ลู่เว่ย ไม่คิดเลยว่า ลู่เฟิง จะวางแผนทำลายสะพานเหล็กเพื่อไม่เปิดโอกาสให้เขามีทางถอยกลับ

กองทัพของเขาได้ถูกรั้งไว้ที่เมืองงูหยกทางตอนเหนือโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันเมือง ทหารม้า ไม่สามารถใช้งานได้ และ ทหารราบก็ไม่เพียงพอ

หมดหวัง!

สิ้นหวัง!

ในเวลานี้คำเหล่านี้เต็มอยู่ในหัวของลู่เว่ย เขาไม่คิดเลยว่าจะตกอยู่ในแผนการของศัตรูทั้งหมด สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้ คือปิดล้อมเมืองงูหยกทางตอนเหนือและยึดที่มั่นให้ได้เป็นระยะเวลานานที่สุด

แต่ทว่าหากกำลังเสริมจากทางด้านหลังมาไม่ถึงเขาจะไปทำอะไรได้

เขาจะรอดจากสถานการณ์ตอนนี้งั้นหรือ?

เนื่องจาก ลู่เฟิง ได้ทำลายสะพานเหล็กไป มันเป็นไปไม่ได้เลยที่กำลังเสริมของเขาจะมาช่วยเหลือ ในการต่อสู้ครั้งนี้เขาลังเลกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และ ประมาทมากเกินไป ผลแห่งความประมาทคือกองทัพของเขาจะถูกทำลายจนหมด

“ฝ่าบาท พวกเรายังไม่ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง ตอนนี้พวกเรามีทหารราบ 350,000 นาย ข้าเชื่อว่าเราจะสามารถปกป้องเมืองจนกำลังเสริมได้มาถึงพวกเขาจะต้องหาทางซ่อมสะพานเหล็กและส่งมอบอุปกรณ์ตอนนี้พวกเรายังไม่หมดโอกาส!”

“ใช่ ฝ่าบาทพวกเรายังมีโอกาส!”

“จริงด้วย ตอนนี้พวกเรามีทหารราบ 350,000 นาย และ ทหารม้า 100,000 นาย พวกเรายังไม่สิ้นหวัง หากอับจนหนทางจริง ๆ ข้าน้อยจะนำทหารม้าพาฝ่าบาทหนีไปให้จงได้!”

ภายใต้การแนะนำของ ฟ่านจุน แม่ทัพคนอื่น ๆ ก็ให้กำลังใจลู่เว่ย

พวกเขาคิดว่า ลู่เว่ย จะสิ้นหวัง และ ยอมแพ้กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้

“ฝ่าบาท แม้ว่าพวกเราจะตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง แต่ข้าจะอาสานำทัพม้าพุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างไม่เกรงกลัว!”

ลู่เว่ย ได้สูดลมหายใจเข้าลึกและยิ้มออกมา”พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ราชาคนนี้ไม่ได้อ่อนเเอขนาดนั้น!”

ฟ่านจุน ได้ถอนหายใจออกมา ในที่สุด ลู่เว่ย ก็ฟื้นคืนสติกลับมาได้

พวกเขากังวลว่า ลู่เว่ย จะสิ้นหวัง และ สิ่งนี้จะทำให้ทหารทั้งหมด ท้อแท้และหมดกำลังใจที่จะต่อสู้

“ฟ่านจุน!”

“ข้าน้อยอยู่นี่พะยะค่ะ!”

“เจ้าไปแจ้งต่อตระกูลผู บอกให้พวกเขาส่งมอบอุปกรณ์ป้องกันเมืองและปันส่วนพวกเรา พวกเราจะถอนกำลังเข้าไปยังเมืองงูหยก!”ลู่เว่ย ได้สั่งการทันที

“นี่…”

ฟ่านจุน รู้สึกลังเล และมองไปที่ ลู่เว่ย”ฝ่าบาท ข้าน้อยแนะนำให้พวกเราย้ายทหารราบ 200,000 นายเข้าไปยังเมืองงูหยก โดยทิ้งทหารม้าและทหารราบหนึ่งแสนไว้ในค่าย เท่านี้พวกเราก็จะสามารถเกื้อหนุนกำลังได้ถึงสองที่”

ลู่เว่ย ได้สั่นศีรษะ”ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าคิด แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีกำลังสนับสนุนใด ๆ รอบตัวเรา มีเพียงเมืองทางใต้เท่านั้น ดังนั้นเราจะต้องยึดเมืองทางเหนือเอาไว้ และ ป้องกันกองทัพของ เหลียนป๋อ ไว้ให้ได้นานที่สุด”

ฟ่านจุน ครุ่นคิดอยู่พักนึง เหลียนป๋อ เป็นคนที่ทรงพลังอย่างแท้จริง เขาไม่สามารถปฏิเสธได้”ข้าน้อยจะลงไปจัดการทันที!”

ลู่เว่ยพยักหน้าและมองไปที่แม่ทัพคนอื่น ๆ “พวกเจ้าเดินทางไปเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทหาร เราจะต้องไม่ปล่อยให้ทหารเหล่านี้สูญเสียขวัญกำลังใจ พวกเรายังมีโอกาส พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่?”

“ข้าน้อยเข้าใจแล้วพะยะค่ะ!”

หลังจากแม่ทัพเหล่านี้จากไป ลู่เว่ย ก็ครุ่นคิด และ หยิบปากกา และ กระดาษออกมา เขาได้เขียนจดหมายส่งไปให้ แม่ทัพของเขาที่อยู่ที่เมือง ฉิวซาน

หากเขาสามารถทำให้ กองทัพครึ่งล้านที่อยู่ในเมืองฉิวซานขึ้นเรือรบและล่องขึ้นจากแม่น้ำงูหยกทางใต้มาได้ พวกเขามีโอกาสที่จะชนะกองทัพของลู่เฟิง ด้วยวฺธนี้เขาจะสามารถร่วมมือกับกองทัพที่ติดตามและไปถึงสะพานเหล็กเพื่อซ่อมแซมได้ในระยะเวลาอันสั้น

ตราบเท่าที่ขั้นตอนนี้เสร็จสิ้น กองทัพของเขา จะสามารถชนะอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม บุคคลที่เขาส่งไปนั้น ได้ล่องเรือลำเล็กและถูกพบโดยจินยี่เหว่ย เจี๋ยสวี่ ได้จัดการและตัดศีรษะพร้อมกับยึดจดหมายเหล่านั้น

หลังจากที่ได้รับจดหมาย เจี๋ยสวี่ ก็ยิ้มเยาะออกมา”ดูเหมือนว่า ลู่เว่ย จะต้องการความช่วยเหลือจากเมืองฉิวซานโดยเร็ว!”

“ท่านอัครมหาเสนาบดี มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ?”แม่ทัพคนนี้ได้กล่าวถาม เจี๋ยสวี่

แม่ทัพคนนี้เป็นแม่ทัพของเมืองเร้ดเมเปิ้ล และ เป็น ลูกน้องคนสนิทของ เหลียนป๋อ ตอนนี้มาอยู่กับ เจี๋ยสวี่

“ลู่เว่ย ต้องการกำลังเสริม จากเมืองฉิวซาน เขาได้สั่งให้ทหารครึ่งล้าน เฝ้าระวังพวกเราอยู่ที่เมืองฉิวซาน ถ้าพวกเราบุกไปที่นั่น พวกเราจะต้องพบเจอกับปัญหาอย่างแน่นอน!”เจี๋ยสวี่ ได้หัวเราะออกมา

เมื่อ แม่ทัพคนนี้ได้ยินดังนั้นเขาก็โล่งใจ”ท่านอัครมหาเสนาบดี ความคิดเห็นของท่านคือไม่แนะนำให้พวกเราโจมตีเมืองฉิวซานหรือไม่?”

เจี๋ยสวี่ ยิ้มและกล่าวถาม”ตอนนี้กองทัพของพวกเราอยู่ที่ไหน?”

“ขึ้นฝั่งทางตอนใต้แล้ว ภายในหนึ่งชั่วโมงข้าน้อยคิดว่าน่าจะไปถึงเมืองงูหยกทางตอนใต้!”

เจี๋ยสวี่ ได้พยักหน้า นอกจากคน 10,000 คนบนเรือแล้ว เขายังเหลือกำลังเสริมอีก 40,000 คนเพื่อป้องกันลู่เว่ย มาซ่อมสะพาน ส่วนกองทัพที่เหลือได้ข้ามแม่น้ำงูหยกและไปที่เมืองงูหยกทางตอนใต้

ด้วยกองทัพที่เหลืออีกสองแสนห้าหมื่นนาย เจี๋ยสวี่ ได้นำทัพไปโจมตีเมืองงูหยกทางตอนใต้ หรืออีกนัยนึงก็คือ ป้องกันไม่ให้กำลังเสริมของราชาเมกาทรอนไปซ่อมสะพานเหล็ก

เขาต้องการเปิดโอกาสให้ ลู่เฟิง ได้มีโอกาสโจมตี เมือง ที่ ลู่เว่ย พำนักอยู่

ในฐานะข้าราชบริพารของลู่เฟิง นี่คือสิ่งที่ เจี๋ยสวี่ ต้องการทำมากที่สุด

ส่วนคนที่เหลืออีก 50,000 เขาได้จัดวางป้องกันทัพเอาไว้

“จินยี่เหว่ย!”

“ข้าน้อยอยู่นี่แล้วขอรับ!”

“ค้นหาทันทีว่ากองทัพติดตามของราชาเมกาทรอนอยู่ที่ไหน ข้าต้องการรู้ข่าวโดยเร็วที่สุด!”

“ขอรับ!”

หลังจากจัดแจงภารกิจเสร็จแล้ว เจี๋ยสวี่ ก็มุ่งหน้าไปที่เมืองงูหยกทางตอนใต้ทันที

เพยีงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เจี๋ยสวี่ ก็นำทัพไปถึงเมืองทางตอนใต้

กองกำลังป้องกัน ในหนานเฉิง นั้นมีเพียงแค่ 10,000 คนเท่านั้น พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีกองทัพขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้นและมันก็สายเกินไปที่จะป้องกัน เพียงในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กองทัพที่นำโดย เจี๋ยสวี่ ก็สามารถจัดการอีกฝ่ายได้สำเร็จ

หลังจากทำลายเมืองได้ เจี๋ยสวี่ ได้จัดทหารเฝ้าประตูเมืองพร้อมกับจัดทัพอพยพคนในเมือง

โชคดีที่คนเหล่านี้รู้เรื่องการก่อกบฏของราชาเมกาทรอนอยู่ก่อนแล้ว และ รู้ว่าสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่โกลาหล พวกเขาที่ไม่ได้ต่อต้านจึงได้ย้ายออกไปที่ชายฝั่งทางตอนเหนือ

“จักรพรรดิลู่เฟิง และ ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย คุณหนูคิดว่าฝ่ายไหนจะชนะงั้นหรือ?”

ในโรงแรมแห่งนึง หญิงสาวในชุดสาวใช้ได้กล่าวถาม หญิงสาวในชุดคลุมสีม่วงที่สวมใส่ผ้าคลุมหน้าจนมองเห็นหน้าไม่ชัด

ถึงแม้ว่า เธอจะเป็นสาวใช้ แต่รูปลักษณ์ของเธอก็จัดว่ายอดเยี่ยมมาก

พวกเธอเป็นนักธุรกิจที่เดินทางไปมาระหว่างอาณาจักรหนานหยานและอาณาจักรอื่น ๆ ในหยูโจว เนื่องเพราะ เมืองงูหยก สื่อสารกับเมืองทางตอนใต้และทางเหนือของอาณาจักรหนานหยาน พวกเธอจึงอยู่ที่นี่ แต่พวกเธอไม่คิดเลยว่า จะพบกับราชาเมกาทรอนที่ก่อการกบฏ

หญิงสาวในชุดคลุมสีม่วงได้ยิ้มอย่างแผ่วเบาและตอบกลับ”ข้าคิดว่าลู่เฟิงจะต้องชนะศึกในครั้งนี้!”

“ทำไมคุณหนูถึงคิดอย่างงั้นละคะ ราชาเมกาทรอน มีกองทัพมากกว่าสามล้านคน ตอนนี้แม้จะติดอยู่ในเมืองทางตอนเหนือ แต่กองทัพที่ติดตามมาก็มีไม่น้อยกว่าหลายแสนคน หากพวกเขาสามารถซ่อมสะพานเหล็กได้ ชัยชนะของ ลู่เฟิง ก็อาจจะหมดไป”สาวใช้ได้กล่าวถามด้วยความสับสน