มารดาของเจ้าอ้วนซานเคยโดนหลินเว่ยเว่ยสั่งสอนมาแล้วคราหนึ่ง นางจึงไม่กล้าหาเรื่องตระกูลหลินอีก แต่อย่างไรก็ตามสุนัขไม่อาจเปลี่ยนการกินอุจจาระได้ หลังจากที่นางเห็นป้ากุ้ยฮวาได้ของดีมากมาย นางก็เกิดอาการอิจฉาตาร้อนแทบไม่ไหว นางจึงอดพูดถากถางป้ากุ้ยฮวาไม่ได้ คนบางคนหนอ เวลาบ้านเขายากจนก็ไม่สนใจไยดี พอเขามีเงินเข้าหน่อยก็มาประจบถึงบ้าน มาขอกินขอดื่มบ้านเขา ช่างหน้าหนาเหลือเกิน !
ป้ากุ้ยฮวาไม่ใช่คนที่จะยอมให้ผู้ใดมาด่าว่าตามอำเภอใจ นางจึงส่งเสียงไม่พอใจแล้วพูดอย่างไม่ไยดีว่า แม้ข้าจะขอเขากิน แต่เขาก็ยอมแบ่งให้ด้วยความเต็มใจ ไม่เหมือนบางคนที่วัน ๆ ไม่รู้จักทำงาน ไม่รู้จักพูดจาดีต่อผู้อื่น แต่ยังมาเสนอหน้าอยู่หน้าบ้านเขาเพราะอยากได้ส่วนแบ่ง !
มารดาของเจ้าอ้วนซานโกรธจนกำชายเสื้อไว้แน่น สองมือเท้าสะเอวอย่างเอาเรื่องพลางเถียงกลับเสียงสูง จางกุ้ยฮวา เอาหน้าแก่ ๆ ของเจ้าไปประจบประแจงผู้อื่น แต่ถูกเขาปฏิบัติเหมือนขอทาน เขาเพียงให้ของเหลือมาเล็กน้อยก็ทำให้เจ้าอวดดีเพียงนี้เชียวหรือ ไม่คิดว่ามันน่าละอายใจบ้างหรือไร เจ้ามีอันใดให้ภูมิใจ ? เจ้าทำให้บ้านสามีต้องอับอาย !
ป้ากุ้ยฮวามาช่วยงานข้าตลอดทั้งวัน การที่ข้าแบ่งปันเนื้อหมูให้นางสักครึ่งชั่งเป็นค่าตอบแทน ถือว่าน่าขายหน้าตรงไหน ? ไม่เหมือนบางคนที่ทำตัวเกียจคร้านตลอดทั้งวัน ปากดีแต่พ่นของเสียออกมา พูดจาให้ร้ายผู้อื่น คนเช่นนี้ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ ?
มารดาของเจ้าอ้วนซานเคยโดนหลินเว่ยเว่ยจัดการมาแล้ว ยิ่งกว่านั้นนางต้องสูญเสียแม่แพะให้หลินเว่ยเว่ยจนทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดใจนานครึ่งเดือน นางจึงทั้งเกลียดและกลัวบุตรสาวคนรองตระกูลหลินยิ่งกว่าสิ่งใด ! เสียงของหลินเว่ยเว่ยจึงเปรียบเสมือนน้ำเย็นที่ราดมาบนศีรษะของนาง ทำให้นางรู้สึกตื่นตัวทันที นางหันกลับไปก็เห็นว่าหลินเว่ยเว่ยกำลังยืนพิงขอบประตูบ้านแล้วมองมาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
มารดาของเจ้าอ้วนซานไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคําใดออกมา นางหันหลังอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งหนีหายไปราวกับมีโจรไล่ตามหลังอยู่
บรรดาหญิงสาวหญิงแก่ในหมู่บ้านที่เดินผ่านมาบริเวณบ้านตระกูลหลินเห็นเช่นนั้นก็พากันหัวเราะออกมา มารดาของเจ้าอ้วนซานเป็นคนที่ชอบด่าทอผู้อื่นไปทั่ว คาดไม่ถึงเลยว่าพอเห็นบุตรสาวคนรองตระกูลหลินแล้วก็กลัวราวกับหนูเจอแมว เช่นนี้ถึงจะเรียกว่าทุกสิ่งย่อมโดนสยบจากสิ่งหนึ่งได้เสมอ !
ทุกท่านยังมีธุระอันใดอีกหรือไม่ ? หลินเว่ยเว่ยแบกถังน้ำเตรียมไปรดน้ำในแปลงนา
เวลานี้หญิงสาวคนหนึ่งในหมู่บ้านที่เคยขึ้นเขาไปเก็บผักป่ากับนางได้เดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มพร้อมถามว่า น้องรอง เจ้าเตรียมจะไปทำไร่ทำนาหรือ ? น้องสาวช่างเป็นคนมากความสามารถของหมู่บ้านจริง ๆ…กีบเท้าหมูที่ป้ากุ้ยฮวาถืออยู่เหมือนจะเป็นเท้าหมูป่า น้องสาวล่าหมูป่ามาได้อีกแล้วหรือ ?
อืม มีหมูป่าตัวเล็กไม่ระวังพลัดตกไปในหลุมกับดักของข้า หากเจ้าไม่มีธุระอันใด ข้าจะไปทำไร่แล้ว หลินเว่ยเว่ยหันไปพยักหน้าตอบ
หญิงสาวคนนั้นจึงลองถามหยั่งเชิงว่า บ้านของเจ้ายังต้องการผู้ช่วยอีกหรือไม่ ? ข้าไม่มีธุระอันใด หากเจ้าต้องการคนช่วยก็สามารถเรียกข้าได้ทุกเมื่อ…
บรรดาสตรีที่มาห้อมล้อมต่างพากันทำสีหน้าดูแคลน มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าหญิงสาวคนนี้ถนัดที่สุดในเรื่องของความเกียจคร้าน ขนาดงานบ้านของตนยังหลบแล้วหลบอีก ยังจะมีหน้ามาช่วยผู้อื่นได้หรือ ? เพราะอยากได้เนื้อหมูกับเครื่องในอย่างคนอื่นมากกว่า ช่างหน้าไม่อายเสียจริง !
หลินเว่ยเว่ยยิ้มแล้วพูดปฏิเสธอย่างอ้อม ๆ ตอนนี้ที่บ้านของข้ายังไม่มีงานหนักจนต้องขอความช่วยเหลือ ถ้าเจ้ามีเวลาก็ขึ้นเขาไปเก็บผักป่ามาตากไว้เถิด เช่นนี้จะได้มีอาหารเอาไว้กินในฤดูหนาว
หลังกล่าวจบ นางก็เดินไปยังแปลงนาที่อยู่ตรงเชิงเขาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวคนนี้รอจนกระทั่งนางเดินหายไปแล้ว สีหน้าก็ถมึงทึงทันทีพลางจ้องเขม็งไปยังพวกสตรีที่รายล้อมอยู่ตรงนั้น ก่อนสะบัดผ้าเช็ดหน้าในมือแล้วเดินจากไป
ป้ากุ้ยฮวากลับถึงบ้านของตน เวลานี้หลิวเอ้อร์หยาลูกสาวคนรองวัย 7 ขวบและถู่โต้วบุตรชายคนเล็กวัย 5 ขวบเห็นเนื้อหมูและเครื่องในหมูที่อยู่ในมือของมารดาก็พากันเข้ามาต้อนรับอย่างดีอกดีใจ ท่านแม่ เนื้อเหล่านี้เป็นของเราใช่หรือไม่ ?
พี่รองของตระกูลหลินเอาให้พวกเจ้าไว้กิน เย็นนี้แม่จะทำหมูตุ๋นให้พวกเจ้า ! ป้ากุ้ยฮวาลูบศีรษะบุตรชายตัวน้อยแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
เวลานี้เด็กน้อยทั้งสองกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจราวกับว่ากำลังจะได้เฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ว้าว ! พวกเรามีเนื้อกินแล้ว ! พรุ่งนี้ข้าจะไปบอกเอ้อร์หวาน้องเล็กของบ้านนั้นว่าข้าก็ได้กินเนื้อเหมือนกัน !
ป้ากุ้ยฮวานึกถึงบุตรชายคนเล็กของตระกูลหลินที่อ้วนขึ้นและมีใบหน้าอ้วนกลม จากนั้นก็หันมามองบุตรชายของตนที่มีรูปร่างผอมโซ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกแสบจมูกเหมือนอยากร้องไห้ ก่อนจะดึงบุตรเข้ามากอดแล้วกล่าวเสียงสั่นว่า อืม กินเนื้อ ! เย็นนี้เราจะกินเนื้อมื้อใหญ่กัน !
หลิวต้าซวนลากสังขารที่เหนื่อยล้ากลับมาจากแปลงนา เขาเพิ่งเดินเข้าประตูบ้านมาก็ได้กลิ่นหอมของเนื้อลอยแตะจมูกแล้ว เขาจึงก้าวเท้าถอยออกจากประตูบ้านและเมื่อเพ่งพินิจอย่างละเอียดก็แน่ว่านี่คือบ้านของตนจริง ! ตอนนี้บ้านของเขาใกล้จะอดอยากเต็มที จะมีปัญญาไปซื้อเนื้อมาจากที่ใด ? หรือเพราะว่าเขาหิวเกินไปจนเกิดภาพหลอน ?
ท่านพ่อ ! วันนี้เราจะกินเนื้อ ท่านแม่ตุ๋นเนื้อหม้อใหญ่เลยขอรับ ! ถู่โต้วยื่นหน้าออกมาจากในครัวแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง
หลิวต้าซวนจึงรีบวางจอบและอุปกรณ์ทำไร่ทำนาลง จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในครัวแล้วชะโงกหน้ามองไปในหม้อ ไอหยา ! ยอดไปเลย มีทั้งตับหมู หัวใจหมูแล้วก็ปอดหมูตุ๋นอยู่ในหม้อใหญ่ เมื่อก่อนขนาดจะฉลองปีใหม่ยังไม่เคยเห็นนางทำอันใดเช่นนี้มาก่อน
ไปเอาเนื้อมาจากที่ใดหรือ ? หลิวต้าซวนตักหัวใจหมูขึ้นมาชิมหนึ่งชิ้น ‘ไม่ได้กินเนื้อมาครึ่งปีแล้ว อร่อยมาก ! ’
ป้ากุ้ยฮวาเล่าเรื่องที่ไปช่วยงานบ้านตระกูลหลินให้สามีฟัง หลินเว่ยเว่ยไม่เพียงให้เงินค่าแรง 30 อีแปะ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังแบ่งเนื้อหมูและเครื่องในหมูป่าให้อีก หลิวต้าซวนเงียบฟังอยู่นานจึงเดินออกไปจากห้องครัว
กำลังจะกินข้าวกันอยู่แล้ว เจ้าจะไปที่ใด ? ป้ากุ้ยฮวาเห็นว่าเขาเดินออกจากบ้านจึงรีบเดินตามไปถาม
เมื่อเห็นจอบและถังน้ำในมือของสามี มีหรือนางจะไม่เข้าใจ ? แม้สงสารสามี แต่นางก็รู้ว่ามนุษย์ควรตอบแทนน้ำใจ ในเมื่อตระกูลหลินใจดีกับนางถึงเพียงนี้ก็ไม่ควรเพิกเฉย เสี่ยวเว่ยต้องรดน้ำในแปลงนา 3 หมู่คนเดียว มันไม่ง่ายเลย ดังนั้นหากสามีช่วยอันใดได้ก็ควรช่วย !
เหลียงถัวบุตรชายคนโตของป้ากุ้ยฮวาก็ตามบิดาออกไปเช่นกัน ท่านแม่ขอรับ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อ ท่านเหลือเนื้อในหม้อไว้ให้ข้ากับท่านพ่อเยอะหน่อยนะ !
ขณะที่หลิวต้าซวนเดินถือจอบมาถึงริมแปลงนาของตระกูลหลิน หลินเว่ยเว่ยที่ได้ยินเสียงคนเดินมาก็ชะโงกศีรษะออกมาจากแปลงข้าวโพดที่สูงชะลูด เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดนางก็ยิ้มทักทาย ลุงต้าซวน แปลงนาของท่านรดน้ำเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ ? ท่านกลับมาอีกด้วยเหตุใด ?
เจ้าคนเดียวต้องรดน้ำแปลงนาที่ใหญ่ถึงเพียงนี้ แล้วเมื่อใดจะรดเสร็จ ? ข้าจึงมาช่วย ! หลิวต้าซวนถือถังน้ำขึ้นภูเขาไปอย่างรวดเร็ว
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินเว่ยเว่ยแข็งทื่อขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นนางจึงรีบกล่าวว่า ลุงต้าซวน ไม่ต้องหรอก ข้าใกล้จะรดเสร็จแล้ว !
หลิวต้าซวนเหลือบมองแปลงข้าวสาลีของตนที่ดูแห้งแล้ง ใบหน้าหยาบกร้านของเขาที่โดนแดดเผามาหลายปีได้เผยรอยยิ้มเรียบง่ายออกมา ถ้าคนเยอะก็จะรดน้ำเสร็จเร็ว ! ฟ้าใกล้มืดแล้ว เจ้าเป็นสตรีไม่ควรขึ้นไปบนภูเขาเพียงลำพัง
หลินเว่ยเว่ยรู้สึกลำบากใจเหลือเกิน ‘หากท่านมาช่วยแล้ว ข้าจะกล้าเอาน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณมารดแปลงนาได้อย่างไร เช่นนั้นก็ช้ากันไปใหญ่ ! เฮ้อ จะว่าไปแล้วเขาเองก็มีน้ำใจ เพียงแต่เป็นน้ำใจผิดที่ผิดเวลาไปหน่อย ! ’
หลินเว่ยเว่ยเดินขึ้นลงภูเขาอย่างยอมรับชะตากรรม นางกล้าเอาน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณออกมาแค่ตอนหลิวต้าซวนมองไม่เห็นเท่านั้น ทำให้ทั้งสามคนใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยามกว่าจะรดน้ำในแปลงนาเสร็จ
ระหว่างทางกลับบ้าน หลิวต้าซวนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า ข้าวโพดของบ้านเจ้าเติบโตดีมาก ลำต้นหนา สูง ใบก็สมบูรณ์ หากปีนี้น้ำค้างแข็งไม่มาเร็วเหมือนปีก่อน ๆ เจ้าน่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่เลวเลย
ตอนต่อไป