บทที่ 157 ลูกหมาป่า

บทที่ 157 ลูกหมาป่า

ทั้งเสี่ยวเป่าและเจ้าถวนจื่อจู่ ๆ ที่ถูกพาตัวไปอาบน้ำต่างก็ทำหน้างุนงง

แต่วันนี้เสี่ยวเป่าอารมณ์ดี เรื่องที่ท่านพ่อออกคำสั่งมาขัดจังหวะนั้น นางจะปล่อยมันไปก็แล้วกัน

แหะ ๆ ก็ท่านอาสี่และพี่รองต่างส่งของมาให้นาง ทั้งยังส่งสัตว์ตัวเล็ก ๆ มาด้วย นางจึงได้เจ้าขนปุกปุยสามตัวในคราวเดียว!

ผ่านไปไม่นาน เสี่ยวเป่าที่เนื้อตัวสะอาดสะอ้านก็ออกมาพบหน้าถวนจื่อที่ถูกจับอาบน้ำแล้วเช่นเดียวกัน

“ถวนจื่อไปกันเถอะ เสี่ยวเป่าจะพาไปอาบแดด!”

ขนของถวนจื่อหนามาก ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเพียงใดถึงจะแห้ง

เสี่ยวเป่าพาถวนจื่อมายังที่ที่ตนเองอาศัยอยู่ เจ้าตัวนี้ขี้เกียจมาก มันเดินไปหาก้อนหินสะอาดแล้วล้มตัวลงนอน พอเสี่ยวเป่ายัดผิงกั่วใส่อุ้งเท้า มันก็นอนกินท่าทางจริงจัง ไม่คิดจะขยับตัวสักนิด

“เช่นนั้นเจ้าก็อาบแดดอยู่ที่นี่นะ อย่าได้วิ่งซนไปทั่วเชียวล่ะ”

เสี่ยวเป่าลูบหัวแพนด้าก่อนจะจากไป นางยังเป็นกังวลเรื่องเสี่ยวไป๋และแกะสองตัวนั้น ไม่รู้ว่ายามที่นางไม่อยู่พวกมันจะทะเลาะกันหรือไม่

เสี่ยวเป่าพลางเดินพลางครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาที่มีอยู่มากมายในตอนนี้ ปัญหาปากท้องของถวนจื่อต้องรีบแก้ไข ที่ที่นางอยู่ไม่มีป่าไผ่ แต่สมองน้อย ๆ จำได้ว่าที่ด้านหลังจวนของพี่ใหญ่มีป่าไผ่ผืนใหญ่อยู่ผืนหนึ่ง

เพียงแต่มันอยู่ไกลเกินไป อีกอย่างในแต่ละวันแพนด้านั้นกินอาหารปริมาณมาก นางจึงต้องหาทางปลูกไผ่ที่นี่

แต่หากปลูกไผ่ก็จะไม่มีที่ให้ปลูกผักผลไม้อย่างอื่นแล้ว

แต่ก็มิใช่ปัญหา นาหลวงของท่านพ่อพื้นที่กว้างขวางออกปานนั้น เอาไปปลูกที่นาหลวงก็ได้

สวนส่วนหลังปลูกป่าไผ่ ส่วนหน้าและทางเข้าปลูกต้นท้อและต้นผิงกั่ว ส่วนตรงกลางก็ปลูกองุ่น

องุ่นเป็นไม้เถา เพียงทำค้างให้องุ่น มันจะเลื้อยขึ้นไปอยู่เหนือผืนดิน หากทำเช่นนี้ก็จะเหลือเนื้อที่

จากนั้นปลูกดอกไม้ไว้ตามมุมสวน ส่วนพื้นที่ ๆ เหลือก็ปลูกหญ้าต้นอวบอ้วน

เสี่ยวเป่าเดินมือไพล่หลัง ในขณะที่แบ่งสันปันส่วนพื้นที่ที่ตนมีพร้อมวางแผนทุกอย่างไว้คร่าว ๆ พอจินตนาการถึงสวนเล็ก ๆ แสนสวยงามที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็พลันรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเป็นอย่างยิ่ง

โชคดีที่ท่านพ่ออาศัยอยู่ในสถานที่ใหญ่โตพอ มิเช่นนั้นนางคงไม่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้มากมายถึงเพียงนี้

ทันทีที่เสี่ยวเป่าเดินมาถึงลานหญ้า ก็พลันได้ยินเสียงทะเลาะกันดังเข้าหูตั้งแต่นางเดินไปยังไม่ถึงจุดหมาย

เสี่ยวเป่าไม่สบายใจเลยที่เห็นเสี่ยวไป๋และแม่แกะต่อสู้กันอีกครั้ง

“เร็วเข้า ๆ รีบแยกแม่แกะออกไป”

“เสี่ยวไป๋หยุดได้แล้ว สู้ไปก็ไม่ชนะหรอก”

“เหตุใดถึงได้แรงเยอะขนาดนี้!”

คนกลุ่มหนึ่งพยายามแยกสองฝ่ายออกจากกันด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี

เสี่ยวเป่า “…”

หัวนางจะระเบิด!

“เสี่ยวไป๋!”

ทันทีที่ได้ยินเสียงเสี่ยวเป่า เจ้ากวางขาวก็ผละออกจากแม่แกะแล้ววิ่งมาหยุดอยู่ข้าง ๆ พร้อมถูไถหัวของตนบนกายเสี่ยวเป่าด้วยท่าทางคับข้องใจ

ทำราวกับจะฟ้องว่ามันถูกรังแก…

เสี่ยวเป่าสำรวจรอยฟกช้ำตามตัวเสี่ยวไป๋ที่เกิดจากการต่อสู้เมื่อครู่นั้น ในใจนางทั้งเป็นทุกข์ทั้งหงุดหงิด

“เจ้าทะเลาะกับมันเพื่อสิ่งใด”

ถึงนางจะบ่น แต่ก็ยังสั่งให้คนนำยามารักษาแผลให้เสี่ยวไป๋อยู่ดี โชคดีที่นางได้ยาจากอาจารย์มาจำนวนไม่น้อย แม้จะส่งไปให้พี่รองและท่านอาสี่แล้ว แต่ก็ยังเหลือให้นางเก็บไว้อีกบางส่วน

“เป็นเด็กดีหน่อย เดี๋ยวเสี่ยวเป่าจัดการให้ โกนขนมันให้เกลี้ยงเลยดีหรือไม่?”

ในที่สุดก็ปลอบใจเสี่ยวไป๋ให้รู้สึกดีขึ้นได้

แต่มันหารู้ไม่ว่า แม่แกะตัวนั้นจำเป็นต้องโกนขนอยู่แล้ว

เสี่ยวเป่าแอบหัวเราะคิกคักในใจ

เพื่อแสดงความจริงใจ เสี่ยวเป่าจึงรีบตามหาคนที่สามารถโกนขนแกะได้ในทันที

ชุนสี่ “หม่อมฉันจะลองไปที่คอกสัตว์หลวง ที่นั่นมีเหล่าข้ารับใช้ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลสัตว์ อาจมีผู้ที่สามารถโกนขนแกะได้เพคะ”

เสี่ยวเป่าขยับขาสั้น ๆ วิ่งตามทันที “ข้าไปด้วย!”

นางอยากไปดูว่าตอนนี้หมาป่าพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว

ชุนสี่รู้ดีว่ามิอาจหยุดรั้งนาง จึงได้แต่ยอมให้องค์หญิงตามไปด้วย

ด้านถวนจื่อที่สวนด้านหน้ายังคงกินผิงกั่วพลางอาบแดดอย่างสบายใจ

มันเป็นแพนด้าที่แสนรู้มาก ไม่กินทิ้งกินขวาง มันกินผิงกั่วจนหมด ไม่เหลือแม้แต่แกน

ในขณะนี้ มันนอนอยู่บนตะกร้าที่บรรจุผิงกั่วหลายลูก ทำการพลิกตัวนอนอาบแดดและกินต่อไป

เสี่ยวเป่าเดินไปลูบขนมันพลันพบว่ายังไม่แห้ง

หลังจากอาบน้ำ เนื้อตัวถวนจื่อก็สะอาดสะอ้าน รอให้ขนแห้งสนิทเสียก่อน ถึงตอนนั้นขนมันจะนุ่มฟูน่ากอดเป็นที่สุด

“ถวนจื่อ เสี่ยวเป่ากำลังจะออกไปข้างนอก เจ้าจะเล่นอยู่ที่นี่หรือจะไปกับเสี่ยวเป่า?”

เจ้าถวนจื่อมองนางพลางทำหน้างง มันเด็กเกินกว่าจะเข้าใจว่านางกำลังหมายถึงสิ่งใด

เสี่ยวเป่า “เช่นนั้นก็เป็นเด็กดีกินผิงกั่วอยู่ที่นี่นะ”

พูดจบนางก็เดินจากไป ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ถวนจื่อก็เดินสี่ขาตามหลังมาพร้อมผิงกั่วในปาก

เสี่ยวเป่า “ถวนจื่ออยากไปกับเสี่ยวเป่าอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”

นางพลางเดินพลางกระโดดดึ๋ง ๆ ไปตามทาง ท่าทางเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่งนัก

ณ คอกสัตว์หลวง

เสี่ยวเป่าเพิ่งจะรู้ว่าวังหลวงก็มีสถานที่เช่นนี้ด้วย

ระหว่างทางชุนสี่ก็ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับคอกสัตว์หลวงให้นางฟัง

“ฮ่องเต้องค์ก่อนเป็นคนฟุ่มเฟือย ส่วนเหล่าสนมในวังหลังต่างก็ชอบเลี้ยงสัตว์สวยงามหายากไว้เพื่ออวดฐานะของตน บรรดาสัตว์ในคอกสัตว์หลวงนี้ล้วนเป็นสัตว์บรรณาการจากอาณาจักรอื่น หม่อมฉันได้ยินมาว่าในนั้นเคยมีทั้งแมว สุนัข รวมถึงสุนัขจิ้งจอก และมีเพียงพอนกับนกยูงเป็นส่วนใหญ่

ทว่าหลังจากเปลี่ยนเป็นรัชสมัยของฝ่าบาท ฝ่าบาททรงไม่นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหล่านั้น จึงได้มอบให้เหล่าเสนาบดีนำไปเลี้ยงต่อ มีเพียงสัตว์ดุร้ายที่ยังต้องอยู่ในคอกสัตว์หลวงต่อไป มีทั้งหมาป่า เสือ แล้วก็สัตว์ที่เรียกว่าสิงโต

ชุนสี่ไม่รู้ว่าสิงโตหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะนางแค่เคยได้ยินแต่ไม่เคยเห็น

ทว่าเสี่ยวเป่ารู้

“ท่านพ่อเก่งมาก!”

ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก้อนแป้งก็ยังชื่นชมท่านพ่อของตนอยู่ร่ำไป

ภายในคอกสัตว์หลวง มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง

หมาป่าเป็นสัตว์ดุร้ายที่ได้ชื่อว่าหยิ่งในศักดิ์ศรี เป็นเหตุให้ตลอดการเดินทางมาที่นี่ พวกมันแทบไม่กินอาหาร โชคดีที่มีแม่แกะเดินทางมาด้วย พวกมันจึงได้ดื่มนมกันเล็กน้อย

แต่พอมาถึงคอกสัตว์หลวง นอกจากจะไม่ดื่มนมแล้ว พวกมันยังไม่ยอมแตะเนื้อสัตว์เลยสักนิด

พวกมันเป็นลูกหมาป่าที่ยังไม่หย่านม และดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะหิวตายในไม่ช้า

ข้ารับใช้ผู้ดูแลสัตว์ในคอกจึงปรึกษากันว่า ควรจะต้องบังคับลูกหมาป่าพวกนี้ดื่มนมดีหรือไม่

เจ้าพวกนี้เป็นหมาป่าที่องค์ชายรองมอบให้พี่น้องของเขา พวกเขาจึงไม่กล้าปล่อยให้มันตาย

“ลองหาอย่างอื่นเถอะ หากลูกหมาป่าไม่กินสิ่งใด พวกเราจบเห่แน่”

“เหตุใดถึงโยนเผือกร้อน*[1] มาให้เรา”

ขันทีทั้งสามทุกข์ใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา

“เกิดอันใดขึ้น?”

“จะเกิดอันใดได้ ก็หมาป่าพวกนี้… องค์หญิงเก้า! กระหม่อมสมควรตาย กระหม่อมไม่ทันสังเกตว่าองค์หญิงเก้าเสด็จมา”

เสี่ยวเป่าโบกมือบอกไม่เป็นไร ๆ แล้ววิ่งไปดูลูกหมาป่า

“องค์หญิงเก้า ช้าหน่อยเพคะ อย่าเข้าใกล้พวกมันมากเกินไป ลูกหมาป่าพวกนี้ฟันแหลมคมมากนะเพคะ!”

เสี่ยวเป่าตอบอย่างลวก ๆ ว่า “รู้แล้ว ๆ”

แต่นางก็ยังวิ่งไปถึงตัวลูกหมาป่าเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ชุนสี่แทบจะลมจับ

องค์หญิงเก้า ท่านบอกว่ารู้ แต่ก็ยังทำเหมือนเดิม!

“พวกมันไม่ยอมกินสิ่งใดเลยหรือ?”

ลูกหมาป่าแต่ละตัวต่างก็มีสภาพที่ดูไม่จืดเอาเสียเลย

“พ่ะย่ะค่ะ เจ้าพวกนี้เป็นลูกหมาป่าที่ยังไม่หย่านม อีกทั้งหมาป่ามีนิสัยดุร้ายและไม่ยอมก้มหัวให้ผู้อื่นง่าย ๆ พวกมันอาจจะยังเศร้าโศกเพราะบิดามารดาตายจากไป จึงไม่ยอมดื่มนมที่พวกกระหม่อมป้อนให้ พวกมันอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากไม่ยอมกินสิ่งใดอีก กระหม่อมเกรงว่า…”

เขาไม่กล้าพูดว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นหลังจากนั้น แต่ทุกคนย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ

“มีนมหรือไม่?”

เสี่ยวเป่าอุ้มลูกหมาป่าตัวหนึ่งขึ้นมาด้วยมือเปล่า

ชุนสี่ “!!!”

เหตุไฉนองค์หญิงถึงได้ใจกล้าเพียงนี้ นั่นมันหมาป่านะเพคะ! หาใช่หมาบ้านธรรมดา!

[1] เผือกร้อน หมายถึง ปัญหาหรือเรื่องยุ่งยากที่ไม่มีใครอยากรับไว้แก้ไข