าน้อยลองถามคนของตำหนักเป่าอ๋องแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าหนานหนานไปที่ใด แต่ตอนที่ข้าน้อยกลับมาได้ลองถามดูแล้ว ผิงซื่อจื่อไปที่วังจริง ๆ หนานหนานก็น่าจะไปกับเขาด้วยถึงจะถูก”

เย่ซิวตู๋ยังคงแสดงสีหน้าไร้อารมณ์ แต่จากนัยน์ตาที่เย็นชาคู่นั้นก็มองออกว่าเขามีอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก

“เหวินเทียน เจ้าออกไปรับโทษซะ โม่เสียน จับเขาโบยหนึ่งร้อยครั้ง”

เหวินเทียนพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ขอบคุณท่านอ๋องที่ไว้ชีวิตขอรับ”

พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืนเพื่อเดินออกไป ตอนที่เดินมาถึงประตู จู่ ๆก็ถูกอวี้ชิงลั่วเรียกไว้

“ทำไมต้องลงโทษ?” อวี้ชิงลั่วกุมขมับ “เหวินเทียนไม่ได้ป้องกันตัวเองจากหนานหนาน อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็นพวกท่านไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องหลงกลเขาทั้งนั้น ถูกเขาวางยาไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายอะไร”

เย่ซิวตู๋รีบหันกลับมา “เจ้ายังกล้าพูดอีกหรือ? แล้วเจ้าจะให้ยาพิษกับเขามากมายขนาดนั้นไปเพื่ออะไร?”

อวี้ชิงลั่วถลึงตาตอบกลับไป “ข้าให้เขาไว้ป้องกันตัวเอง มิได้เชียวหรือ?”

“…” คำพูดนี้เย่ซิวตู๋ไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้ จึงหันหน้ากลับมา ตะโกนใส่เหวินเทียนอีกครั้ง “ยังไม่ไปรับโทษอีก?”

“หยุดอยู่ตรงนั้น” อวี้ชิงลั่วเดินไปตรงหน้าเย่ซิวตู๋ งอนิ้วมือเล็กน้อยแล้วออกแรงดีดหน้าผากของเขา “ท่านช่วยฟังคนอื่นพูดให้ดี ๆ หน่อยไม่ได้เชียวหรือ?”

“เอ่อ…” ครั้งนี้เจ็บจริง ๆ เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงได้มีแรงเยอะขนาดนี้?

“เย่ซิวตู๋ หากวันนี้ท่านลงโทษเหวินเทียน หลังจากหนานหนานกลับมาแล้วเห็นว่าเขานอนเลือดอาบหนังเปิดเหวอะหวะอยู่บนเตียง เขาจะรู้สึกอย่างไร? เขาคงรู้สึกผิดกล่าวโทษตัวเอง คิดว่าตนเองทำร้ายเหวินเทียน หลังจากนี้ไม่ว่าจะไปไหนก็คงจะถามความเห็นจากท่านอย่างระมัดระวังก่อน เพื่อไม่ให้ตนเองต้องทำร้ายใครอีก เย่ซิวตู๋ หลังจากนี้ท่านอยากเห็นหนานหนานกลายเป็นคนถูกมัดมือมัดเท้าได้แต่รับปากรับคำอย่างเดียว อยู่ต่อหน้าท่านทำตัวกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าทำอะไรงั้นหรือ?”

อย่างน้อย ๆ อวี้ชิงลั่วก็ไม่ชอบ นางไม่ชอบเห็นหนานหนานไร้อิสระเช่นนี้ หากเป็นเช่นนี้ สู้นางพาหนานหนานไปที่อื่นยังจะดีเสียกว่า อย่างน้อยนางก็สามารถมั่นใจได้ว่าเด็กน้อยคนนั้นจะได้ใช้ชีวิตอย่างไร้กฎระเบียบและมีชีวิตเรียบง่ายผ่อนคลายโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น

เย่ซิวตู๋ชะงัก เม้มปากไม่พูดไม่จา หนานหนานที่เป็นแบบนั้น เขาย่อมไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น

หนานหนานในตอนนี้ก็ดีมากอยู่แล้ว เขาชอบมาก หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น จะไปต่างจากองค์ชายเหล่านั้นภายในวังตรงไหนกัน?

เย่ซิวตู๋หมุนกายอย่างไร้อารมณ์ หลังจากมองอวี้ชิงลั่วแล้ว จึงโบกมือกล่าวว่า “ช่างเถอะ ออกไปให้หมด”

เหวินเทียนมองอวี้ชิงลั่วอย่างซึ้งใจปราดหนึ่ง ก่อนจะถอยออกไป

ภายในโถงบุปผาเงียบสงบอย่างมาก คนรับใช้เห็นว่ามีเศษจานหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้น ต่างก็ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกประตูเนื้อตัวสั่นเทิ้มไม่กล้าเข้ามาด้านใน

ผ่านไปครู่ใหญ่ ผู้พิทักษ์ทมิฬที่ออกไปสอบถามข่าวกลับมา เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าพวกเขาทั้งสอง สีหน้าดูไม่ได้มองโลกในแง่ดีเลย

“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเป่าและเป่าหวังเฟยพาผิงซื่อจื่อกลับตำหนักแล้วขอรับ”

เย่ซิวตู๋หมุนกายกลับมาในทันที “หนานหนานล่ะ?”

ผู้พิทักษ์ทมิฬมีสีหน้าดูไม่จืด แอบลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยปากกล่าวว่า “ไม่เห็นหนานหนานแม้แต่เงาขอรับ คาดว่า…น่าจะยังอยู่ในวัง”

“ดี เยี่ยมมากเย่หลานผิง กล้าพาลูกชายของข้าไปทิ้งไว้ในวังแล้วกลับออกมาเพียงลำพัง” เย่ซิวตู๋ยิ้มด้วยรอยยิ้มเย็นชา สะบัดแขนเสื้อเดินออกจากโถงบุปผา ทั้งยังพูดกับเสิ่นอิงและคนอื่น ๆ ที่เดินตามหลังด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เข้าวัง”

เข้าวัง? อวี้ชิงลั่วชะงัก ประตูวังตอนนี้ปิดไปแล้วนะ เข้าวังตอนนี้ คิดจะทำตัวเป็นโจรหรืออย่างไรกัน?

“เย่ซิวตู๋” นางรีบลุกขึ้นยืน ก้าวเดินสองสามก้าวไปข้าง ๆ เขา

“เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะพาหนานหนานกลับมาอย่างปลอดภัย” เย่ซิวตู๋คิดว่านางเป็นกังวล จึงอดไม่ได้ที่จะปลอบใจนางหนึ่งประโยค

ใครจะไปคิดว่าอวี้ชิงลั่วกลับลังเล ยื่นขวดในเสื้อให้เขาด้วยท่าทางแอบอาลัยอาวรณ์ กระแอมไอเบา ๆ “ในนี้มีแมงป่องที่ท่านเองก็เคยเห็นแล้ว หากไม่อยากให้คนอื่น ๆ ภายในวังตื่นตระหนก อืม มันสามารถช่วยท่านตามหาหนานหนานได้”

เย่ซิวตู๋ดวงตาเป็นประกาย ยื่นมือออกไปรับไว้ เห็นได้ชัดว่าอวี้ชิงลั่วแอบอาลัยอาวรณ์ที่จะปล่อยมือ หลังจากยึก ๆ ยัก ๆ อยู่หลายครั้งจึงนำออกมา

เสิ่นอิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับเกิดขีดดำสามเส้นบนหน้าผาก แม่นางอวี้ไม่ได้เป็นกังวลหนานหนานแม้แต่น้อยเลยจริง ๆ

“ระวังตัวด้วย อย่าทำให้มันตายล่ะ” อวี้ชิงลั่วฝากฝังอีกครั้ง ในที่สุดจึงยอมปล่อยมือ

กล้ามเนื้อที่แก้มของเย่ซิวตู๋กระตุกเล็กน้อย ขบฟันแน่นกล่าวว่า “ข้าจะดูแลมันให้ดี”

ครั้นกล่าวจบ จู่ ๆ เขาก็ยื่นมือออกมาหยิกแก้มของนาง ก่อนจะหมุนตัวสาวเท้าออกจากจวนซิวอ๋อง

อวี้ชิงลั่วแทบจะกระอักเลือดออกมา นางลูบแก้มที่ถูกหยิกจนเจ็บ บุรุษผู้นี้ต้องเอาคืนที่นางดีดหน้าผากเขาเมื่อครู่เป็นแน่

ประตูวังถูกปิดไปแล้ว ตอนที่เย่ซิวตู่พาเสิ่นอิงและเหวินเทียนมาที่นี่ ท้องฟ้าก็มืดสนิทอย่างสมบูรณ์แล้ว

เขาเงยหน้ามองกำแพงสูงที่อยู่ตรงหน้า เม้มปากแน่น ยกเท้าขึ้นปีนขึ้นไปด้านบนกำแพง ก่อนจะกระโดดเข้าไปในด้านกำแพงวัง

เสิ่นอิงและเหวินเทียนหันสบตากัน ทั้งคู่ไม่ได้มีทักษะวรยุทธ์ชั้นสูงเหมือนเย่ซิวตู๋ กำแพงวังสูงมาก พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่พึ่งพาเชือกเพื่อไต่ขึ้นไป

ทั้งสามคนกระโดดลงมาถึงพื้น เย่ซิวตู๋จึงหยิบขวดที่อวี้ชิงลั่วมอบให้ออกมา

เขาเปิดฝาขวด แมงป่องที่มีขนาดเท่าหัวแม่โป้งที่อยู่ด้านในนั้นจึงมุดฝาขวดออกมาด้านนอก

“ตามไป” เย่ซิวตู๋เห็นว่ามันหมุนไปรอบ ๆ ก่อนจะไต่ไปด้านหน้าด้วยความเร็ว สีหน้าจึงตึงเครียดในทันที และรีบตามมันไปด้านหน้า

เสิ่นอิงและเหวินเทียนมองสายมองขวา และเดินตามเขาไปเช่นกัน

แมงป่องตัวนั้นคุ้นชินกับการเดินอยู่ในสถานที่ปลีกวิเวก ด้วยเหตุนี้เย่ซิวตู๋เดินตามมัน จึงเป็นเส้นทางที่หลบหลีกทหารองครักษ์ที่ออกลาดตระเวนได้พอดี จึงเป็นไปอย่างราบรื่นอย่างมาก

เพียงแต่ ดูเหมือนว่าแมงป่องตัวนั้นยิ่งเดินก็ยิ่งเอียงมากขึ้นเรื่อย ๆ จู่ ๆ มันก็มุดเข้าไปด้านในรอยแยกของหินก้อนหนึ่ง และหายไป

หายไปแล้ว หายไปแล้ว หายไปแล้ว!!!

เสิ่นอิงและเหวินเทียนหันสบตากัน เหตุใดแม่นางอวี้ถึงไม่บอกพวกเขาว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้?

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

จะหาตัวเจอไหมเนี่ย ท่านพ่ออุตส่าห์ลงทุนตามหาด้วยตัวเองแล้ว กลับมาต้องโดนแขวนกลางอากาศให้อดอาหารไปสามวันเลยเจ้าเด็กนรก

ไหหม่า(海馬)