ตอนที่ 163 หนูก็อยากมีพ่อเหมือนกัน

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 163 หนูก็อยากมีพ่อเหมือนกัน

ตอนที่ 163 หนูก็อยากมีพ่อเหมือนกัน

หวังซิ่วฟางดึงเสี่ยวฮวาเข้ามาใกล้อย่างกระตือรือร้น และบอกให้หล่อนทักทายเจียงอวี่เฟย

เสี่ยวฮวาทำตามอย่างว่าง่าย “พี่อวี่เฟย”

เจียงอวี่เฟยโบกมือให้เธอ “สวัสดีจ้ะเสี่ยวฮวา”

หลินเซี่ยถาม “พี่สาวหวัง ทำไมพาเสี่ยวฮวามาที่นี่คะ?”

“ฉันอยากให้เธอช่วยตัดผมให้เสี่ยวฮวาหน่อย”

หลินเซี่ยมองไปที่ผมเปียเล็ก ๆ สองข้างซ้ายขวาของเสี่ยวฮวา ถามอย่างสงสัย “คุณไม่อยากให้หล่อนไว้ผมเปียแล้วเหรอคะ?”

หวังซิ่วฟางตอบว่า “ไม่แล้วล่ะ ทุก ๆ เช้าฉันต้องใช้เวลาเกือบห้านาทีในการถักผมเปียให้หล่อน คนงานอย่างเราเวลาห้านาทีก็มีค่า สู้เอาเวลาไปนอนต่ออีกหน่อยดีกว่า อีกอย่างเด็กคนอื่นในโรงเรียนก็เอาแต่ดึงผมเปียของหล่อนอยู่เรื่อย เพราะงฉะนั้นตัดให้สั้นไปเลยดีกว่า”

“เสี่ยวฮวา หนูอยากตัดผมสั้นไหม?” เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กหญิงร้องไห้เสียงดังด้วยความเสียใจระหว่างตัดผม หลินเซี่ยจึงต้องถามความคิดเห็นของหล่อนก่อน

เสี่ยวฮวาพยักหน้า “ตัดได้ค่ะ แต่ทรงผมใหม่ของหนูต้องสวยนะ”

เมื่อหวังซิ่วฟางได้ยินแบบนั้น หล่อนก็เดาะลิ้นตัวเองสองครั้ง “ดูสิ เด็กคนนี้รู้จักรักสวยรักงามตั้งแต่อายุยังน้อย”

“เป็นธรรมดาค่ะ ธรรมชาติของเด็กผู้หญิงต้องรักสวยรักงามอยู่แล้ว”

หลินเซี่ยผูกผ้าคลุมตัดผมให้เสี่ยวฮวา “มาเถอะ เสี่ยวฮวา ฉันจะสระผมให้”

หวังซิ่วฟางคว้าโอกาสนี้นั่งลง แล้วคุยกับเจียงอวี่เฟย “อวี่เฟย ทำไมวันนี้ถึงแวะมาที่นี่ได้ล่ะ?”

“ฉันอยากมาคุยเรื่องบางอย่างกับเซี่ยเซี่ยน่ะค่ะ” ขณะพูดเจียงอวี่เฟยแทบไม่กล้าสบตาหวังซิ่วฟางบราวนี่ออนไลน์

“โอ้…”

ปกติผมของเสี่ยวฮวามักจะถูกมัดรวบเป็นประจำ ทำให้การตัดผมให้สั้นเสมอหูนั้นดูไม่เป็นทรงเอาเสียเลยเลย เพราะเผลอ ๆ มันจะรั้งไปด้านหลัง ดังนั้นหลินเซี่ยจึงตัดทรงแตงโมครอบให้เสี่ยวฮวา

หวังซิ่วฟางมุ่งความสนใจไปที่การสนทนากับเจียงอวี่เฟยอย่างเดียว ไม่สนใจหรือกังวลเลยว่าอีกฝ่ายจะตัดผมให้ลูกสาวตัวเองอย่างไร เมื่อเธอตัดผมเสร็จและเป่าแห้งเรียบร้อยแล้ว หลินเซี่ยก็พูดว่า “เสี่ยวฮวา ดูซิว่าสวยไหม?”

“สวยค่ะ” เสี่ยวฮวามองใบหน้ากลม ๆ ของตัวเองที่รับกับผมทรงแตงโมครอบในกระจก รู้สึกเสียดายนิดหน่อย “จากนี้หนูคงใช้ปิ่นปักผมไม่ได้อีกแล้ว”

“ไม่ต้องปักปิ่นก็สวยเหมือนกัน”

เจียงอวี่เฟยเตือนผู้หญิงที่เอาแต่พล่ามบมสนทนาน่าอึดอัดต่าง ๆ ว่า “พี่สาวหวัง เสี่ยวฮวาตัดผมเสร็จแล้วค่ะ”

“เสร็จแล้วเหรอ?” หวังซิ่วฟางหันกลับมา จากนั้นก็อุทานเมื่อเห็นทรงผมใหม่ของลูกสาว

“พระเจ้าช่วย ลูกสาวฉันเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักมาก”

หวังซิ่วฟางลุกขึ้นยืนและเดินไปหา อดไม่ได้ที่จะบีบแก้มป่อง ๆ ของเสี่ยวฮวาอย่างรักใคร่

พอหล่อนตัดผมทรงนี้ ใบหน้ากลม ๆ เล็ก ๆ จึงถูกเปิดเผยจุดเด่นออกมาทั้งหมด ทำให้แก้มหล่อนดูอวบอิ่ม น่ารักมากจริง ๆ

เจียงอวี่เฟยก้าวมายืนอยู่ด้านข้าง ดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวฮวาแล้วก็ต้องชื่นชมทักษะการทำผมของหลินเซี่ย แม้ว่าทรงผมของลูกค้าที่ได้จะสัมฤทธิผลเพราะเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ตาม แต่ทรงผมทุกแบบที่เธอตัดให้ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ถือเป็นความสามารถเฉพาะตัวอย่างแท้จริง

หลังจากวาดภาพระบายสีในห้องด้านหลังเสร็จแล้ว หู่จือก็วิ่งออกมาอย่างมีความสุข พร้อมกับภาพวาดครอบครัวสามคนจับมือกัน

แต่แล้วเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นเด็กหญิงตัวน้อยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัดผม

หลินเซี่ยคลี่ยิ้มและหันไปพูดกับหู่จือ “หู่จือ ดูซิว่านี่ใครกัน?”

ทันใดนั้นหู่จือถึงจำได้ว่าอีกฝ่ายคือเสี่ยวฮวาเพื่อนร่วมชั้นของเขา ดวงตาสีเข้มกลมโตของเขามองไปที่เสี่ยวฮวา ด้วยความประหลาดใจ “เสี่ยวฮวา เธอน่ารักมาก ๆ เลย”

เมื่อได้รับคำชมจากหู่จือ เสี่ยวฮวาก็ยิ้มอย่างเอียงอาย ในใจเต็มไปด้วยความสุข

หู่จือยื่นภาพวาดที่เขาวาดเสร็จหมาด ๆ ให้หลินเซี่ย

“แม่ฮะ ดูสิ คนตัวสูงในนี้คือพ่อ คนที่ใส่ชุดกระโปรงคือแม่ และคนที่อยู่ตรงกลางคือผม ผมวาดสวยไหม?”

หลินเซี่ยลูบหัวเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรักและความอาทร “สวยใช้ได้เลยล่ะ”

เสี่ยวฮวาเหลือบมองไปที่ภาพวาดครอบครัวสามคนที่มีรอยยิ้มในมือหู่จือ ใบหน้าฉายความเศร้าและอ้างว้าง

หล่อนจับมือหวังซิ่วฟางแล้วพูดเบา ๆ

“แม่คะ เดี๋ยวนี้หู่จือมีแม่แล้ว แล้วเมื่อไหร่หนูจะมีพ่อกับเขาบ้าง? หนูก็อยากวาดรูปแบบนี้เหมือนกัน แล้วก็อยากจับมือพ่อด้วย”

หวังซิ่วฟางปลอบใจลูกสาว “แม่จะพยายามให้เต็มที่นะ”

เจียงอวี่เฟยที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดดังกล่าว จึงเบือนหน้าหนีด้วยความอับอาย

ความจริงจังของหวังซิ่วฟางเกี่ยวกับการแต่งงานใหม่นั้นเกินกว่าที่หล่อนจินตนาการเอาไว้มาก

หวังซิ่วฟางถามหลินเซี่ย “จริงสิ แม่กับน้องสาวของเธอตั้งแผงขายอาหารอยู่แถวไหน? ฉันจะพาเสี่ยวฮวาไปอุดหนุนพวกเธอสักหน่อย”

หลินเซี่ยเหลือบมองเจียงอวี่เฟยที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “อวี่เฟยรู้ค่ะ ให้หล่อนช่วยพาคุณไปที่นั่นก็ได้ ป่านนี้แม่กับน้องคงออกมาตั้งร้านแล้วล่ะ”

ตอนแรกเจียงอวี่เฟยตั้งใจว่าจะหาข้ออ้างเพื่อเดินเลี่ยงออกไป แต่หลังจากได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย หล่อนก็ทำหน้าบึ้งและแอบถลึงตาใส่

หลินเซี่ยจงใจเพิกเฉยต่อสีหน้าไม่สบอารมณ์ของหล่อน แถมยังมองราวกับจะยั่วยุ แล้วพูดต่อ “ช่วยพาพี่สาวหวังกับเสี่ยวฮวาไปกินข้าวมื้อกลางวันหน่อยนะ ร้านฉันคับแคบเกินไป รองรับแขกจำนวนมากไม่ค่อยสะดวก”

หู่จือพูดว่า “แม่ฮะ งั้นผมขอออกไปกับป้าซิ่วฟางและน้าอวี่เฟยด้วยได้ไหม?”

“ไปสิ”

“อวี่เฟย ฝากหู่จือด้วยนะ อย่าลืมพาเขากลับมาส่งที่นี่หลังกินข้าวเสร็จด้วย”

เจียงอวี่เฟยไม่มีทางเลือก นอกจากต้องพาหู่จือและแม่ลูกหวังซิ่วฟางไปยังริมถนนข้างสี่แยกที่หลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนตั้งแผงขายอาหาร

ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอาหารกลางวัน ทำให้หน้าแผงมีลูกค้าบางตา มีคุณป้าคนหนึ่งยืนรอซื้ออาหารกลับบ้าน

หลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนหั่นแป้งและตักซุปสองมืออย่างชำนาญ

พอคุณป้าคนนั้นได้รับอาหารก็จ่ายเงินแล้วเดินจากไป

หู่จือเห็นหลิวกุ้ยอิงที่กำลังยุ่งมือเป็นระวิงจากระยะไกล จึงตะโกนว่า “คุณยาย ผมมาแล้ว”

“หู่จือ ช้าลงหน่อย” เจียงอวี่เฟยรีบวิ่งตามเขาให้ทัน

หลิวกุ้ยอิงเงยหน้ามอง ก็เห็นเจียงอวี่เฟยมาที่นี่พร้อมกับผู้หญิงที่หล่อนไม่รู้จัก

หล่อนยิ้มและทักทาย “อวี่เฟย คุณก็มาด้วยเหรอ?”

เจียงอวี่เฟยรีบแนะนำ “ป้าหลิวคะ นี่คือพี่สาวหวัง เพื่อนบ้านในอาคารพักอาศัยที่เดียวกับเซี่ยเซี่ย พวกหล่อนได้ยินมาว่าคุณกับเสี่ยวเยี่ยนมาตั้งแผงขายอาหารอยู่ที่นี่ ก็เลยพาลูกสาวมาอุดหนุนคุณค่ะ”

“ขอบคุณ ขอบคุณค่ะ”

หลิวกุ้ยอิงรีบทักทายอีกฝ่าย “ตรงนี้มีม้านั่งตัวเล็กว่างอยู่พอดี เชิญนั่งลงก่อนค่ะ”

หวังซิ่วฟางมองดูหลิวกุ้ยอิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ “แม่ของเสี่ยวหลินยังดูเด็กอยู่เลย ดูเหมือนฉันไม่ควรเรียกคุณว่าป้า ถ้าอย่างนั้นฉันขอเรียกคุณว่าพี่ก็แล้วกันนะคะ ถึงยังไงฉันก็อายุมากกว่าเสี่ยวหลิน”

หลิวกุ้ยอิงยิ้มและตอบกลับว่า “จะพี่หรือป้าก็เป็นแค่คำนำหน้าเท่านั้นเองค่ะ คุณจะเรียกฉันยังไงก็ได้”

หลิวกุ้ยอิงดัดผมอย่างทันสมัย มัดรวบผมเป็นทรงหางม้าต่ำ โพกศีรษะด้วยผ้าเช็ดหน้าธรรมดา ๆ สวมผ้ากันเปื้อน และยืนทำงานอย่างขันแข็ง หน้าตาและคำพูดคำจาอ่อนโยนและสุภาพเสมอตอนคุยกับคนอื่น ไม่หยิ่งผยองหรือใจร้อน มองแล้วไม่เหมือนสาวบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างมาก่อนเลย

“พวกคุณอยากกินอะไรดีคะ?”

หวังซิ่วฟางมองดูอาหารบนรถเข็นแล้วพูดว่า “ฉันอยากได้เหลียงเฝิ่นชามหนึ่งค่ะ แล้วก็เหลียงผีอีกชามให้ลูกสาว เราสองคนผลัดกันชิมกันเองได้”

“ได้ค่ะ”

หลิวกุ้ยอิงเริ่มหั่นแป้งเหลียงเฝิ่นในมือ ระหว่างนั้นก็ถามเจียงอวี่เฟย “อวี่เฟย แล้วคุณจะกินอะไรดี?”

“ฉันขอเหลียงผีเหมือนกันค่ะ”

หู่จือยกมือขึ้น “คุณยาย ผมอยากกินเหลียงเฝิ่น”

หลิวกุ้ยอิงมองเขาแล้วยิ้มด้วยเอ็นดู “ได้สิ เดี๋ยวยายทำเหลียงเฝิ่นอร่อย ๆ ให้หลานเอง”

ขั้นแรก หลิวกุ้ยอิงทำเหลียงผีกับเหลียงเฝิ่นแบบไม่ใส่พริกไทยสำหรับเด็กอย่างหู่จือและเสี่ยวฮวา เพื่อให้เด็ก ๆ ได้กินรองท้องกันไปก่อน จากนั้นก็หั่นบะหมี่ทำเหลียงผีให้หวังซิ่วฟางและเจียงอวี่เฟย หลินเยี่ยนผสมน้ำซุปอย่างรวดเร็วแล้วยกไปเสิร์ฟให้พวกเขา

คนต่างวัยทั้งสี่ก้มหน้าลงและเริ่มรับประทานอาหาร ขณะที่หลิวกุ้ยอิงคอยต้อนรับลูกค้าคนอื่น ๆ

หลังจากกินกันไปได้ครึ่งทาง จู่ ๆ เสียงผู้ชายที่ฟังดูอบอุ่นและคุ้นเคยก็พูดขึ้นว่า “ผมขอเหลียงเฝิ่นชามหนึ่งครับ”

เมื่อเจียงอวี่เฟยได้ยินเสียงที่คุ้นหู เธอรีบเงยหน้าขึ้น พอเห็นผู้ชายซึ่งยืนอยู่หน้าแผงลอย หล่อนก็แทบจะพ่นเส้นพรวดออกมาด้วยความตกใจ “พ่อ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

เจียงกั๋วเซิ่งก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอลูกสาวของเขาที่นี่

เมื่อเช้าเจียงอวี่เฟยบอกว่าหล่อนจะออกไปช้อปปิ้งกับอดีตเพื่อนร่วมชั้นไม่ใช่เหรอ

ดวงตาของเจียงกั๋วเซิ่งกะพริบปริบ ก่อนที่เขาจะอธิบายว่า “เอ่อ? อ้อ พ่อเดินผ่านมาทำธุระแถวนี้พอดี เห็นว่าตรงนี้มีแม่ค้ามาตั้งแผงขายเหลียงเฝิ่น เลยว่าจะแวะซื้อกลับไปฝากลูกที่บ้าน”

“ว่าแต่ลูกเถอะ มานั่งกินข้าวอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

หวังซิ่วฟางเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเจียงอวี่เฟยเรียกอีกฝ่ายว่าพ่อ

เมื่อเห็นชายวัยกลางคน สวมเสื้อแจ็กเก็ต หวีผมอย่างประณีตพิถีพิถัน เธอก็รีบวางตะเกียบลงแล้วผลักชามตรงหน้าออกไป ปาดเช็ดปากอย่างรีบร้อน แล้วทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะ รองผู้อำนวยการเจียง”

เจียงกั๋วเซิ่งตอบกลับอย่างสุภาพ “สวัสดีครับ”

“ฉันหวังซิ่วฟางค่ะ พนักงานโรงงานยานยนต์” หวังซิ่วฟางแนะนำตัวตนของเธออย่างละเอียด พร้อมกันนั้นก็มองไปที่รองผู้อำนวยการโรงงานเจียง แล้วถามว่า “อวี่เฟยคงเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับฉันแล้วใช่ไหมคะ? วันนี้พวกเราบังเอิญเจอกันที่ร้านตัดผมของหลินเซี่ยพอดี”

เจียงกั๋วเซิ่งมองเจียงอวี่เฟยด้วยความสับสน ครุ่นคิดอยู่สองสามวินาที ก่อนที่เขาจะจำได้ว่าดูเหมือนลูกสาวของเขาจะเคยพูดถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่แซ่หวัง และต้องการแนะนำให้พวกเขารู้จักกันไว้

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อวี่เฟยสู้ๆ กับหน้าที่แม่สื่อให้พ่อตัวเองนะคะ เป็นเรื่องหนักใจอยู่นะที่พ่อดันชอบแม่ของเซี่ยเซี่ยแทนที่จะชอบพี่สาวหวัง

ไหหม่า(海馬)