ตอนที่ 22-2 มีบุตรยาก
ท่านอาหลี่มีหยินเหนียงที่งดงามชื่อว่า โม่หยินเหนียง ซึ่งมาจากหอนางโลม
หญิงผู้นี้อายุสี่สิบกว่าปีแล้ว แต่นางดูแลผิวพรรณของตนเองเป็นอย่างดี
ดังนั้นจึงดูเหมือนเด็กสาวที่มีอายุเพียงแค่เพียงสิบแปดปีเท่านั้น มันค่อนข้างมิน่าเชื่อ
ความจริงที่ว่าท่านอาหลี่หลงใหลหยินเหนียงผู้นี้อย่างบ้าคลั่ง ได้ถูกส่งต่อมาโดยผู้ที่มาจากเมืองผิงเฉิง
น้ำหอมดอกจัสมินเป็นอีกหนึ่งวิธี ที่โม่หยินเหนียงใช้ในการดูแลผิวพรรณของนาง
สิ่งที่เลวร้ายเกี่ยวกับน้ำหอมดอก
จัสมินคือ หากใช้มันเป็นเวลานานจะทำให้ผู้นั้นมีบุตรยาก
สิ่งที่มิดีประการที่สองคือ มันจะหยุดกระบวนการรักษาตามธรรมชาติของบาดแผล หากเป็นแผลสดจะมิสามารถตกสะเก็ดได้ แต่จะเน่าแทน
สตรีผู้สูงศักดิ์จึงมิที่จะกล้าแตะต้องสิ่งชั่วร้ายนี้ แต่มักจะถูกใช้โดยหญิงสาวที่มาจากหอนางโลม เพื่อดึงดูดบรรดาชายหนุ่มทั้งหลาย
หลี่เว่ยหยางรู้เรื่องนี้ดี แต่แสร้งทำเป็นมิรู้
“ซื่อหยินเหนียง ท่านเป็นอันใดไปหรือ?”
ซื่อหยินเหนียงกำมือของตนเองเอาไว้เเน่น ซึ่งขณะนี้มันซ่อนอยู่ภายในเสื้อแขนยาว
นางมิสามารถระงับตนเองจากความโกรธแค้นได้ ในขณะที่เล็บนั้นจิกเข้าไปในฝ่ามือของนาง
กลิ่นหอมในห้องนี้น่าจะมาจากครีม
หยูหรง ที่ฮูหยินใหญ่มอบให้
นางกล่าวว่า เนื้อครีมจะช่วยรักษาบาดแผลของฉางซี ผู้ใดจะรู้ว่า มันเป็นสิ่งที่เลวร้ายและสกปรกที่สุด
หลี่เว่ยหยางจ้องมองไปยังบริเวณผ้าม่าน เมื่อมองผ่านผ้าม่านนั้นไปจะเห็นใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวผู้หนึ่ง
คางของหญิงผู้นั้นเรียวเล็กน้อยและมีแผลเป็นที่น่ากลัวบนแก้มของนาง และพบว่ามีสีหน้าประหลาดใจเกิดขึ้นบนใบหน้านั้น
หญิงสาวผู้ที่อยู่หลังผ้าม่านรู้ได้ทันทีว่า มีคนเห็นนาง จึงรีบหันกลับและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อนางหันกลับไป ชายเสื้อคลุมสีแดงก็ได้กระพือปีกไสว ม่านทับทิมเหล่านั้นขาดและส่งเสียงดังราวกับฝนกำลังตกหนัก
เม็ดทับทิมเหล่านั้นร่วงหล่นลงบนพื้น และแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ จากนั้นเม็ดทับทิมได้กลิ้งไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
หลี่เว่ยหยางมองดูขณะที่ทับทิมกลิ้งมาที่เท้าของตนเอง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น และจ้องไปยังใบหน้าที่ดุร้ายของซื่อหยินเหนียง
เว่ยหยางจึงลุกขึ้นยืน ขณะที่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวคำอำลา
เมื่อเดินออกมาจากตำหนักนั้น
จื่อหยานจึงรีบเอ่ยถามในทันทีว่า
“คุณหนูสาม เหตุใดจึงมีกลิ่นหอม
ของดอกจัสมินในห้องของคุณหนูห้า?
ทุกคนกล่าวว่า เป็นเพราะใช้สิ่งนี้เป็นเวลานานจึงส่งผลให้โม่หยินเหนียงมีบุตรยาก หรือบางทีอาจจะมิสามารถมีบุตรได้ คุณหนูห้ายังมิได้แต่งงาน…”
นางเกิดความสงสัย และอยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ ดูเหมือนกับว่านางจะตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง
นางจึงหยุดกล่าวในทันที และดูเหมือนกำลังเสียขวัญ อีกทั้งยังมีความหวาดกลัวเข้าครอบงำ
“มีบางสิ่งที่ทำได้เพียงแค่ดูเท่านั้น เจ้าควรแกล้งทำเป็นหูหนวกและเป็นใบ้เสียบ้าง เข้าใจหรือไม่?”
หลี่เว่ยหยางหยุดเดินและจ้องมองไปที่จื่อหยานด้วยสายตาที่จริงจัง
“บ่าวเข้าใจแล้ว”
จื่อหยานก้มศีรษะลง แต่นิ้วของนางยังคงสั่นเทาอยู่ ขณะที่ไป๋จื่อถอนหายใจกับตนเองอย่างแผ่วเบา
คฤหาสน์ตระกูลหลี่แห่งนี้ เมื่อเทียบกับบ้านตระกูลหลี่ในเมืองผิงเฉิงแล้ว ผู้คนที่นี่นับว่าน่าหวาดกลัวกว่ามากนัก
หลี่เว่ยหยางยกมุมปากขณะที่หันกลับไปมองที่ตำหนักซวงเย่วเกอ
เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ฮูหยินใหญ่ต้องการให้ซื่อหยินเหนียงและบุตรสาวของนางเกลียดชังเว่ยหยาง
ซึ่งเป็นเหตุผลว่า เหตุใดนางจึงตั้งใจส่งครีมที่มีกลิ่นหอมเช่นนี้ไปให้พวกนาง
ประการแรก ฮูหยินใหญ่มิต้องการให้บาดแผลของหลี่ฉางซีสามารถรักษาหายได้
และต่อจากนี้ไป หลี่ฉางซี และซื่อหยินเหนียงก็จะเกลียดชังเว่ยหยาง
ประการที่สอง นางต้องการให้หลี่ฉางซีใช้ชีวิตโดยมีแผลเป็นให้ผู้อื่นได้เห็น
เพื่อให้ทุกคนรู้ว่า คุณหนูห้าได้รับอันตราย ซึ่งมีหลี่เว่ยหยางเป็นต้นเหตุ
ประการที่สาม แม้ว่าหลี่ฉางซีจะสามารถแต่งงาน และมีชีวิตสมรสที่ดีได้ ในฐานะบุตรสาวของท่านอำมาตย์หลี่
แต่นางก็ยังคงเป็นเพียงบุตรสาวของหยินเหนียงที่มีใบหน้าพังพินาศ และมิสามารถให้กำเนิดบุตรได้
ด้วยวิธีนี้ นางจึงต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของฮูหยินใหญ่ทุกอย่าง
มันเป็นลูกศรดอกเดียวที่สามารถยิงนกได้ถึงสามตัว . .
ครั้งนี้หลี่ฉางซีอาจจะโง่เขลา แต่มารดาผู้ให้กำเนิดของนางมิได้เป็นเช่นนั้น
ในตอนแรกหลี่เว่ยหยางคิดว่า นางจะต้องกล่าวอีกหลายสิ่งหลายอย่าง เพื่อให้ซื่อหยินเหนียงมีความเข้าใจในเรื่องนี้
แต่โชคดีที่ครีมดอกจัสมินของฮูหยินใหญ่ช่วยนางได้
ฮูหยินใหญ่ต้องการที่จะยืนอยู่นอกสนามสู้รบ เพื่อดูการต่อสู้ในครั้งนี้
แต่มิรู้ตัวเลยว่า ในตอนนี้นางได้นำไฟมาเผาบ้านของตนเองแล้ว
หลี่เว่ยหยางเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ ขณะที่แสงแดดจ้าส่องลงมาที่ขนตายาวงอนของนาง. . .