ตอนที่ 21-2 ไปหาเสือกัน

“แม้ว่าวันนี้ท่านพ่อของเจ้าจะมิได้กล่าวอันใดออกมา แต่เขาต้องมีความสงสัยในตัวข้าอยู่แล้ว

หากลงมือทำอันใดในตอนนี้ จะเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้อื่นใช้จุดอ่อนของข้าให้เกิดประโยชน์

มันจะเป็นการสูญเสียมากกว่าจะเกิดผลดี ดังนั้นจะเป็นการดีกว่า หากปล่อยให้ผู้อื่นทำสิ่งนี้แทนเรา”

ตามปกติแล้วบุตรสาวผู้นี้เป็นผู้ที่เข้าใจมารดาของตนเองได้ดีที่สุดอยู่แล้ว

หลี่จางเล่อจึงสามารถเดาเจตนาของฮูหยินใหญ่ได้อย่างชัดเจน

นางจึงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มว่า

“ซื่อหยินเหนียงค่อนข้างร้ายกาจพอสมควร นางคงจะมีแผนบางอย่างอยู่ในใจ”

ปกติแล้ว ซื่อหยินเหนียงคงจะมิทำ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ . .ฮูหยินใหญ่ยิ้มอย่างเจ้าเลห์

คุณหนูห้าประสบเหตุการณ์ในครั้งนี้ ซึ่งผู้ที่มีความรู้สึกเป็นกังวลมากที่สุดก็คือ คุณหนูใหญ่

ในทุก ๆ วันนางจะมาเยี่ยมน้องสาว มิเพียงเท่านั้น ยังเตรียมอาหารมาด้วยทุกครั้ง

คุณหนูใหญ่ยังนำเอารังนกที่ฮูหยินใหญ่มอบให้ ส่งให้ห้องครัวจัดเตรียมเป็นพิเศษให้กับหลี่ฉางซี

พวกเขาทุกคนต่างก็รู้สึกว่า คุณหนูใหญ่มีความเห็นอกเห็นใจ และมีจิตใจที่งดงามมาก

ในช่วงเวลานี้มิมีอะไรเกิดขึ้นกับหลี่เว่ยหยาง นางทำเพียงแค่นอนและกินอาหารตามปกติอยู่เป็นเวลานานพอสมควร

และมิได้มีความรู้สึกกังวลว่า ฮูหยินใหญ่ หรือ ซื่อหยินเหนียงจะมารบ

กวนนาง

เพราะมีความเข้าใจในนิสัยของหลี่เสี่ยวหรันดี

หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป ท่านอำมาตย์หลี่คงจะรู้ว่า มีผู้ใดบางคนในบ้านตระกูลหลี่ ที่มีเจตนาร้ายแอบแฝง

บ้านตระกูลหลี่มีความสามัคคีและมีลำดับชั้นที่เข้มงวดมาก

แต่ตอนนี้ชีวิตของผู้ใดบางคนกำลังถูกคุกคาม

หากเขายังคงแสร้งทำเป็นผู้ที่ตาบอดหูหนวก ชื่อเสียง ความนับถือและหน้าที่การงานของเขาจะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

ทุกคนในบ้านตระกูลหลี่ จะมิสามารถหลบเลี่ยงชะตากรรมนี้ได้เช่นกัน

ในตอนนี้เมื่อได้เห็นว่า บ้านตระกูลหลี่มีความสงบ และปรองดองกันดี และแม้ว่าคนเหล่านั้นจะมิได้มาสร้างเรื่องกวนใจให้

แต่หากจะอยู่นิ่งโดยมิได้ทำอันใดเลย ก็คงจะผิดวิสัยของเว่ยหยางคนใหม่

ครึ่งเดือนต่อมา เป็นครั้งแรกที่นางไปตำหนักที่ฉางซีอาศัยอยู่ เพื่อดูอาการของน้องห้าผู้หยิ่งผยอง

นางจึงได้พบกับหลี่จางเล่อ ผู้ซึ่งกำลังเดินออกมาจากห้องโดยบังเอิญ

ภายใต้แสงแดดจ้า ใบหน้าของนางแจ่มใส และมีประกายบางอย่าง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้นางดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

วันนี้นางสวมเสื้อคลุมผ้าไหมลายดอกไม้ เมื่อมองผิวเผินก็จะเห็นชุดเดรสยาวปักด้วยลายดอกโบตั๋น

หลี่เว่ยหยางกระพริบตาหลายครั้ง จากนั้นได้มีรอยยิ้มยิ้มแย้มแจ่มใสบนริมฝีปากของนาง

“พี่ใหญ่”

หลี่จางเล่อยิ้มอย่างอ่อนหวาน และพยักหน้าให้น้องสามของนาง

มิมีการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของพี่ใหญ่ผู้นี้เลย ในขณะที่นางกล่าวออกมาว่า

“น้องสาม เจ้ามาเยี่ยมน้องห้าหรือ?

หลี่เว่ยหยางพยักหน้า

“พี่ใหญ่ดูมีความสุขมาก มีข่าวดีอันใดหรือไม่?”

หลี่จางเล่อกระพริบตาช้า ๆ อย่างงดงาม ซึ่งมีนัยยะของความสนุกสนานซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น

“ใกล้จะสิ้นปีแล้ว พี่ชายใหญ่จะกลับมาเร็ว ๆ นี้ เจ้ายังมิทราบเรื่องนี้หรือ?”

เมื่อนางกล่าวจบลง สาวใช้ผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างได้เอ่ยขึ้นเพื่อเตือนว่า

ฮูหยินใหญ่กำลังรอพวกนางอยู่อย่างใจจดใจจ่อ หลี่จางเล่อจึงยิ้มแล้วเดินจากไป

หลี่เว่ยหยางเฝ้ามองร่างที่กำลังถอยห่างนั้น และครุ่นคิด

ขณะที่จื่อหยานซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของนางถอนหายใจออกมาเบา ๆ และกล่าวว่า

“คุณหนูใหญ่มีความงดงามมาก”

ในขณะเดียวกันไป๋จื่อได้เอ่ยถามขึ้นว่า

“คุณชายใหญ่กำลังจะกลับมาในมิช้านี้หรือ?”

จุดสนใจของสาวใช้ทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หลี่เว่ยหยางเหลือบมองไป๋จื่อชั่วอึดใจหนึ่ง

จึงได้เห็นความประทับใจบางอย่างเกิดขึ้นบนริมฝีปากของนาง มีรอยยิ้มอ่อนหวานบ่งบอกถึงความสุขบางอย่าง

ใช่แล้ว บุตรชายคนโตของตระกูลหลี่ เขาเป็นบุตรชายของฮูหยินใหญ่ มีชื่อว่า หลี่หมินเฟิง

เขากำลังจะกลับมา เว่ยหยางจำได้ว่าในชาติที่แล้ว เขาเป็นเพื่อนสนิทของทัวเป่าเจิ้น และเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ และมีความจงรักภักดีเป็นอย่างมาก

นางจำความสับสนวุ่นวายในชีวิตก่อนหน้านั้นได้

จำได้ว่า ตอนที่นางคุกเข่าอ้อนวอนเขา แต่เขาได้กระแทกประตูใส่หน้านาง และปฏิเสธที่จะพบนาง

เขาได้กล่าวประโยคเดียวที่ลึกซึ้งกินใจต่อเว่ยหยาง:

“เป็นเพียงเเค่บุตรสาวของหยินเหนียงที่มิมีความสำคัญอันใด เจ้ากำลังประเมินค่าของตนเองสูงเกินไปหรือไม่!”

ประเมินค่าของตนเองสูงเกินไป หลี่เว่ยหยางเงยศีรษะขึ้น และมองไปยังแสงแดดจ้า

ทันใดนั้น นางได้หันกลับมา และเดินมุ่งหน้าไปยังห้องพักของฉางซีทันที

ไป๋จื่อกล่าวขึ้นในทันทีว่า

“คุณหนู! คุณหนูห้านาง…”

หลี่ฉางซีกำลังเหลือกตา และกรีดร้องอย่างสุดเสียง

หลี่เว่ยหยางมิได้หันกลับมา ทำเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย

“เมื่อรู้ว่ามีเสืออยู่บนภูเขา นั่นคือเหตุผลที่เราต้องไป ไปกันเถิด ข้ามีบางอย่างที่ต้องทำ”