ตอนที่ 22-1 ดอกจัสมิน
เมื่อเข้ามาด้านในของตำหนักที่
หลี่ฉางซีพักอาศัยอยู่ ได้มีกลิ่นหอมของพรรณไม้บางอย่างโชยมาเข้าจมูกของ
หลี่เว่ยหยาง
นางถึงกับผงะเล็กน้อย จากนั้นจึงหยุดอยู่ที่บริเวณทางเข้าประตู ขณะที่ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะเดินต่อไป
ในพื้นที่ส่วนกลาง ซื่อหยินเหนียงหัวเราะอย่างแผ่วเบา และยืนขึ้นเพื่อทำการต้อนรับแขก จากนั้นจึงนั่งลงบนเก้าอี้รับแขก
นางมิได้แสดงอาการใด ๆ ที่บ่งบอกถึงความโกรธแค้นที่กำลังท่วมท้นอยู่ภายในหัวใจ
ในขณะที่ใบหน้าของหลี่ฉางเซียวมีความกังวลที่มิอาจบรรยายได้
แต่นางมิได้กล่าวอันใด นอกจากยืนอยู่ด้านข้างมารดาอย่างสงบ
“ต้องขอโทษคุณหนูสามด้วย บังเอิญว่า คุณหนูห้าได้หลับไปแล้ว เมื่อครู่นี้เอง” ซื่อหยินเหนียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นางมีดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ที่คล้ายกับทะเลสาบในฤดูใบไม้ผลิ
และแม้ว่านางจะเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด แต่ต่อหน้าผู้อื่น นางก็มิมีสิทธิ์เรียกคุณหนูด้วยชื่อเต็มของพวกเขา
หลับไปเมื่อครู่? หลี่เว่ยหยางยิ้มเล็กน้อย
“มิเป็นไร ข้าเพียงแวะมาเยี่ยมเยียนน้องห้าเท่านั้น”
เว่ยหยางกวาดสายตามองไปยัง
ซื่อหยินเหนียงเล็กน้อย
หยินเหนียงผู้นี้อยู่ในชุดผ้าไหมสีน้ำผึ้ง บริเวณชายของชุดนั้นปักด้วยรูปดอกบัวคู่
นางดูมิเหมือนหญิงที่ผ่านการมีบุตรสาวมาแล้วถึงสองคน มิน่าแปลกใจที่หลี่เสี่ยวหรันยังคงให้ความสำคัญกับนางอยู่
ในเวลาเดียวกันนั้น สาวใช้ผู้หนึ่งได้แอบเข้าไปที่ห้องนอนของหลี่ฉางซี เพื่อเเจ้งว่าหลี่เว่ยหยางมาเยี่ยมนางที่นี่
หลี่ฉางซีจึงลุกขึ้นยืนในทันที และคว้าแจกันดอกไม้สีชมพูซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ และเขวี้ยงมันไปที่ประตู
“กลับไป! บอกให้นางกลับไปเดี๋ยวนี้!”
ฉางซีระเบิดความเกลียดชังออกมาพร้อมกับน้ำเสียงที่รุนแรงนั้น
แจกันดอกไม้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที ขณะที่น้ำซึ่งอยู่ด้านในสาดลงบนพื้นจนเปียกชุ่ม
เสียงขุ่นเคืองดังทะลุม่านหลายชั้นและผ่านมาเข้าหูของทุกคน
การแสดงออกของซื่อหยินเหนียงเปลี่ยนเป็นความลำบากใจในทันที
หลี่ฉางเซียวใจหายวูบ และรู้ตัวได้อย่างรวดเร็วว่า พวกนางเสียมารยาทต่อคุณหนูสาม
จึงนั่งลงอย่างช้า ๆ แต่มิสามารถซ่อนความกังวลบนใบหน้าของนางได้
จากนั้นซื่อหยินเหนียงได้เหลือบมองไปยังหลี่เว่ยหยางโดยสัญชาตญาณ
และสังเกตเห็นดวงตาของอีกฝ่ายที่ใสและส่องแสงเหมือนระลอกน้ำกำลังจ้องมองกลับมาที่ตนเอง
ทำให้ซื่อหยินเหนียงถึงกับสะดุ้งสุดตัว
เมื่อนางฟื้นคืนมาสู่ความสงบได้ จึงเห็นว่า การจ้องมองของหลี่เว่ยหยางยังมีรอยยิ้มแฝงอยู่ มิมีอันใดที่ผิดปกติเลยแม้แต่น้อย
ซื่อหยินเหนียงจึงสรุปว่า เด็กสาวอายุสิบสามที่อยู่ตรงหน้านี้ มิใช้ผู้ที่ใสซื่อ ดังเช่นภาพที่ปรากฏให้เห็น
และผู้ใดก็ตามที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ คงจะต้องมีความรู้สึกอับอาย
แต่หลี่เว่ยหยางทำท่าเหมือนกับมิได้ยินคำกล่าวซึ่งน่ากลัวเหล่านั้น ที่ไล่ให้นางกลับไป
และทำราวกับว่า นางมิได้ยินเสียงของแจกันที่ตกแตก
ซื่อหยินเหนียงเพียงแค่คิดอยู่ในใจว่า
อาจจะมีผู้ที่โง่เขลาเกินกว่าที่จะเข้าใจในสิ่งเหล่านี้
หรืออีกประการหนึ่งก็คือ เป็นผู้ที่มีเลห์เหลี่ยม และรู้ทันผู้อื่น
ซึ่งซื่อหยินเหนียงคิดว่า น่าจะเป็นประการหลังเสียมากกว่า
แต่บุตรสาวของหยินเหนียง ผู้ซึ่งเติบโตมาในหมู่บ้านแถบชนบทเช่นนาง จะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?
รอยยิ้ม และท่าทีของหลี่เว่ยหยางมิได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
“ซื่อหยินเหนียง ก่อนจะเข้ามาข้าได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคยจากท่าน ท่านใช้น้ำหอมกลิ่นดอกจัสมินหรือ?”
กลิ่นดอกจัสมิน?
ซื่อหยินเหนียงมีความรู้สึกงุนงง เพราะนางมิเคยรู้จักน้ำหอมประเภทนี้มาก่อน
หลี่ฉางเซียวจึงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ว่า
“มันคืออันใดหรือ?”
“แม้ว่าเมืองผิงเฉิงอาจจะมิเฟื่องฟูเท่าเมืองหลวง แต่ก็มีสิ่งแปลกใหม่และน่าสนใจมากมาย
ตัวอย่างเช่น น้ำหอมกลิ่นดอกจัสมินนี้
การใช้น้ำหอมประเภทนี้เป็นเวลานาน กล่าวกันว่าจะช่วยฟื้นฟูผิวของหญิงสาวให้คงความอ่อนเยาว์เอาไว้”
ซื่อหยินเหนียงขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
นางมิคุ้นเคย และมิเคยใช้น้ำหอมประเภทนี้มาก่อน หลี่เว่ยหยางหมายความว่าอย่างไรกัน?
หลี่เว่ยหยางกล่าวต่อไปว่า
“น้ำหอมกลิ่นจัสมินอาจจะใช้ดี แต่มิเหมาะกับทุกคนเสมอไป
เนื่องจากในส่วนผสมของมันมีส่วนผสมเฉพาะที่เรียกว่า เทียนจือ
หากผู้ใช้มีบาดแผลหรือรอยแผลเป็นบนผิวหนังจะมิสามารถรักษาให้หาย และมิอาจตกสะเก็ดได้
จึงทำให้แผลนั้นอาจจะลุกลามและเน่าในที่สุด
โชคดีที่ซื่อหยินเหนียงมิได้มีบาดแผลใช่หรือไม่?”
เมื่อฟังคำอธิบายนั้นแล้ว ใบหน้าของซื่อหยินเหนียงก็ได้เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดในทันที
ดวงตาของหลี่ฉางเซียวเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“พี่สาม สิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริงหรือ?”
หลี่เว่ยหยางพยักหน้า
“แน่นอนว่ามันคือความจริง ดอกจัสมินมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
ข้าจำได้แม่น เพราะข้าเคยได้กลิ่นน้ำหอมนี้มาก่อน ในตอนที่โม่หยินเหนียงใช้มัน
นางเป็นหยินเหนียงผู้ที่ท่านอาโปรดปรามากที่สุด
ข้าอยากรู้อยากเห็นจึงเอ่ยถามนางเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ท่านอาหลี่ผู้นี้เป็นน้องชายของ
หลี่เสี่ยวหลัน
และเขาเป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลหลี่ในเมืองผิงเฉิงที่หลี่เว่ยหยางเคยพักอาศัยอยู่ชั่วคราวในตอนนั้น
เขามีหยินเหนียงที่งดงาม มีชื่อว่า
โม่หยินเหนียง ซึ่งมาจากหอนางโลม
หญิงผู้นี้อายุสี่สิบกว่าปีแล้ว แต่นางดูแลผิวพรรณของตนเองเป็นอย่างดี