บทพิเศษ 1-1 งานชุมนุมพี่น้อง (1)

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

ครบปีวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดอีกแล้ว ลานจัตุรัสประจำต้าซื่อก็เริ่มคึกคักเหมือนกับทุกปี

เทศกาลนี้ทำให้การค้าของร้านค้ารอบลานจัตุรัสดีอย่างมาก

โดยเฉพาะร้านน้ำชาซิ่วเถิงที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าโถงชั้นหนึ่ง หรือว่าห้องส่วนตัวชั้นสอง ล้วนเต็มไปด้วยแขกเหรื่อ บรรดาแขกที่ไม่กลัวสิ้นเปลือง คิดแต่จะเบียดเข้าไปหาที่นั่งดื่มน้ำชาในร้านน้ำชาเพื่อเสพสุขช่วงเวลาแสนล้ำค่า เสี่ยวเอ้อร์สองคนได้แต่ยืนหน้าประตูร้านน้ำชา กำลังก้มคำนับขอบคุณแขกที่มาใช้บริการ “ขออภัย ร้านเราแขกเต็มแล้ว ขอนายท่านโปรดอภัย”

นอกจากมีแขกที่ดื่มน้ำชาเสร็จแล้วออกไปจากร้านน้ำชาเท่านั้น จึงจะเชิญแขกท่านอื่นเข้าไปได้ ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่ปฏิเสธ

เฮ้อ คิดถึงเสี่ยวเอ้อร์ร้านอื่นล้วนยืนหน้าประตูเรียกแขก แต่พวกเขากลับกัน ต้องผลักเทพเจ้าเงินทองออกจากร้านไปแทน

“นายท่านท่านนี้ ขออภัย ร้านน้ำชาเราที่นั่งเต็มแล้ว…” พอเจ้าหลี่หัวโตรีบวิ่งเร็วจี๋ไปห้องน้ำปลดทุกข์ที่อัดแน่นเต็มท้อง ด้านหน้ามีคุณชายแต่งกายหรูหราดูโดดเด่นกว่าคนทั่วไปสองสามท่านปรากฏขึ้น เสี่ยวเหวินรีบขออภัยแขกด้วยท่าทีนอบน้อม

“เอ๋? เจ้ามาใหม่หรือ?” คุณชายอายุน้อยที่นำทุกคนมา สะบัดเปิดพัดดัง พรึ่บ ก่อนจะพัดไปมาพลางลอบสังเกตเสี่ยวเหวินรอบหนึ่ง พลางเลิกคิ้วถาม

“เอ่อ…ขอรับ ข้าน้อยมาได้แค่ห้าวัน วันนี้ที่ร้านคนไม่พอ ได้แต่ให้ข้าน้อยออกมาต้อนรับแขกด้วย…เอ่อ…หากล่วงเกินคุณชาย ข้าน้อยขออภัยจริงๆ” เสี่ยวเหวินจำคำสุภาพที่เรียนมาจากสำนักศึกษาได้ กล่าวนอบน้อมตามธรรมเนียมมารยาท สีหน้านิ่งเรียบสุภาพ ในใจกลับร้อนรนไม่น้อย ไม่เคยใช้คำเหล่านี้มาก่อน อย่าได้เป็นเพราะว่าเรื่องนี้แล้วถูกเถ้าแก่ไล่ออกเด็ดขาด บ้านเขายังมีท่านย่าที่ต้องดูแล ไม่อาจเสียงานแรกนี้ไปเด็ดขาด

หลินซีจ้องมองเสี่ยวเหวินอยู่นานเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างก่อนจะยิ้มมุมปาก หากไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็เห็นเจ้าหลี่หัวโตออกมาจากห้องน้ำ มองมาไกลๆ เห็นภาพหน้าร้านน้ำชา ก็รีบวิ่งมาหน้าพวกเขาอย่างร้อนใจ หอบหายใจแฮ่กคำนับพวกเขา “คุณ…คุณชาย เสี่ยวเหวินเพิ่งมาทำงาน อะไรก็ยังไม่เข้าใจ ขอคุณชายอย่า…อย่าได้ถือสาเขา…ในเมื่อคุณชายกับสหายมาแล้ว ข้าน้อย…ข้าน้อยก็จะนำคุณชายทุกท่านขึ้นไปชั้นบน” ก่อนจะหันไปแอบเตะเสี่ยวเหวินทีหนึ่ง “ไม่เห็นหรือ นี่คือใต้เท้าปกครองต้าซื่อเราในอนาคต คุณชายหลินซี ยังไม่รีบขออภัยอีก!”

“ไม่ต้อง เขาไม่ได้กล่าวอะไรล่วงเกินข้า” หลินซีถือพัดในมือขึ้นลูบไปมา หันไปทางเจ้าหลี่หัวโตพลางส่ายหน้าด้วยท่าทางผู้ดีสูงศักดิ์ หันไปทางเสี่ยวเหวินถามอย่างอ่อนโยนว่า “ชื่ออะไร ปีนี้อายุเท่าไร”

“คุณชาย!” เจ้าหลี่หัวโตได้ยินก็ตกใจสบตากับเสี่ยวเหวิน อึ้งไปเป็นนานก่อนจะตอบอย่างลนลานหวาดกลัวว่า “คุณ…คุณชายหมายความว่า?”

“เสี่ยวหลี่ ไม่มีธุระเจ้าที่นี่แล้ว เอาอย่างนี้ หากเจ้ายอม พรุ่งนี้ยามเหม่า ไปที่จวนผู้ปกครองพบข้า” หลินซีหันไปโบกมือให้อย่างใจกว้าง “พวกเจ้าทำเงียบ ดูละครพอใจแล้วสิ ไปสิ ขึ้นไปข้างบน ถึงตอนนั้นอย่าว่าข้าไม่ต้อนรับพวกเจ้า” จากนั้นก็สาวเท้ายาวเข้าร้านน้ำชาไป

ด้านหลังหลินซีมีคุณชายหน้าตาดีอีกสามท่าน สบตากันหัวเราะ ตามหลังหลินซีขึ้นไปชั้นบน ไปยังห้องที่ใหญ่ที่สุด

“เจ้าหลี่หัวโต…” เสี่ยวเหวินมองตาค้าง มองเพื่อนข้างๆ อย่างไม่เข้าใจ

“เสี่ยวเหวิน…เจ้าจะมีชีวิตที่ดีแล้ว…ว่ากันว่าคุณชายหลินซีถูกใจและรับไว้ข้างกาย วันหน้าก็จะเป็นผู้มีหน้ามีตาของต้าซื่อเรา…”

……

“ทำไม? เจอคนมีความสามารถอีกแล้วหรือ” คุณชายหนุ่มน้อยทั้งสี่คนยิ้มแย้มเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวชั้นบนที่เรียกได้ว่าเป็นห้องที่ดีที่สุด หรูหราที่สุดของร้านน้ำชาซิ่งเถิงแห่งนี้ มีคนรออยู่ในห้องหลายคน พวกเขากำลังคุยกัน ยามนี้พร้อมใจกันหันมามองหลินซีที่เดินเข้ามา

“ใช่แล้ว มีคู่แข่งหมายเลขหนึ่งอย่างเจ้า ข้าจะไปเฟ้นหาคนมีความสามารถตลอดเวลาได้อย่างไร ต้องชำนาญเลือกใช้คนอย่างไร?! คงไม่อาจรอให้อีกสามปีรับตำแหน่งปกครองต้าซื่อแล้ว คนที่ใช้ได้ข้างกายมีแต่คนของเจ้า!” หลินซีพูดเป็นชุดอย่างไม่เกรงใจสักนิด ก่อนจะไปนั่งลงข้างดรุณีน้อยสีหน้าเย็นเยียบ บ่นอย่างน่าสงสารไม่หยุดว่า “พี่หลง ทำไมไม่ด่าเจ้าหมอนี่บ้าง! พี่ไม่รู้ หลายปีมานี้ เขาเอาแต่แข่งกับข้า แทบจะนำสิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิงชุดใหม่ของเขามาถล่มต้าซื่อเราแล้ว”

“เชอะ ถ้าดูตามรุ่นอายุ เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านอานะ ยังกล้ามาใส่ร้ายคนอื่นก่อนอีก! หลงเอ๋อร์ อย่าไปสนใจเขา สองปีนี้เขาสิเกินเลยไปมาก มีเวลาก็มาเซวี่ยหมิงเฟ้นหาคนมีฝีมือไป ข้าไม่อยากจะบอก หัวหน้าหน่วยทะเลหมายเลขหนึ่ง เจ็ดแปดส่วนน่าจะเป็นผู้กล้ามากสามารถจากเซวี่ยหมิง” ที่กำลังโต้ฝีปากกับหลินซีก็คือเซวี่ยเยวียนผู้ที่อีกไม่นานจะเป็นฮ่องเต้เซวี่ยหมิง อายุเท่ากับหลินซี ปีนี้เพิ่งจะสิบหก แต่โตกว่าหลินซีหลายวัน เป็นอาของพวกหลินซีสามพี่น้อง ทำอย่างไรได้ ผู้ใดให้เขาเป็นลูกชายคนเล็กของปู่พวกเขา น้องชายแท้ๆ ของท่านพ่อพวกเขากัน

“พอแล้ว พอแล้ว ถือว่าข้ากลัวเจ้าแล้ว…ท่านอา! วันนี้เป็นวันรวมพี่น้องเรา อย่าเอาเรื่องเล็กๆ พวกนี้มาเถียงกันไม่เลิกดีกว่า ดีไหม” หลินซีเงยหน้ายิ้มราวกับฤดูใบไม้ผลิ หันไปทำหน้าทะเล้นใส่พี่น้องที่กำลังหัวเราะการโต้ฝีปากกันของพวกเขาสองคน

“เอ๋? ไม่ใช่บอกว่าจะมาตรงเวลากันหรือ พี่เซียวล่ะ” หลินซีกวาดตามองไปยังพี่น้องชายหญิง เซวี่ยเยวียนกับเซวี่ยเจินพี่ชายน้องสาวสองพี่น้อง เหลียงซวี่รื่อกับเหลียงอี๋เยว่พี่สาวน้องชายสองพี่น้อง เจียงไหวอาน เจียงจิ่งอวี้ ซือฉีหยาง ซือฟั่งเฉิน เจี้ยนซิงและหลินหลงกับเขา ขาดแค่หลินเซียวที่ใจมุ่งอยู่แต่เรื่องทำอาหาร

“พี่เซียวน่าจะลืมเวลาไปแล้ว” เจียงไหวอานลูกชายคนโตเจียงอิ้งอวิ๋นกับซือเล่ายิ้มส่ายหน้า เพราะว่าซือเล่าให้ลูกชายหญิงสองคนใช้แซ่ตามมารดา ตอนนี้อายุสิบสาม เริ่มเห็นเค้าโครงรูปงามแล้ว เขาหันไปเก็บปอยผมเปียที่เริ่มรุ่งริ่งให้จิ่งอวี้น้องสาวที่อายุน้อยกว่าเขาปีหนึ่ง

“เป็นไปได้ มีแต่พี่เซียวที่ไม่เคยเห็นพวกเราในสายตา” ซือฟั่งเฉิน ลูกชายคนโตซือทั่ว อายุสิบสอง แต่กลับมีร่างสูงใหญ่ราวกับผู้ใหญ่ กอปรกับใบหน้าเขาที่มักจะเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม เพียงพอจะทำให้บรรดาดรุณีน้อยส่งเสียงกรีดร้องให้กับใบหน้าแสนหล่อเหลาของเขา เขาถือเป็นผู้นำกลุ่มสี่ชายรูปงามในต้าซื่อที่ทุกคนให้การยอมรับ อีกสามคนย่อมเป็นหลินซี เหลียงซวี่รื่อและเจียงไหวอาน

“ไม่เห็นพวกเราในสายตาจริง ในสายตาพี่เซียวมีแต่เครื่องปรุงอาหาร” ซือฉีหยางที่อายุน้อยที่สุดในงานรวมพี่น้องเบ้ปาก ท่านั่งไม่เรียบร้อย กอปรกับน้ำเสียงแหบเป็นเป็ดของเขาที่กำลังเปลี่ยนวัย ทำให้ดูประหลาดมาก แต่ทุกคนกลับไม่รู้สึกแปลก เขาคือลูกชายคนเดียวของซือชง ว่าที่ประมุขหอกว่างชื่อโหลว อายุสิบเอ็ดก็ติดตามบิดาเขาออกท่องยุทธภพหลายปี หากพูดเรื่องสติปัญญาแล้วย่อมไม่เป็นรองพี่ชายที่อายุมากกว่าเขาหลายปี

“พี่เซียวไม่ได้ลืม แต่ทำอาหารให้ทุกคนอยู่” นอกจากหลินเซียว ก็มีพี่หลงประมุขหอเฟิงเหยาที่พูดแล้วทุกคนย่อมรับฟัง หลินหลงอธิบายน้ำเสียงนิ่งเรียบ

“อาหาร? พี่เซียวลงมือเอง?” ซือฟั่งเฉินเป่าปาก สีหน้าเริ่มมีความตื่นเต้น

“เหอๆ …มีลาภปากแล้ว” เจียงไหวอานยิ้มกริ่ม

ซือฉีหยางใจร้อนรีบลุกขึ้นผลักเก้าอี้ออก คิ้วดาบกระตุก หันไปพยักเพยิดใส่ทุกคน “อย่างนั้นยังมัวรออะไร!”

“ไป ไปชุ่ยอวี้ไจกัน” หลินซีหัวเราะร่า ลากเจียงจิ่งอวี้ให้ลุกขึ้นอย่างว่านอนสอนง่าย “อวี้เอ๋อร์ ไม่เจอกันนาน คิดถึงพี่ซีไหม”

“เชอะ อย่ามาทำน้องสาวที่รักพวกเราแปดเปื้อน อวี้เอ๋อร์ ตามพี่เฉินไป ไม่ต้องไปสนใจเจ้านกยูงนี่” ซือฟั่งเฉินแยกเขี้ยวยิ้ม ปัดมือหลินซีที่วางบนบ่าเจียงจิ่งอวี้ออก หัวเราะตอบ

หลินซีค้อนขวับ เขาทำแปดเปื้อนตอนไหน คิดถึงว่าเขาก็เป็นหนึ่งในสี่ชายรูปงาม ยังเป็นว่าที่ผู้ปกครองต้าซื่อ เรื่องชายหญิงพวกนี้เขาก็เข้มงวดระวังตัวมากอยู่นะ

“เจี้ยนซิง ไปกันเถอะ” เจียงไหวอานแอบขำพลางส่ายหน้า หันไปกวักมือเรียกเจี้ยนซิงที่อยู่หลังสุด

เจี้ยนซิงคือลูกชายของเจี้ยนเหิงกับเซียงหลัน ตอนเขาเกิด เซียงหลันลื่นล้มจนเกือบแท้ง ดังนั้นเจี้ยนเหิงจึงเลียนแบบหลินซือเย่า ทำหมันเสียเลย ไม่กะจะมีลูกอีกแล้ว เจี้ยนซิงอายุสิบสี่ ก็ได้รับการถ่ายทอดจากเจี้ยนเหิงหมดสิ้น วิทยายุทธ์ล้ำเลิศ นิสัยสุขุม ปีก่อนเป็นต้นมาก็ได้เป็นเถ้าแก่ร้านอาหารดองเหอหยวนที่ตั้งอยู่เมืองหลวง หนึ่งปีกลับมาสองครั้ง ครั้งแรกก็คืนวันสิ้นปี อีกครั้งก็งานชุมนุมพี่น้องนี่