บทที่ 151 เยือนจักรวรรดิ 1 (2)

เคานต์เดอรัชวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะและเอ่ยต่อ

“พาพวกเขามาพักที่คฤหาสน์ของเราแล้วกัน…พ่ออนุญาตให้พวกเขาพักที่นี่ได้”

คาร์ลเงยหน้ามองเคานต์เดอรัชอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี เคานต์เดอรัชจึงพูดอีกครั้งหลังจากเห็นท่าทีของบุตรชายตน

“ลูกไม่ต้องกังวลไป..อาณาเขตของเรามีเหมืองหินมากมายและยังสามารถพัฒนางานศิลปะได้อีกเป็นจำนวนมาก…เราไม่จำเป็นต้องกังวลกับพวกต่างชาติต่างอาณาจักรเลยสักนิด..ปราสาทหลายๆแห่งของเราก็ถูกขยับขยายให้ใหญ่โตขึ้น..กำแพงเมืองก็ถูกปรับปรุงให้แข็งแรงมากกว่าเดิม..ส่วนเรื่องเงินยิ่งไม่ต้องเป็นห่วง..พ่อสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ตามที่เจ้าต้องการ”

“ท่านพ่อ”

คาร์ลเอ่ยขัดอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นเคานต์เดอรัชตั้งท่าจะพูดต่อก่อนจะรีบพูดอย่างรวดเร็ว

“พวกเขาคือเผ่าเสือขอรับ”

“หืม?”

“พวกเขาเป็นสัตว์อสูรจากเผ่าเสือขอรับ”

เคานต์เดอรัชมองคาร์ลด้วยความสับสนที่จู่ๆก็พูดเรื่องเผ่าเสือขึ้นมา

“ท่านพ่อ..กลุ่มคนที่ลูกพามาเป็นคนจากเผ่าเสือขอรับ”

คาร์ลเลือกที่จะพูดความจริงโดยไม่คิดปิดบังกับเคานต์เดอรัชอีกต่อไป

“พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งจนยากที่จะหาใครมาเทียบได้..พวกเขาจะกลายเป็นด่านหน้าชั้นดีหากเราต้องเตรียมรับมือกับสงคราม..ลูกจึงคิดที่จะให้พวกเขาไปพักอยู่ที่นั่นในเมื่อพวกเขาก็ไม่มีบ้านอยู่กันแล้ว”

เคานต์เดอรัชเริ่มพูดหลังจากเงียบไปนาน

“เจ้าทำได้ดีมาก”

“ขอบคุณขอรับ”

คาร์ลยิ้มรับคำชมอย่างยินดี

“ท่านพ่อ..การฟื้นฟูหมู่บ้านแฮร์ริสก็เสร็จเรียบร้อยแล้วและยังไม่มีใครเข้าไปอาศัยอยู่ที่นั่น”

‘เผ่าเสือก็ต้องการอาศัยอยู่ในป่าแห่งความมืดที่อยู่ใกล้ๆนั้นเช่นกัน’

“ลูกคิดว่า..มันคงจะดีถ้าเราให้ที่นั่นเป็นบ้านใหม่แก่พวกเขา”

“อ่า..เจ้าพูดถูก!..ลูกพูดถูก!..ลูกพูดถูกจริงๆ!”

เคานต์เดอรัชพยักหน้ารับพร้อมกับพึมพำเบาๆ ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มหลากหลายรูปแบบ ราอนที่เฝ้าดูการพูดคุยของสองพ่อลูกอยู่นานสองนานในขณะที่ใช้เวทย์ล่องหนอำพรางกายเริ่มตะโกนเข้ามาในหัวของคาร์ล

~ มนุษย์!..ท่านเคานต์กำลังยิ้มเหมือนที่เจ้ายิ้มเลย!..มันเป็นยิ้มเหมือนตอนที่เจ้ากำลังจะหลอกคนอื่น!..ว้าว..มันเยี่ยมมาก!..มันดูคล้ายกันจริงๆ~

คาร์ลไม่สนใจในสิ่งที่ราอนพูด เขาปล่อยให้เสียงของราอนเป็นราวกับเสียงดนตรีบรรเลงเท่านั้น ท่านเคานต์เดอรัชสั่งให้บุตรชายดำเนินการเรื่องนี้ได้ในทันที

“พ่อจะปล่อยให้เจ้าเป็นคนจัดการเรื่องนี้”

“ขอรับ”

คาร์ลคุยต่ออีกครู่ใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นยืน เคานต์เดอรัชพูดทิ้งท้ายเมื่อคาร์ลกำลังมุ่งหน้าไปที่ประตู

“แม้ว่าเจ้าจะยุ่งขนาดไหนก็ปลีกตัวไปหาแม่และน้องๆของเจ้าด้วยล่ะ..พวกเขาอยากพบเจ้ากันทั้งนั้น”

“ลูกเข้าใจแล้ว”

“ดีมาก”

เมื่อรับปากเสร็จคาร์ลก็รีบออกจากห้องทำงานของเคานต์เดอรัชทันที คิมร็อกโซที่จู่ๆก็ต้องกลายเป็นคาร์ลดังเช่นตอนนี้ เขาแทบไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับพวกเขาเลยสักนิดการที่ได้มาสนทนาพูดคุยกันประสาคนในครอบครัวทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจอยู่เสมอ

อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลามานั่งอึดอัดใจอีกต่อไปเมื่อมีสิ่งที่ต้องจัดการอีกหลายอย่าง

คาร์ลเดินทางไปเยี่ยมร้านน้ำชาในตัวเมืองเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

<ร้านกลิ่นชากับบทกวี>

มันเป็นร้านน้ำชาที่ดำเนินกิจการโดย‘บิลอส’บุตรชายนอกสมรสของสมาคมการค้าฟลินน์ กลุ่มคนงานในร้านซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่คาร์ลเคยเจอเมื่อครั้งก่อนออกเดินทางไปยังเมืองหลวงพากันส่งเสียงทักทายเขาขึ้นมา

และในวันนี้เจ้าของร้านก็ได้กลับมาเยือนร้านตัวเองอีกครั้ง

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

“นายน้อยคาร์ล..สบายดีหรือขอรับ?”

ใบหน้าอวบอูมราวกับกระปุกออมสินรูปหมูของบิลอสส่งยิ้มให้คาร์ลอย่างมีความสุข ตอนนี้เขาสามารถสร้างกำไรได้มหาศาลจากอุปกรณ์เวทย์ที่คาร์ลมอบให้เช่นเดียวกับผลกำไรที่เขาได้จากสงครามกลางเมืองในอาณาจักรวิปเปอร์ เขากำลังเพิ่มอิทธิพลของตนเองให้เหนือกว่าสมาคมการค้าฟลินน์

“ข้าสบายดี..การที่ข้าติดต่อเจ้าไป..ข้าไม่ได้หวังให้เจ้ารีบกลับมาเร็วเช่นนี้หรอกนะ”

“พอดีกระผมอยู่ใกล้ๆ..จึงสามารถมาที่นี่ได้ในทันทีที่ท่านติดต่อไป”

บิลอสตอบคาร์ลอย่างซื่อสัตย์ เป็นเพราะคาร์ลไม่ชอบรอและไม่ชอบคนไม่รักษาเวลาทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรีบมาให้ไวเท่านั้น

สัญชาตญาณในฐานะพ่อค้ากำลังร้องเตือนเขา มันบอกว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นเสมอเมื่อคาร์ลเรียกพบเขา เขาจึงรีบเดินทางมาที่นี่อย่างรวดเร็วเพราะอยากรู้ว่าวันนี้จะมีเรื่องดีๆอะไรเกิดขึ้น

คาร์ลเริ่มพูด

“ไปเยือนจักรวรรดิกันเถอะ”

“…จักรวรรดิงั้นหรือขอรับ?”

บิลอสไม่ได้ตกใจเพราะเตรียมตัวมาเผชิญหน้ากับสิ่งที่คาร์ลจะพูดอย่างเต็มที่แล้ว ก่อนที่เสียงของคาร์ลจะลอดผ่านเข้ามาในหูของเขาต่อทันที

“ใช่..ว่าแต่เจ้ารู้จักนักเล่นแร่แปรธาตุบ้างหรือไม่?”

“..อะไรนะ?”

ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!

คาร์ลเคาะนิ้วลงบนโต๊ะในขณะที่พูดต่อ น้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยความครุ่นคิดบางอย่าง

“ข้ามั่นใจว่าต้องมีนักเล่นแร่แปรธาตุบางส่วนที่ถูกจักรวรรดิขับไล่ออกจากหอระฆังเพราะพวกเขาไม่ยินยอมที่จะทำตามคำสั่งของพวกมัน..เหมือนดังที่อาณาจักรวิปเปอร์เคยเป็นมา”

แบบเดียวกับที่อาณาจักรวิปเปอร์เป็น

ในช่วงที่หอคอยพลังเวทย์เป็นใหญ่ครองแผ่นดิน มีนักเวทย์ที่เลือกออกจากหอคอยพลังเวทย์หลังจากเห็นการทดลองอันโหดร้ายและกดขี่ข่มเหงผู้คน รวมทั้งเหล่านักเวทย์ที่ถูกไล่ออกเพราะเรียกร้องให้พวกเขาเปลี่ยนวิธีการ

ถึงแม้หอระฆังซึ่งใช้เป็นที่ทำการทดลองการเล่นแร่แปรธาตุจะไม่ได้มีชื่อเสียงในด้านความรุนแรงเช่นเดียวกับที่หอคอยพลังเวทย์เป็นแต่พวกเขาก็ได้ทำการทดลองที่โหดร้ายจริงๆเช่นกัน มันย่อมมีกลุ่มนักเล่นแร่แปรธาตุบางส่วนไม่สามารถทนเห็นการทดลองอันโหดร้ายและเลือกออกจากหอระฆังนั้นมา

คาร์ลจ้องไปที่บิลอสที่ค่อยๆเปิดปากพูด

“แม้ว่ากระผมจะไม่รู้จักพวกเขา..แต่จะหาคนที่สามารถติดต่อพวกเขาให้ได้ขอรับ”

“ดี!..นั่นเป็นคำตอบที่ข้าอยากได้ยิน”

ทุกอย่างจะเป็นเรื่องง่ายโดยทันทีเมื่อพูดคุยกับบิลอส ในขณะที่บิลอสเอ่ยปากถามคาร์ลด้วยความระมัดระวัง

“แล้วนายน้อยจะทำอย่างไรกับเขาหรือขอรับ?.หากกระผมสามารถหาตัวมาให้ได้”

“ก็ใช้ให้ทำงานนะสิ”

“…อะไรนะขอรับ?”

คาร์ลเลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำถามของบิลอสเมื่อเลือกที่จะพูดในสิ่งที่ตนต้องการเท่านั้น

“เจ้ารู้แหล่งซื้อขายส่วนผสมของการทดลองเล่นแร่แปรธาตุหรือไม่?”

“..ที่จักรวรรดิมีอยู่เยอะเลยขอรับ”

“ดี..หลังจากนี้เจ้าก็ไปจัดการซื้อส่วนผสมที่ข้าต้องการมาให้แล้วกัน”

“อ่า..ได้..ได้ขอรับ”

ราอนตะโกนเข้ามาในหัวของคาร์ล

~ มนุษย์!..เรากำลังจะสร้างเสาเพลิงขึ้นมาใช่มั้ย?~

แน่นอนว่ามังกรวัยชราที่มีอายุเกือบพันปีย่อมมีความรู้เกี่ยวกับศาสตร์การเล่นแร่แปรธาตุหลากหลายรูปแบบ เขายังจำได้ดีเมื่อครั้งที่อูฮาเบ็นจ้องมองของเหลวที่เป็นสารตั้งต้นของการทำเสาเพลิงและพูดขึ้น

‘อื้มมม…มนุษย์ทำไมถึงชอบทำเรื่องสนุกๆแบบนี้กันนะ!’

ขณะนี้อูฮาเบ็นกำลังค้นคว้าข้อมูลในถ้ำส่วนตัวของเขาหลังจากเจอสิ่งที่ตัวเองสนใจอีกอย่างหนึ่ง คาร์ลวางแผนที่จะจัดหาทุกๆอย่างมาให้ตามที่อูฮาเบ็นต้องการเมื่อครั้งที่ไปเยือนจักรวรรดิ

~ มนุษย์!..ฟังดูสนุกดีนี่!~

ในเมื่อจักรวรรดิสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ พวกเขาก็สามารถทำได้เช่นกัน