“พี่เซียว!” มาถึงห้องส่วนตัวในร้านชุ่ยอวี้ไจ ที่นี่สี่ปีก่อนก็เริ่มเป็นที่รวมตัวกันของพวกเขาพี่น้อง พวกเขาดีใจที่ได้พบพี่หลินเซียวที่พวกเขาแสนคิดถึงกำลังเตรียมอาหารมื้อใหญ่และจัดจานขนมให้พวกเขา
“พวกเจ้ามาแล้วหรือ” พอได้ยินเสียง หลินเซียวก็หันมายิ้มมุมปาก รอยยิ้มอบอุ่นฉาบบนใบหน้าอ่อนโยนอบอุ่นที่ไม่เคยเปลี่ยนของเขา
“ได้ยินพี่หลงว่าพี่กำลังเตรียมอาหารให้พวกเรา ไม่อาจตำหนิพวกเราที่ติดปีกบินกันมาเลย” เจียงไหวอานคว้าขนมเปี๊ยะอบที่เพิ่งออกจากเตาพลางยิ้มเปรียบเปรย
“เกินไปไหมน่ะ ใช่แล้ว หลงเอ๋อร์ เซี่ยงหนิงมีเรื่องด่วนต้องการพบเจ้า ตอนนี้…น่าจะอยู่ในห้องพิเศษของนางนั่น เจ้าต้องการไปพบนางไหม” หลินเซียวหันไปทางน้องสาวฝาแฝดเขาพลางกล่าว
“อืม ข้าไปดูสักหน่อย พวกเจ้ากินกันไปก่อน” หลินหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย หันหลังเดินออกไปทางอีกห้องหนึ่งทันที
“พี่เซียว เจ้าทึ่มแซ่เซี่ยงยังคอยตามพี่หลงหรือ” ซือฉีหยางกลืนขนมนุ่มไส้พุทราบดลงคอไปอย่างมูมมาม พลางถามโพล่งขึ้นทันที
หลินหลงเป็นพี่สาวคนโตของพวกเขาทุกคน แม้ว่าอายุสิบแปดแล้วก็ยังไม่หมั้นหมาย หนึ่ง นิสัยเย็นชา พี่หลงที่ไม่ชอบพวกคุณชายตระกูลสูงที่ไม่รู้จักโต สอง งานในหอเฟิงเหยาทำให้พี่หลงไม่สนใจเรื่องแต่งงาน อย่างน้อยก็ไม่ใช่สตรีธรรมดาสามัญที่พอถึงวัยก็จะรอบ้านสามีแบกเกี้ยวมารับออกเรือนไป พี่หลินหลงน่าจะเหมาะกับชายแปลกประหลาดที่เข้าใจนาง ยอมรับนางและไม่เอาจารีตสตรีมาจำกัดอิสระของนาง พี่เซี่ยงเซิ่งจอมทึ่มตระกูลเซี่ยงนั่นไม่น่าจะเป็นชายแปลกประหลาดที่หาได้ยากคนนั้น หนึ่ง เขาเข้มงวดดื้อรั้น ทึ่มทื่อน่าเบื่อ แต่งกับชายหนุ่มเช่นนี้ พี่หลงใช่ว่าจะถูกจำกัดด้วยจารีตหรือ แม้ตระกูลเซี่ยงจะยอมให้นางเป็นประมุขหอเฟิงเหยาต่อ แต่ลับหลังก็คงไม่สนับสนุนเช่นกัน
“อาจจะนะ มา อาหยาง ลองไก่โข่วสุ่ยจานนี้หน่อย…” หลินเซียวเปลี่ยนบทสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ให้ทุกคนไปมัวแต่วิจารณ์เรื่องแต่งงานของหลงเอ๋อร์ นั่นเป็นสิ่งที่หลงเอ๋อร์ไม่ชอบฟังที่สุด ในฐานะแฝดพี่ของนาง เรื่องใจถึงใจเช่นนี้ย่อมรับรู้ได้
“ใช่แล้ว เซียว พรุ่งนี้พวกเราจะไปเที่ยวเมืองสุ่ยเยว่” เซวี่ยเยวียนขยิบตายักคิ้วใส่หลินซี อมยิ้มบอกข่าว
“พวกเจ้าไปกันหมด?” หลินเซียวเลิกคิ้ว เงยหน้ากวาดตามองไปยังทุกคนรอบโต๊ะกลม เห็นทุกคนล้วนพยักหน้าไม่กล่าวอันใด ในใจก็เริ่มเครียด “ผู้ใด? เรื่องอะไร? พูดมาให้กระจ่าง” เขาขมวดคิ้วมุ่น จำได้ว่าครั้งก่อนทุกคนรวมตัวไปปฏิบัติการที่เมืองหลวง ก็ตอนที่เจี้ยนซิงถูกองค์กรนักฆ่ามีชื่อเสียงในยุทธภพไล่ล่า พวกเขาพี่น้องก็รวมตัวกันออกโรง ทำลายองค์กรนักฆ่าที่มีชื่อเสียงในยุทธภพนั่นเสียราบคาบไม่หลงเหลือ และยังกวาดเอาสมบัติที่ไร้คุณธรรมมาหมด เอามาช่วยชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยาก ช่วยหญิงหม้ายและเด็กกำพร้าในหอพักใจ นับดูแล้วก็เป็นเรื่องเมื่อสองปีก่อน
หรือว่าครั้งนี้มีผู้ใดมาหาเรื่องอีก?
“พี่…พี่เซียว พี่ฟังแล้วอย่าโมโห อย่าบอกท่านแม่” หลินซีพอเห็นหลินเซียวมีสีหน้าท่าทางผิดปกติไปก็รู้ว่าตนเองหนีไม่รอดแล้ว ได้แต่ถลึงตาใส่เซวี่ยเยวียน ยอมเล่าเรื่องที่ตนเองบาดเจ็บเมื่อเดือนก่อนอย่างเปิดเผยไม่อ้อมค้อมปิดบัง
“เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ไหม” หลินเซียวเสียงสูงปรี๊ด สีหน้านิ่งเรียบจ้องมองหลินซี จ้องจนเขาน้องชายที่ชอบทำอะไรก็หาแต่ศัตรูต้องรู้สึกผิดก้มหน้าลง ก่อนจะเอ่ยเตือนน้ำเสียงนิ่งจริงจัง “หลินซี ข้าจำได้ว่าเจ้ารับปากข้าแล้ว จะไม่ทำให้ตนเองต้องตกในอันตรายอีก ตอนนี้จะว่าอย่างไร”
“พี่เซียว!” หลินซีขยี้ใบหน้าไปมา อธิบายอย่างรู้สึกเหมือนโดนรังแก “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าไปแตะโดนผู้ใดให้โมโห ครั้งนี้เพียงแค่เข้าวังไปเจรจาหารือความร่วมมือทางการค้าและผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างต้าซื่อเรากับฮ่องเต้ต้าหุ้ย ผู้ใดจะไปรู้ว่ามียอดฝีมือที่ไหนต้องการชีวิตข้า”
“องครักษ์ล่ะ พวกองครักษ์ที่ภักดีกับเจ้าล่ะ เจ้าไม่สนใจคำเตือนพวกเรา แล่นไปวังหลวงแผ่นดินต้าหุ้ยอีกแล้วหรือ” หลินเซียวกล่าวถึงเหตุที่หลินซีบาดเจ็บออกมาได้ตรงประเด็น คนเดียวยากรับมือคนจำนวนมาก ไม่ว่าเขาวิทยายุทธ์สูงส่งแค่ไหน แต่คิดจะหนีพ้นอาวุธล่าสังหารที่มีเป้าหมายได้อย่างไม่บาดเจ็บ ย่อมไม่ง่าย
“ขอโทษ ข้าประมาทไปแล้ว พี่เซียว พี่อย่าได้บอกเรื่องที่ข้าบาดเจ็บกับท่านแม่นะ ไม่อย่างนั้นท่านแม่รู้เข้าจะบ่นไม่หยุด…”
“อีกสองวันยามเหม่า หน้าประตูชุ่ยอวี้ไจ รวมพลออกเดินทาง” หลินเซียวทำเป็นไม่เห็นแววตาร้องขอของหลินซี กำหนดวันเดินทางไปเมืองสุ่ยเยว่ทันที
“ไม่มีปัญหา” เซวี่ยเยวียนรีบรับคำ คนอื่นก็พากันพยักหน้ารับคำ
“จิ่งอวี้ ครั้งนี้เจ้าอย่าไป” หลินเซียวกวาดตามองไปยังเจียงจิ่งอวี้ที่สีหน้าตื่นเต้น พลางขมวดคิ้วสั่งการ
“ทำไมล่ะ พี่เซียว วิทยายุทธ์ข้าก็ไม่ได้อ่อนด้อย ไม่เป็นตัวถ่วงทุกคนหรอก” เจียงจิ่งอวี้ยู่หน้า ลองหาทางเจรจาให้ตนเองได้ออกไปท่องเที่ยวบ้าง วิทยายุทธ์นางไม่นับว่าอ่อนด้อยที่สุดในบรรดาทุกคน ที่อ่อนด้อยที่สุดน่าจะเป็นอี๋เยว่ ทำไมไม่ให้นางตามไปด้วยคนเดียว
“อี๋เยว่ก็อย่าไป” หลินเซียวย่อมเดาได้ว่าน้องสาวตัวน้อยกำลังคิดอะไร แต่ให้นางพูดออกมาก่อน
“เอ๋? พี่เซียว?” เหลียงอี๋เยว่หันไปมองหลินเซียวอย่างขัดใจ เห็นเขามองตอบกลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ ก็ได้แต่หันไปทางเจียงซวี่รื่อน้องชายนาง หวังว่าเขาจะให้คำตอบที่นางพอใจ
“เอิ่ม” เจียงซวี่รื่อถอนหายใจเบาๆ ตบบ่าพี่สาว “พวกพี่ก็ใกล้จะได้วัยออกเรือนแล้ว ต่อยตีอะไรพวกนี้ก็อย่าได้ไปยุ่งดีกว่า”
“พี่หลงล่ะ เซวี่ยเจินล่ะ อย่าบอกข้าว่าพวกนางไม่ใช่ผู้หญิง” เจียงจิ่งอวี้ขมวดคิ้วงึมงำโต้ฝีปาก
“พี่หลงไม่ใช่ที่ผู้หญิงทั่วไปจะเทียบได้มานานแล้ว สำหรับเซวี่ยเจิน วันหน้าต้องรับตำแหน่งปกครองที่เซวี่ยหมิง ย่อมไม่ต้องคิดมาก” ซือฟั่งเฉินอธิบาย จากนั้นก็กวาดตามองดรุณีน้อยหน้าตางดงามสองนาง แอบถอนหายใจเบาๆ ตามแบบเหลียงซวี่รื่อ พวกนางไม่เหมาะกับเรื่องพวกนี้จริงๆ ดีที่สุดก็แต่งงานไปเป็นคุณนายเถอะ
เหลียงอี๋เยว่ได้ยินก็ขมวดคิ้วไม่กล่าวอันใด เพียงแต่มองไปยังหลินเซียวที่สีหน้าเคร่งเครียด ในใจก็แอบเดา หรือว่าพวกผู้อาวุโสของพวกเขาแอบกำราบบรรดาพี่ๆ มาแล้ว ไม่ให้พวกเขาพาพวกนางไปร่วมงานชุมนุมพี่น้องนี่ด้วย แต่สวรรค์ย่อมรู้ ตอนแรกคนที่ก่อตั้งชุมนุมพี่น้องนี่ เป็นนางกับจิ่งอวี้ที่เสนอนะ ตอนนี้กลับรังเกียจพวกนางสองคน เอาละ วันนี้วันที่เจ็ดเดือนเจ็ด วันเทศกาลรื่นเริง นางไม่ขัดใจกับพวกเขาก็ได้ แต่ทว่าสุดท้ายจะตัดพวกนางทิ้งได้หรือไม่ ก็ยังต้องถามว่าพวกนางยอมหรือไม่ หากไม่ได้จริงๆ เหลียงอี๋เยว่คิดอย่างรวดเร็ว ปีนั้นนางคิดงานชุมนุมพี่น้องขึ้นมาได้ ตอนนี้ก็ย่อมคิดงานชุมนุมเฉพาะพี่น้องหญิงขึ้นมาได้เหมือนกัน อย่าลืม ท่านแม่นางก็คือหยางจิ้งจือ ไม่ว่าความคิดที่เป็นไปไม่ได้อันใดล้วนทำได้หมด การปฏิรูปในแคว้นนี้ก็เป็นประจักษ์แล้วมากมาย
“ตกลง” เหลียงอี๋เยว่พยักหน้า “ในเมื่อพวกพี่ต่างเห็นพ้อง ข้ากับจิ่งอวี้ก็ไม่คิดโต้แย้งอีก ไม่อย่างนั้นจะเหมือนไม่รู้ความ”
“อี๋เยว่?” เจียงจิ่งอวี้เงยหน้าอย่างไม่เข้าใจ เหลียงอี๋เยว่ไม่ใช่คนที่ยอมอะไรง่ายๆ เช่นนี้ ทำไมแค่ไม่กี่คำก็กล่อมนางได้แล้ว ก่อนจะเห็นเหลียงอี๋เยว่มองนางตาปริบๆ ในใจก็เริ่มคิดตามได้แล้ว
บรรดาพี่ๆ แอบหนาวสันหลังยะเยือกขึ้นมา ดรุณีสองนางนี้คงไม่แอบพวกเขาไปทำอะไรประหลาดๆ นะ
หนึ่งปีต่อมา กลุ่มพี่น้องหญิงก็ถือกำเนิดขึ้น พองานเปิดตัวอลังการจบลง บรรดาชายหนุ่มรูปงามทั้งหลายจึงได้รู้ว่า เหลียงอี๋เยว่จัดตั้งกลุ่มพี่น้องหญิง แล้วดึงเอาพี่หลินหลงและขงเบ้งเจ้าความคิดอย่างเซวี่ยเจินไป เช่นนี้ก็ส่งผลกระทบต่อกลุ่มพี่น้องเดิมเหลือแต่ผู้ชายสามารถ รูปหล่อและโดดเด่น มันจุดประกายเริ่มจากความคิดในวันนี้นี่เอง…