ตอนที่ 118

Silver Overlord

118 – ศัตรูความรักปรากฏตัว

เมื่อสือต้าเฟิงได้ยินคนเหล่านี้กำลังล้อเลียนเอี้ยนลี่เฉียงเขาก็จ้องมองออกไปด้วยสายตาดุดันพร้อมกับคว้าข้อมือของเอี้ยนลี่เฉียงไว้

เอี้ยนลี่เฉียงมองไปที่คนเหล่านี้และยิ้ม เขามองไปยังใบหน้าทุกคนแต่ก็จำไม่ได้ว่าคนเหล่านี้เป็นใคร

บัดซบ! เหตุใดคนเหล่านี้จึงต้องการสร้างปัญหาให้กับเขา

เขาไม่ได้รุกรานใคร เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับชาว ชาตู? แต่ดูเหมือนว่าจะไม่น่าเป็นไปได้เนื่องจากอิทธิพลของชาวชาตูไม่น่าจะมีพลังถึงขนาดนี้

แม้ว่าความคิดจะวิ่งผ่านจิตใจของเอี้ยนลี่เฉียงอย่างรวดเร็ว แต่ปากของเขาก็ไม่หยุดแม้แต่วินาทีเดียว เขาจ้องไปยังทุกคนแล้วพูดว่า

“ปีนี้ข้าอายุสิบสี่ปีและประสบความสำเร็จเป็นอันดับหนึ่งในการสอบศิลปะการต่อสู้ของมณฑลชิงไห่ แต่ในตอนที่อายุเท่ากันพวกเจ้าทำอะไรได้ ตอนนี้พวกเจ้ามาแสดงความสามารถต่อหน้าข้านับว่าไม่เจียมตัวจริงๆ! “

เสียงหัวเราะของคนกลุ่มนั้นหยุดลงอย่างกะทันหันราวกับเป็ดที่ถูกบีบคอ สือต้าเฟิงก็ตกตะลึงเช่นกันเขามองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยความประหลาดใจราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับตัวตนที่แท้จริงของเอี้ยนลี่เฉียง

เขาไม่เคยคิดว่าคำพูดที่รุนแรงแบบนี้จะออกจากปากของเอี้ยนลี่เฉียง ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นคนอ่อนโยนและมีความอ่อนน้อมถ่อมตน

“เจ้าพูดอะไร?” เด็กหนุ่มจากก่อนหน้านี้ตะโกนพร้อมกับก้าวมาข้างหน้าด้วยสีหน้าแดงก่ำ

“ งั้นข้าจะบอกพวกเจ้าอีกครั้ง พวกเจ้าทุกคนก็แค่เศษสวะ” เด็กหนุ่มคนนั้นไม่สามารถทนต่อไปได้อีก กำปั้นของเขาพุ่งเข้าหาเอี้ยนลี่เฉียงอย่างรวดเร็ว เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้แสดงความอ่อนแอออกมา กำปั้นของเขาถูกปล่อยออกไปในเวลาเดียวกัน

หมัดของพวกเขาปะทะกันอย่างรุนแรงที่กลางอากาศ

เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้ขยับถอยหลังแม้แต่นิดเดียว อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มคนนั้นกระเด็นถอยหลังพร้อมกับกุมข้อมือและกรีดร้องโหยหวน

ใบหน้าของเด็กหนุ่มเหล่านั้นเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ไม่มีใครคาดคิดว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะแข็งแกร่งมากถึงขนาดนี้ ทุกคนล้วนมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรเลยในการจัดการกับเด็กหนุ่มคนนั้น

“พวกเจ้ากำลังทำอะไร?” เสียงดังมาจากระยะไกล ชายชราหนวดเคราดกหนาเดินเข้ามาพร้อมสายตาดุดัน

“อาจารย์ซู ” เอี้ยนลี่เฉียงและคนที่ขวางทางเขาต่างคำนับไปในทิศทางนั้น

ชายชราที่เดินเข้ามาคืออาจารย์พิเศษที่สอนวิชาทวน เขาได้สอนวิชาขั้นพื้นฐานให้กับเอี้ยนลี่เฉียงสองสามกระบวนท่าแล้ว

โดยปกติแล้วเมื่อเอี้ยนลี่เฉียงฝึกในสนามฝึกอาจารย์ซูจะคอยสอนเทคนิคบางอย่างให้กับเขาซึ่งมันทำให้เขาสามารถพัฒนาวิชาทวนได้เป็นอย่างดี

“ เจ้าอยู่ในสถาบันมาหลายปีเจ้ายังไม่รู้หรือว่าการต่อสู้กันที่ด้านนอกสนามประลองถือเป็นเรื่องต้องห้าม หวังฮ่าวเฟย?”

หวังฮ่าวเฟย?

หัวใจของเอี้ยนลี่เฉียงเต้นผิดจังหวะเมื่อได้ยินชื่อนี้ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าคนเหล่านี้มาหาเรื่องเขาทำไม

ชายหนุ่มที่ดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มฝืนยิ้ม “อาจารย์ พวกเราได้ยินมาว่ามีเด็กใหม่คนหนึ่งที่มีความแข็งแกร่งพวกเราจึงมาทักทาย!”

“ผ่านหมัด?” อาจารย์ซุไม่ใช่คนโง่ เขารีบดักคอหวังฮ่าวเฟยทันทีที่ได้ยินคำอธิบาย

“ ใช่ ซุนหยางแค่พยายามทักทายเขาเท่านั้นไม่ใช่การต่อสู้ที่แท้จริง.”

“อย่าพยายามหาเรื่องที่นี่! ข้าตระหนักถึงระดับการฝึกฝนของเจ้าดี หากพวกเจ้าต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆเอี้ยนลี่เฉียงคนนี้จะสามารถตีพวกเจ้าจนตายได้อย่างแน่นอน อย่าพยายามทำอะไรโง่ๆอีก รีบไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!” อาจารย์สอนวิชาทวนโบกมือไล่พวกเขาด้วยท่าทางรำคาญ

ใบหน้าของทุกคนในกลุ่มนั้นดูไม่พอใจทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่อาจารย์สอนวิชาทวนกล่าว พวกเขามองหน้ากันและกันไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่เชื่อเรื่องนี้

“ อาจารย์ข้าว่าท่านพูดเกินไปหน่อย…?” หวังฮ่าวเฟยเถียงอย่างมั่นใจ “ ข้าได้เรียนอยู่ที่สถาบันศิลปะการต่อสู้นี้หลายปีรวมทั้งยังผ่านขั้นตอนการยืดเส้นเอ็นแล้ว อีกทั้งวิชาดาบพื้นฐานของข้าก็ฝึกสำเร็จแล้วด้วย…”

“ เจ้าผ่านขั้นตอนการยืดเส้นเอ็นแล้วอย่างไร วิชาดาบขั้นพื้นฐานของเจ้าเมื่อเทียบกับวิชาทวนในสวรรค์ชั้นสองของเอี้ยนลี่เฉียงเจ้าจะสามารถสู้ได้นานแค่ไหน? “

อะไร?! วิชาทวนของเอี้ยนลี่เฉียงสามารถผ่านระดับสวรรค์ชั้นสองไปแล้ว? ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างมองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยความงุนงง

ในฐานะนักเรียนในสถาบันศิลปะการต่อสู้พวกเขาเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของวิชาทวนในสวรรค์ชั้นสองเป็นอย่างดี เมื่อฝึกฝนถึงระดับนี้แล้วการฆ่าคนก็เหมือนกับการใช้นิ้วทะลวงกระดาษบางๆเท่านั้น

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในสถาบันศิลปะการต่อสู้แห่งนี้ แม้แต่คนที่เป็นนักสู้ที่แท้จริงแล้ว จะมีกี่คนที่สามารถฝึกฝนวิชาทวนจนถึงระดับสวรรค์ชั้นสองได้

“ อาจารย์ซู…” เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มอย่างขมขื่นในขณะที่เขามองไปยังอาจารย์พิเศษวิชาทวน เขาไม่คิดว่าอาจารย์จะมองเห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา มิหนำซ้ำยังเปิดเผยมันออกมาต่อหน้าสาธารณชน

“เจ้ามาที่สนามซ้อมหลายครั้ง เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนตาบอดอย่างนั้นเหรอ เอี้ยนลี่เฉียงเจ้าทำให้ข้าสงสัยในตัวเจ้ายิ่งนัก เจ้าอายุยังน้อยแต่พยายามทำตัวไม่โดดเด่นหากข้าไม่ได้สังเกตดีๆจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าเป็นคนที่เคยฝึกฝนวิชาทวนมาก่อน!” ชายชราวิพากษ์วิจารณ์เอี้ยนลี่เฉียงอย่างไม่พอใจ

เอี้ยนลี่เฉียงจะสามารถพูดอะไรได้อีก?

“ความแข็งแกร่งของทวนนั้นไม่แตกต่างจากความแข็งแกร่งของหมัด หากว่าเอี้ยนลี่เฉียงไม่ยอมรั้งพลังไว้ป่านนี้ชุนหยางก็คงต้องนอนพิการอยู่บนเตียงไม่ต่ำกว่าครึ่งปี ?”

อาจารย์ซูยังคงดุด่าพวกเขาต่อไปจนหนำใจ หลังจากเห็นท่าทางของทุกคนแล้วเขาค่อยเดินกลับด้วยความโมโห

ในท้ายที่สุดหวังฮ่าวเฟยก็มองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยความเกลียดชังพร้อมกับกัดฟันพูดว่า

“ลู่เป่ยซินเป็นของข้า เจ้าอย่าคิดว่าจะแย่งนางไปได้!” หลังจากนั้นหวังฮ่าวเฟยและคนของเขาก็หันหลังเดินกลับไปอย่างรวดเร็ว

พูดตรงๆหวังฮ่าวเฟยคนนี้เป็นคนมีเสน่ห์จริงๆ ด้วยรูปร่างที่สูงโปร่งและหน้าตาที่หล่อเหลาของเขาเขาสามารถดึงดูดสาวๆ ให้หลงเสน่ห์ได้อย่างง่ายดาย

ทันทีที่คนเหล่านี้จากไปสายตาของสือต้าเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เปล่งประกายสดใส มือข้างขวาของเขาคว้ามาทีไหล่ของเอี้ยนลี่เฉียงพร้อมกับถามอย่างร้อนรน

“เจ้าผ่านวิชาทวนขั้นพื้นฐานไปตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมถึงไม่บอกข้า แล้วเกิดอะไรขึ้นกับลู่เป่ยซิน อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าหมั้นหมายกันแล้ว?”

“ เจ้าอย่าได้ถามเลยบางสิ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป!” เอี้ยนลี่เฉียงส่ายหัวและหายใจเข้าลึกๆ

“ ไปกันเถอะ! เราควรกลับไปที่บ้านก่อน….”