บทพิเศษ 1-2 งานชุมนุมพี่น้อง (2)

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

หากถามถึงร้านอาหารรสชาติยอดเยี่ยมที่สุดในต้าซื่อ สิบปีก่อนบางทีอาจตอบว่าอู่ชิ่นไจ แต่สิบปีหลังมานี้ ก็มีชื่อชุ่ยอวี้ไจดังทั่วต้าซื่อเช่นกัน ถึงกับดังไกลไปถึงนอกแผ่นดิน มีแขกได้ยินชื่อเสียงพากันมาชุ่ยอวี้ไจ อยากจะลิ้มลองรสชาติเครื่องเทศที่หาได้ยาก

ดังนั้นสามปีก่อนชุ่ยอวี้ไจจึงเปิดร้านสาขาที่เมืองหลวงเฟิงเฉิงแผ่นดินต้าหุ้ย เมืองสุ่ยเยว่ที่มีประชากรมาก เมืองหลวงแผ่นดินเซวี่ยหมิงตามลำดับ เรียกได้ว่าเงินทองไหลมาเทมา

เจ้าของร้านชุ่ยอวี้ไจก็คือคุณชายหลินเซียว เจ้านายแห่งเหอหยวน ปีนี้อายุสิบแปด เป็นชายที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างเป็นเกียรติจากทุกคนในต้าซื่อมากที่สุด หลินเซียวมีนิสัยนุ่มนวลอ่อนโยน ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสี่ชายรูปงามแม้ว่ารูปลักษณ์จะหล่อเหลาก็ตาม แต่เพราะนิสัยอบอุ่นและมีฝีมือทำอาหารเป็นเลิศ ทำให้เขาเหนือกว่าสี่ชายรูปงามแห่งต้าซื่อ เป็นที่ชื่นชมเลื่อมใสของทุกคนทั้งคนแก่และเด็กในต้าซื่อ แม้แต่ว่าที่ผู้ปกครองต้าซื่ออย่างคุณชายหลินซี น้องชายแท้ๆ กับคุณชายหลินเซียว ก็สู้เสน่ห์เหนือสามัญของพี่ชายเขาไม่ได้

เสน่ห์ที่ว่านี้ไม่เกี่ยวกับสติปัญญา อาศัยแค่ความรู้สึก

หลินเซียวให้ความรู้สึกอบอุ่นสูงสง่าราวกับลมฤดูใบไม้ผลิกับทุกคนที่ได้พบเห็น ไม่ว่าผู้ใดได้สนทนากับเขา หรือเคยได้ลิ้มรสอาหารฝีมือเขา ขมมของเขา ก็ล้วนแต่ถูกเสน่ห์ของเขาดึงดูด น่าเสียดายที่ชายอบอุ่นสูงสง่าผู้นี้ลุ่มหลงเพียงแค่การทำอาหาร

ถนนยามค่ำในฝานลั่ววันนี้ ผู้คนมากมายกำลังรอเทพเซียนท่องราตรีซึ่งเป็นกิจกรรมประจำปีในวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด แต่ทว่าเทพเซียนท่องราตรีตอนนี้เปลี่ยนรูปแบบใหม่ สตรียืนอยู่บนขาต่อไม้สูงไม่ใช่สตรีที่เลือกมาจากตระกูลสูงศักดิ์ในต้าซื่อ แต่เป็นสตรีคนงามที่ชนะการเต้นระบำร้องเพลงในงานแข่งขันเรือมังกรเทศกาลตวนอู่ของทุกปีก่อนวันที่วันที่เจ็ดเดือนเจ็ด เป็นการประชันความสามารถ เปิดโอกาสให้ชาวบ้านระดับล่างได้ร่วมกิจกรรม ผู้ที่เข้าแข่งขันไม่เพียงแต่จะเป็นหญิงสาวจากตระกูลร่ำรวย แต่ขอเพียงเป็นหญิงสาวที่อายุเต็มสิบสามปีและยังไม่ได้แต่งงานก็เข้าร่วมได้

ด้วยเหตุนี้ งานในค่ำคืนวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดก็ยิ่งคึกคักมากขึ้น มีแขกพ่อค้าต่างเมืองพากันมาดูสาวงาม และหนุ่มรูปงามในพื้นที่ มีบรรดาพ่อแม่พี่ชายน้องชายต่างพากันมาช่วยให้กำลังใจพี่สาวน้องสาวตนเอง เรียกได้ว่าครึกครื้นอย่างยิ่ง ทั่วทั้งลานจตุรัสในต้าซื่อเต็มไปด้วยผู้คน หลังจากท่องราตรีไปตามท้องถนน ยังต้องลงเรือท่องเที่ยวแสดงการร้องรำเต้นระบำ ทำให้งานฉลองเทศกาลค่ำคืนวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดยิ่งครึกครื้นอย่างที่สุด

“จุ๊ๆ ยังไม่ได้เวลาคนก็มากันมากมายขนาดนี้ เดี๋ยวงานจะจบง่ายๆ ได้หรือ” ซือฟั่งเฉินฉีกยิ้มกว้าง พลางส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ

ชาวบ้านรอบๆ เห็นพวกเขาก้าวผ่านลานจัตุรัส กำลังเดินไปยังชุ่ยอวี้ไจที่อยู่ช่วงกลางของถนน ล้วนเป็นชายรูปหล่อหญิงโฉมงามก็พากันจ้องมองไม่กะพริบ

มีคนจำพวกเขาได้ว่าไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป ก็ดีใจโบกมือส่งเสียงตะโกนดัง มีสตรีหลายคนพอเห็นหนุ่มรูปหล่อก็พากันเขย่งเท้าเบียดเสียดแย่งกันดู มีหลายคนใจเต้นแรงราวกับหัวใจแรกผลิบานให้กับหนึ่งหนุ่มหน้าเย็นเยียบราวน้ำแข็ง หนึ่งหนุ่มอ่อนโยนอบอุ่น หนึ่งหนุ่มสูงส่งงามสง่า หนึ่งหนุ่มเรียบร้อยสงวนท่าที…

“อาเฉิน เก็บรอยยิ้มเรี่ยราดของเจ้าเสีย ไม่เห็นหรือว่าตอนนี้วุ่นวายมากแล้ว ยังคิดจะกระพือกระแสให้วุ่นวายอีกหรือ” เซวี่ยเยวียนข้างซือฟั่งเฉินแอบขำพลางส่ายหน้า มาทุกปี ทุกปีก็จะได้เห็นภาพบ้าคลั่งเช่นนี้ หลายปีมานี้ นอกจากเขารู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็ได้แต่ไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรอีก

“ข้าเปล่า” ซือฟั่งเฉินอดขมวดคิ้วโต้ไม่ได้ เขาก็แค่เผยฟันขาววาววับอันเป็นเอกลักษณ์ ถึงกับมีสตรีสองนางเป็นลมล้มพับ หากไม่ใช่เขารู้ว่าตนเองเป็นหัวหน้ากลุ่มสี่ชายรูปงาม ยกมือทีก็ทรงเสน่ห์ยิ่ง ทุกคนยากต้านทาน เขาคงจะคิดว่าหน้าตาแท้จริงเขาน่าตกใจมาก แค่โผล่ออกมาก็มีคนเป็นลมไปสอง

“ใช่ เจ้าแค่เผยเขี้ยวหมาป่าวาววับเจ้า ก็ทำเอาพี่สาวสองคนนั่นเป็นลมไปแล้ว” หลินซีวางมือบนบ่าซือฟั่งเฉิน กระซิบข้างหูเขาพลางหัวเราะเบาๆ “ได้ยินว่าเทศกาลตวนอู่มีแม่นางมอบถุงหอมให้เจ้า?”

“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าไม่ได้รับ” ซือฟั่งเฉินคิ้วดาบกระตุก ย่อมรู้ว่าหลินซีคิดจะอำเขา

“แน่นอน แต่ข้าไม่ได้พกถุงหอมติดตัว” หลินซีหัวเราะมีเลศนัย พลิกฝ่ามือเห็นถุงหอมสีแดงฝีมือปักประณีตใบหนึ่ง

“หลินซี! คืนข้ามา!” ซือฟั่งเฉินกัดฟันคำรามเบาๆ ทำอย่างไรได้วิทยายุทธเขาสู้หลินซีไม่ได้ ได้แต่โมโหจ้องมองแทบจะเผาเขาแทน

“ฮา ฮา พี่น้องทุกคน อาเฉินมีนางในดวงใจแล้ว” หลินซีไม่ได้คืนเขา แต่กลับหันไปยังพี่น้องด้านหลังพลางประกาศดัง แต่ไรมาซือฟั่งเฉินก็ไม่เคยแลสตรีใดในสายตา สตรีเช่นไรที่เข้าตาเขากัน

ทุกคนหัวเราะไม่ตอบ ดูท่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ พี่น้องคงรู้กันหมดแล้ว

“อาซี นางในดวงใจอาเฉิน เจ้าเองก็รู้จัก” เจียงไหวอานกล่าวอย่างรู้กัน หลินซีได้ยินก็โยนถุงหอมที่ซือฟั่งเฉินแย่งคืนไม่ได้คืนเขา หันไปกอดบ่าเจียงไหวอานรอคำตอบ สตรีที่เขารู้จัก นับแล้วก็ไม่เกินสองฝ่ามือ ตอนนี้สี่นางตรงนี้ก็ไม่น่าเป็นไปได้ หรือว่าสาวๆ เป็นที่มักจะเข้าออกเหอหยวนระยะนี้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นผู้ใด

“ผู้ใด? ผู้ใดมัดใจอาเฉินผู้นำกลุ่มชายรูปงามพวกเรากัน?”

“พรุ่งนี้เจ้าก็รู้แล้ว” เจียงไหวอานยิ้มจ้องมองตอบ

“มีอะไรพูดกันมากมายนี่ น่าเบื่อจริง” ซือฟั่งเฉินเก็บถุงหอมเข้าอกเสื้ออย่างทะนุถนอม ถลึงตาใส่หลินซี “อย่าเอาแต่ส่งเสียงดังแบบนี้ ไม่อย่างั้นข้าไม่ถือสาหากจะเป็นคนเลว บอกเรื่องเจ้าที่เมืองสุ่ยเยว่ให้น้าเลี่ยนรู้”

หลินซีค้อนใส่ทันที แต่ก็หุบปาก เรื่องที่เมืองสุ่ยเยว่เขาไม่กล้าให้ท่านแม่รู้ ไม่อย่างนั้นเขาไม่รับรองว่าท่านแม่จะยอมให้เขาออกจากต้าซื่อไปไหนมาไหนอีกไหม

“จะว่าไป อาซี เรื่องเมืองสุ่ยเยว่ตั้งใจว่าจะจัดการอย่างไร ต้องการให้ข้าไปด้วยไหม” เจี้ยนซิงกล่าวแทรกขึ้นสีหน้าจริงจัง

“ใช่ อาซี ด้วยวิทยายุทธ์สุดยอดเจ้ายังบาดเจ็บได้ ข้าว่าอีกฝ่ายต้องไม่ธรรมดา พรุ่งนี้ข้าไปกับเจ้า” ซือฉีหยางขมวดคิ้วรับคำต่อ

สีหน้าทุกคนเริ่มมีกลิ่นอายสังหาร กล้าแตะต้องพี่น้องพวกเขา ไม่อยากมีชีวิตแล้ว!

“ข้าจะไปเมืองสุ่ยเยว่คืนพรุ่งนี้” หลินหลงกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบ “อาซี อย่าบอกพี่เซียว” ในบรรดาทุกคน ที่รักหลินซีที่สุดก็คือหลินเซียว หากรู้ว่าเขาถูกคนลอบทำร้ายบาดเจ็บ ต้องทิ้งชุ่ยอวี้ไจรีบไปเมืองสุ่ยเยว่แน่ นางไม่ได้กังวลกิจการชุ่ยอวี้ไจ แต่กังวลท่านพ่อท่านแม่จะเดาได้ ทำให้ท่านแม่เป็นห่วงอย่างทำอะไรไม่ได้ แล้วทำเอาท่านพ่อตำหนิว่าอายุปูนนี้แล้วยังทำให้ท่านแม่เป็นห่วง

“พี่หลง ข้ากับไปกับท่าน” เจียงไหวอานยิ้มกล่าวแทรก

“นับข้าด้วย” ซือฉีหยางเลิกคิ้วหนาตอบเสียงแหบดัง ทำเอาทุกคนขำไปหมด

“ข้าว่า หากไม่มีภารกิจด่วน ก็ไปด้วยกันเลย เมืองสุ่ยเยว่ข้าก็ยังไม่เคยไป น้องเจิน ขากลับแวะชมทิวทัศน์เมืองสุ่ยเยว่สักหน่อย ถือสาไหม” เซวี่ยเยวียนขยับมือขวาคลี่พัดออกพัดไปมา ยิ้มถามน้องสาวที่นั่งสงบเรียบร้อยอยู่ข้างๆ

เซวี่ยเจินส่ายหน้า มองไปทางหลินซีอย่างเป็นกังวล “ซีเอ๋อร์ จะไม่บอกท่านพ่อท่านแม่เจ้าหรือ” แม้ว่าพูดเหมือนเรื่องเล็ก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก คิดลอบสังหารรัชทายาทต้าซื่อเลยนะ

“ห้ามเด็ดขาด!” หลินหลงกับหลินซีเสียงดังขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย “เหอๆ น้องหนู เจ้าไม่ใช่ไม่รู้ ท่านพ่อเราน่ากลัวขนาดไหน ขอเพียงทำท่านแม่เสียใจ ไม่ละเว้นเด็ดขาด เรื่องนี้หากยังตรวจสอบไม่ละเอียด ข้าไม่อยากถูกท่านแม่ขังในต้าซื่อ ไม่อยากถูกพลังน้ำแข็งท่านพ่อ” หลินซีรีบส่ายหน้าโบกมือปฏิเสธข้อเสนอเซวี่ยเจิน

“อย่างนั้นให้พวกเราไปสืบที่เมืองสุ่ยเยว่ก่อนละกัน” เจียงไหวอานยิ้มพยักหน้า เขาเคยประจักษ์ความร้ายกาจของหลินซือเย่าเจ้าบ้านชายตระกูลหลิน หากไม่จำเป็นจริงๆ ดีที่สุดอย่าไปรบกวนโลกของอาจารย์ลุงหลินกกับน้าเลี่ยนดีกว่า