ตอนที่ 162 ความรักของคนรุ่นใหญ่

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 162 ความรักของคนรุ่นใหญ่

ตอนที่ 162 ความรักของคนรุ่นใหญ่

เวลานี้ ลูกค้าทยอยเข้ามาในร้าน หลินเซี่ยจึงกลับมางานยุ่งอีกครั้ง

สิบนาทีต่อมา หลินจินซานก็ข้ามถนนกลับมาแล้วพูดว่า “เซี่ยเซี่ย ฉันไปถามมาแล้ว”

มีคนนอกอยู่ในร้านหลายคน ดังนั้นหลินเซี่ยจึงพูดว่า “พี่กลับไปทำความสะอาดก่อนเถอะ ฉันทำผมให้ลูกค้าเสร็จแล้วเราค่อยมาคุยกัน”

“ได้ ไว้เราค่อยคุยกัน”

หลินเซี่ยตัดผมให้คุณลุงวัยกลางคน หลังจากที่เขาจ่ายเงินและออกไปจากร้าน หลินเซี่ยก็เรียกหลินจินซานเข้ามา

“ได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง?”

หลินจินซานตอบว่า “เจ้าของร้านตัดเย็บเสื้อผ้าย้ายออกไปแล้ว ฉันได้ยินจากร้านข้าง ๆ ว่าเจ้าของร้านคนใหม่เป็นผู้หญิงยังสาว แถมยังดูรวยมาก แต่ไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของหล่อน”

ผู้หญิงยังสาว?

หลินเซี่ยรู้จักหญิงสาวหลายคน เธอไม่ค่อยแน่ใจว่าคนที่มาขอซื้อร้านต่อใช่คนที่เธอเคยรู้จักหรือเปล่า?

พูดตามตรงว่าเธอค่อนข้างแปลกใจที่คนอย่างเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ได้บุกมาสร้างปัญหาให้เธอ ถึงแม้เธอจะเปิดร้านมาแล้วหลายวัน

เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอแวะไปที่ร้านตัดผมของรัฐมา ทำให้พบกับหลิวลี่ลี่เข้าโดยบังเอิญ ดูจากไหวพริบอันน้อยนิดของอีกฝ่ายแล้ว หล่อนคงไม่รู้เกี่ยวกับธุรกิจใหม่ของเธอแน่

“เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”

ไม่ว่าหญิงสาวคนนั้นจะมาจากที่ไหน เธออาจจะได้เจออีกฝ่ายแน่ ๆ ภายในอีกไม่กี่วัน

ตราบใดที่ธุรกิจของเธอยังเป็นไปได้สวย และร้านฝั่งตรงข้ามก็เป็นคู่แข่งทางการค้าที่ดี ทุกอย่างก็คุยกันง่าย

หลินจินซานทำธุระให้หลินเซี่ยเรียบร้อยแล้ว หลินเซี่ยก็ไม่ลืมขอบคุณ และขอให้เขากลับไปทำงานของตัวเองต่อ อย่างไรก็ตาม หลินจินซานยังคงยืนอยู่ที่นั่น มองหน้าหลินเซี่ยพลางครุ่นคิดอยู่สองสามวินาที แล้วรวบรวมความกล้าถามว่า “เซี่ยเซี่ย เพื่อนเธอจะมาที่นี่อีกเมื่อไหร่?”

หลินเซี่ยกลอกตามองเขา ถามด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดี “ถามทำไมคะ?”

หลินจินซานกระแอมเบา ๆ และพูดว่า “ฉันก็แค่ถามเฉย ๆ”

“อย่าคาดหวังอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ” หลินเซี่ยมองหลินจินชานตั้งแต่หัวจรดเท้า และพูดอย่างตรงไปตรงมาเพราะหวังว่าเขาจะยอมแพ้ทันที “หล่อนไม่ชอบคนอย่างพี่หรอก กลับไปทำงานหาเงินได้แล้ว ไว้เราค่อยคุยกันทีหลังถ้าฉันเจอผู้หญิงสักคนที่เหมาะสมกับพี่”

หลินจินซานเม้มริมฝีปากด้วยความตกตะลึง

เขาไม่มีใจจะกลับไปทำความสะอาดพื้นที่ในอาคารด้วยซ้ำ ภาระงานหลักของเขาคือช่างซ่อมบำรุง เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะยืนเคียงข้างเทพธิดาคนนั้นได้จริง ๆ

เขาอยากขอให้หลินเซี่ยช่วยไปคุยกับหัวหน้าเซี่ย จะแต่งตั้งเขาเป็นผู้จัดการร้านหรืออะไรสักอย่างก็ได้ หลังจากห้องเต้นรำเปิดกิจการอย่างเป็นทางการ ถึงเวลานั้น เขาคงพอจะมีความมั่นใจที่จะตามจีบเทพธิดาอย่างแน่นอน

แต่เขาไม่กล้าร้องขอหล่อนอย่างหุนหันพลันแล่น

หลินจินซานขี้เกียจเกินกว่าจะทำความสะอาด ยืนพิงกำแพงด้วยความเศร้าโศก ทันใดนั้นเสียงสดใสอันคุ้นเคยก็ดังขึ้น “เซี่ยเซี่ย ฉันมาแล้ว”

เจียงอวี่เฟยเดินเข้ามาในร้าน วันนี้หล่อนมัดผมเป็นทรงหางม้าสูงเหมือนสาวซุกซน ใส่เสื้อสเวตเตอร์คอเต่าสีเบจ และกระโปรงลายสก๊อตที่ตัดเย็บจากผ้ากำมะหยี่

“ทำไมถึงมาที่นี่แต่เช้าเลยล่ะ?” หลินเซี่ยถามขณะมองดูหญิงสาวร่างบอบบางที่เดินเข้ามา

“ฉันว่าจะแวะมาหาเธอหน่อย”

เมื่อหลินจินซานเห็นเจียงอวี่เฟย หัวใจของเขาก็กลับมาเต้นเร็วอีกครั้ง เขาลูบมือไปมา ก่อนจะทักทายหล่อนอย่างประหม่าและกระตือรือร้น “อวี่เฟย อรุณสวัสดิ์”

“สวัสดีค่ะ”

ดวงตาของหลินจินซานจับจ้องไปที่เจียงอวี่เฟย ถึงอย่างนั้นก็ต้อนรับหล่อนอย่างสุภาพ ไม่ว่าจะเป็นการรินน้ำมาให้ แถมยังมอบขนมห่อหนึ่งที่เมื่อวานนี้หู่จื่อยังไม่ได้เปิดกินให้เจียงอวี่เฟยด้วย

ตอนนี้ ความกระตือรือร้นของหลินจินซานที่มีต่อเจียงอวี่เฟยแทบไม่ต่างจากตอนที่เซี่ยไห่มองเธอเลย หลินเซี่ยเข้าใจความอึดอัดและไม่สบายใจของเจียงอวี่เฟยดี จึงพูดกับหลินจินซานว่า “กลับไปทำธุระของตัวเองต่อเถอะ”

หลินจินชานทำราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรเลย ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ต้องการคุยกับเจียงอวี่เฟยต่อไป

หลินเซี่ยต้องออกแรงผลักเขาออกไป และขู่ด้วยเสียงกระซิบแผ่ว “ถ้าพี่ยังไม่ยอมออกไปดี ๆ ฉันจะบอกให้เถ้าแก่เซี่ยไล่พี่ออกเมื่อเขากลับมา”

คำพูดของหลินเซี่ยทำให้หลินจินซานยอมศิโรราบอย่างเด็ดขาด จำใจกลับไปทำความสะอาดร้าน

ทันทีที่หลินจินซานออกไป เจียงอวี่เฟยก็กลับมาผ่อนคลายในที่สุด เธอนั่งบนเก้าอี้ มองหลินเซี่ยแล้วถอนหายใจ “ทำไมโจวอี้ถึงไม่โทรกลับมาหาฉันเลยนะ? เธอเขียนหมายเลขเพจเจอร์ให้ฉันถูกหรือเปล่า?”

หลินเซี่ยกำลังเช็ดอุปกรณ์ทำผม เมื่อเห็นว่าคนรอบข้างต่างก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งรักกันไปหมด เธอจึงกลอกตาแล้วตอบว่า “ฉันว่าฉันจดให้ไม่ผิดนะ”

“แล้วเขาเป็นอะไรของเขา? หรือให้เธอส่งเพจไปถามอีกครั้งดีว่าเขากำลังทำอะไรอยู่?”

“อย่ารบกวนเขาเลย ฉันไม่มีเวลาด้วย”

หลินเซี่ยกำลังทำงานในมือต่อ ทันใดนั้นก็จำได้ว่าหวังซิ่วฟางมาหาเธอเมื่อคืนนี้ จึงถามเจียงอวี่เฟย “จริงสิ พี่สาวหวังขอให้ฉันมาถามว่าเธอจริงจังกับการเป็นแม่สื่อให้พ่อตัวเองไหม? ทางเธอล่ะไปถามความคิดเห็นของพ่อมาแล้วหรือยัง?”

เจียงอวี่เฟยกังวลขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หล่อนมองไปที่หลินเซี่ยและคร่ำครวญว่า “อย่าพูดถึงมันเลย พ่อฉันเหมือนจะชอบแม่เธอต่างหาก”

ดวงตาของหลินเซี่ยเบิกโพลง “!!!”

เจียงอวี่เฟยมองหลินเซี่ยที่กำลังตื่นตระหนก และอธิบายว่า “เมื่อคืนฉันลองคุยกับพ่อแล้ว พยายามจะพาเขากับหวังซิ่วฟางให้มาเจอกัน แต่เขาคิดว่าพี่สาวหวังอายุน้อยกว่าเขามากไปหน่อย ทำให้กังวลว่าพวกเขาทั้งสองคนจะปรับตัวเข้าหากันไม่ได้”

“จากนั้น… เขาก็บอกว่าถ้าให้เขาคบกับป้าหลิวอาจจะพอเป็นไปได้มากกว่า พอฉันบอกพ่อว่าอยากให้เขาแต่งงานใหม่ ฉันเลยพูดเปรย ๆ เกี่ยวกับป้าหลิวอย่างไม่จริงจัง แต่พ่อฉันดันบังเอิญมาเจอคุณป้าที่ร้านตัดผมของเธอในวันนั้นเข้าซะก่อน พอเห็นตัวจริงของป้าหลิว เมื่อคืนเขาก็มาถามคำถามมากมายเกี่ยวกับคุณป้าและพี่ชายน้องสาวของเธอด้วย รู้สึกว่าเขาอยากให้ฉันเป็นแม่สื่อระหว่างแม่เธอกับเขามากกว่า”

หลังจากได้ยินแบบนั้น หลินเซี่ยก็รู้สึกสับสนมาก

ไม่ใช่แค่คนหนุ่มสาวเท่านั้นที่ติดอยู่ในห้วงรัก คนรุ่นใหญ่พวกนี้ก็กำลังตกอยู่ในความสัมพันธ์รักสามเส้าแบบ ‘เธอรักเขา เขารักหล่อน’ ไม่ต่างกัน

เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลิวกุ้ยอิงโดยตรง หลินเซี่ยจึงจ้องมองไปที่เจียงอวี่เฟยพร้อมกับบ่นอุบ

“เธอนี่ทำอะไรโดยพลการจริง ๆ ตอนนี้พี่สาวหวังเริ่มจริงจังกับสิ่งที่เธอไปขายฝันไว้แล้ว เธอพอใจกับรองผู้อำนวยการโรงงานเจียงมาก และหวังว่าฉันจะช่วยเป็นแม่สื่อให้อีกแรง ในขณะที่แม่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพ่อของเธอเลย แต่เธอกลับไม่ยอมเข้าใจสถานการณ์ด้วยซ้ำ เธอจะเอาเรื่องแม่ฉันไปพูดต่อหน้าพ่อตัวเองทำไม?”

เจียงอวี่เฟยรีบอธิบาย “ก็มันเป็นวิธีที่จะทำให้พ่อเชื่อว่าฉันยอมเปิดทางให้เขาแต่งงานใหม่อย่างจริงใจนี่นา อีกอย่าง ฉันไม่ได้พูดกับพี่สาวหวังถึงขั้นนั้นเลยนะ ฉันแค่ลองถามหล่อนดูว่าอยากได้สามีใหม่แบบไหน และพ่อฉันเหมาะสมถูกใจหล่อนหรือเปล่า ทำไมเธอถึงวาดวิมานไว้เร็วขนาดนั้นกันล่ะ?”

“ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอ ทำไมเธอไม่กลับไปถามทัศนคติของพ่อตัวเองก่อนที่จะให้ความหวังพี่สาวหวัง?”

เดิมทีหวังซิ่วฟางก็รีบร้อนอยากแต่งงานใหม่อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อหล่อนมองเห็นโอกาสก็ย่อมต้องรีบไขว่คว้ามันไว้ให้ทันเวลา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หล่อนจะได้เจอรองผู้อำนวยการโรงงานเจียงที่มีคุณสมบัติครบครันแบบนี้

หล่อนเคยผิดหวังอย่างหนักเพราะการแต่งงานของเฉินเจียเหอมาแล้วครั้งหนึ่ง หล่อนจะยิ่งเสียใจแค่ไหนถ้าล้มเหลวที่จะทำความรู้จักกับรองผู้อำนวยการเจียงในครั้งนี้

แค่คิดก็น่าสงสารมากเหลือเกิน

“ฉันแค่อยากรู้ความคิดของพี่สาวหวังเท่านั้นเอง” ทันใดนั้นเจียงอวี่เฟยก็รู้สึกกระดากอาย ก่อนจะพูดว่า “ฉันควรทำยังไงกับเรื่องนี้ดี? ฉันกลับไปหาพี่สาวหวังแล้วอธิบายให้ชัดเจนดีไหม”

“อธิบายแล้วได้อะไรขึ้นมา? พี่สาวหวังชอบพอพ่อของเธอไปแล้ว ตอนนี้คงกำลังตั้งตาคอยที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ ถ้าเธอไปแก้ตัวเอาป่านนี้ก็ไม่เท่ากับทำให้คนคนหนึ่งฝันสลายหรอกเหรอ?” หลินเซี่ยพูดต่อ “แม่ฉันมีอุดมการณ์ที่ชัดเจนมาก หล่อนไม่อยากแต่งงานใหม่ แค่อยากสร้างตัวด้วยอาชีพค้าขายอย่างเดียว เธอควรกลับไปเกลี้ยกล่อมพ่อตัวเองซะใหม่ ให้เขากับพี่สาวหวังพัฒนาความสัมพันธ์กันให้ดี พี่สาวหวังยังอายุน้อยและยังสวย พยายามพูดข้อดีของหล่อนให้พ่อคล้อยตามเข้าไว้”

เจียงอวี่เฟยตอบกลับ “ได้ ไว้ฉันค่อยกลับไปคุยกับเขา”

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น หวังซิ่วฟางก็จูงมือเสี่ยวฮวาเดินเข้ามา

เมื่อเห็นว่าเจียงอวี่เฟยก็อยู่ที่นั่นด้วย ดวงตาของหวังซิ่วฟางก็สว่างขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะคาดหวังถึงความสัมพันธ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงในไม่ช้านี้ เสียงของหล่อนจึงดูอ่อนโยนเป็นพิเศษเมื่อพูดกับเจียงอวี่เฟย “อวี่เฟย เธอก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”

เจียงอวี่เฟยหน้าเจื่อนด้วยความเคอะเขินทันทีเมื่อเห็นหวังซิ่วฟาง “ค่ะ ฉันเพิ่งมาได้ไม่นาน”

หวังซิ่วฟางดึงเสี่ยวฮวามาข้างหน้าแล้วสั่งว่า “เสี่ยวฮวา เรียกพี่อวี่เฟยเร็วเข้า”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พี่จินซานอย่าคลั่งรักเกินไปนักค่ะ เดี๋ยวสาวเจ้าไม่รับรักแล้วพี่จะอกหักดังเป๊าะนะ

ยุ่งแล้วล่ะสิ ความรักวัยผู้ใหญ่นี่มันร้อนแรงและวุ่นวายไม่แพ้หนุ่มสาวเลยนะ

ไหหม่า(海馬)