บทที่ 137 การชักชวนของถังหลี่

“ช่างชูเป็นเด็กดี..”

“ท่านแม่!” หลู่ชิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น

นางหม่าหันไปมองบุตรสาวและโบกมือเบา ๆ ให้นางเงียบเสีย

หลู่ชิงทำได้แต่หุบปากของตนเองเท่านั้น

“พี่หม่า คิดเห็นเช่นไร? ข้าจะหาฤกษ์ที่ดีและให้แม่สื่อมาสู่ขอ?” นางตู้พูดขึ้นอีกครั้ง

ใบหน้าของหลู่ชิงบิดเบี้ยวมาก ส่วนมารดาของหญิงสาวไม่พูดอะไร

“จริง ๆ แล้วในช่วงนี้ มีผู้หญิงมาสารภาพความจริงใจกับช่างชูหลายคน หนึ่งในนั้นเป็นบุตรสาวของอาจารย์เขา แต่ช่างชูยังคิดถึงแต่หลู่ชิงเสมอมา” นางตู้กล่าว

“พี่ตู้ เรื่องนี้มันกระทันหันไป อย่างไรการแต่งงานก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ ขอข้าพูดคุยกับอาชิงก่อน อีกไม่กี่วันท่านค่อยมาเอาคำตอบก็แล้วกัน ดีหรือไม่?” นางหม่ากล่าว

นางตู้ไม่รู้สึกดีกับคำตอบของนางหม่า ในตอนนั้นนายท่านหลู่มาถึงหน้าประตูบ้านเพื่อทาบทามบุตรชายของนางให้ลูกสาว เขาพูดหว่านล้อมมากมายให้นางตกลง ตอนนี้นางมาถึงประตูบ้านแล้ว สองแม่ลูกยังมัวลังเลอะไรอีก?

เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เป็นไปตามที่นางคิด

แต่เมื่อนางตู้คิดถึงท่าทางของบุตรชาย นางจึงจำต้องอดทนไว้

“ถ้าอย่างนั้นข้ากลับก่อน” หลังจากที่พูดจบ นางตู้ก็หันหลังเดินจากไป

พอเห็นนางตู้ไปแล้วหลู่ชิงจึงได้มีท่าทีอ่อนลง

“ท่านแม่ เหตุใดท่านไม่ปฏิเสธไป จะมีอะไรให้คุยกันอีก!” นางโพล่งออกมาอย่างเหลืออด

“อาชิง จริง ๆ แล้ว พ่อหนุ่มช่างชูนั่นก็ไม่เลวนะ” นางหม่าเกลี้ยกล่อม

“ท่านแม่ เขามีอะไรดี.. ท่านลืมไปแล้วหรือ? สิ่งที่สองแม่ลูกทำกับเราในห้องไว้ทุกข์ของท่านพ่อ?” หลู่ชิงกล่าว

“อาชิง เรื่องนั้นแม่ก็โกรธ แต่มันเป็นอดีตไปแล้ว หากบิดาเจ้ายังอยู่ที่นี่ เขาคงจะอวยพรให้เจ้ามีชีวิตแต่งงานที่ดี หวางช่างชูผู้นี้มีอนาคตไกล เขาจะสอบเคอจวี่[1]ปีหน้า ต่อให้ไม่ได้ตำแหน่งจ้วงหยวน แต่ก็ถือได้ว่าเป็นบัณฑิตเพียงคนเดียวในเมืองเหยาสุ่ย พอถึงตอนนั้นสกุลหวางก็จะถือได้ว่าเป็นตระกูลขุนนาง เราก็ไม่คู่ควรกับเขาแล้ว”

สกุลหลู่นั้นล่มสลายแล้ว การแต่งงานจึงเป็นไปได้ยากกว่าเมื่อก่อน มีบุรุษหลายคนมาทาบทามสู่ขอหลู่ชิง แต่ไม่ใช่ตัวเลือกที่นางหม่าพอใจ นางยังไม่เห็นใครดีไปกว่า หวางช่างชู

“ท่านแม่อยากให้ข้าแต่งงานไปเป็นวัวเป็นม้าให้สกุลหวางหรือ?…นางวายร้ายตู้คงไม่ปล่อยให้ข้ามีชีวิตที่ดีแน่!” หลู่ชิงกล่าว

“อาชิงเจ้าไปเอาคำพูดไร้สาระนั่นมาจากที่ใดกัน!” นางหม่าถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หลู่ชิงขมวดคิ้วไม่ตอบมารดา นางไม่อยากจะบอกมารดาเลยว่านางตู้คือนางวายร้าย ในตอนแรกแม่สามีผู้นี้สั่งสอนหลู่ชิงทุกวันว่าควรปรนนิบัติบุตรชายของนางอย่างไร? หลู่ชิงรู้สึกอึดอัดมากหากต้องอยู่แบบนั้น ให้นางตายเสียดีกว่า!

“อาชิง นี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของเหล่าสตรี รับใช้สามีและบิดามารดาของสามี ในวันที่เจ้าได้เป็นแม่สามีของใครบางคน เจ้าจะเข้าใจ อาชิงเจ้าฟังแม่นะ ที่แม่พูดก็เพราะหวังดีต่อเจ้าไม่ได้คิดร้ายกับเจ้าเลย” นางหม่าพูดอย่างใจเย็น

“ท่านแม่ หากท่านหวังดีกับข้าจริง ๆ ท่านควรปฏิเสธสกุลหวาง! จะอย่างไรข้าก็ไม่ยอมแต่งงาน! หลังจากหลู่ชิงพูดจบ นางรีบวิ่งออกจากบ้านทันที

นางหม่ามองตามแผ่นหลังของลูกสาวไปก่อนจะลอบถอนหายใจเบา ๆ อย่างช่วยไม่ได้

……

หลังจากนั้น เมื่อหลู่ชิงกลับมาถึงบ้านนางหม่าจึงเข้าไปคุยกับบุตรสาวอีกครั้ง แต่หลู่ชิงไม่ฟัง หลังจากกินอาหารเสร็จ หญิงสาวขังตัวเองอยู่ในห้องนอนไม่ยอมเปิดประตูไม่ว่ามารดาจะพูดอย่างไรก็ตาม

ต่อมานางเริ่มกลับบ้านดึกและไม่ยอมกินอาหารเย็น

นางหม่าเห็นอย่างนี้ก็เริ่มวิตกขึ้นเรื่อย ๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางตู้อาจจะเลิกล้มไม่มาสู่ขอบุตรสาวของตนอีกเป็นแน่

นางหม่าไม่มีทางเลือกนอกจากไปหาถังหลี่ที่เป่าชิงเก๋อ

ถังหลี่เป็นพี่สาวที่ดีของอาชิง ถ้าหากเป็นนาง อาชิงคงจะยอมฟัง…..

ณ เป่าชิงเก๋อ

ถังหลี่เห็นนางหม่าก็รีบเชื้อเชิญให้เข้ามาในร้าน ที่เป่าชิงเก๋อมีห้องรับรองแขกอยู่ หญิงสาวพาอีกฝ่ายไปที่ห้องนั้น

“ท่านป้า นั่งลงก่อนเถิด”

มารดาหลู่ชิงนั่งลงพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ห้อง

นางคุ้นเคยกับเป่าชิงเก๋อดี ที่นี่ดีกว่าเมื่อก่อนมาก ถังหลี่เป็นคนเก่งมีความสามารถ แต่นางหม่าได้ยินมาว่าสามีของนางเป็นคนป่าเถื่อน….

ถึงอย่างไรนางก็เป็นหญิงที่ออกเรือนมีสามีแล้ว ต่อให้ทำการค้าเก่งฟื้นฟูกิจการได้ดี อย่างไรเสียก็เทียบไม่ได้กับการได้ออกเรือนกับสามีที่ดีมีชาติตระกูล

พอเห็นแบบนี้แล้วนางหม่ายิ่งมุ่นมั่นที่จะให้หลู่ชิงแต่งงานกับช่างชู

“แม่นางถัง เจ้าช่วยข้าพูดให้อาชิงยอมรับการแต่งงานของสกุลหวางได้หรือไม่?” นางหม่าพูดอย่างตรงไปตรงมา

“สกุลหวาง? ท่านป้าหมายถึงหวางช่างชูหรือ?” ถังหลี่รู้สึกประหลาดใจ

“ใช่ ข้ารู้ว่าหลู่ชิงต้องคุยเรื่องนี้กับเจ้าแน่นอน เจ้าสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน…เสี่ยวถัง เจ้าช่วยข้าพูดกับอาชิงได้หรอืไม่ ถ้าหากเป็นเจ้า นางต้องยอมฟังเป็นแน่” นางหม่าพูด

“ท่านป้า ท่านว่าอาชิงแต่งกับหวางช่างชูจะดีหรือ?” ถังหลี่ถาม

“ดีสิ ช่างชูเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณ” นางหม่ากล่าว

แต่ความกตัญญูของชายหนุ่มอาจจะมีเพื่อมารดาของตนเพียงเท่านั้น เขาไม่ได้มีความกตัญญูต่อบิดามารดาของหลู่ชิง…

แต่ว่าถังหลี่ไม่อาจพูดออกไปตรง ๆ ได้

ในเมื่อนางหม่ามาหาถังหลี่แล้ว คงไม่ดีแน่หากนางจะพูดโพล่งออกไปแบบนั้น นางหม่าจะมองว่าถังหลี่เป็นคนหัวแข็งเช่นเดียวกับหลู่ชิง และจะไม่ฟังคำแนะนำที่นางให้อีกต่อไป

“ใช่ ข้าได้ยินหลายคนพูดว่าหวางช่างชูเป็นบัณฑิต มีอนาคตที่สดใสอาจจะได้รับตำแหน่งขุนนาง เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะไม่ใช่คนธรรมดาสามัญอีกต่อไป”

ถังหลี่กล่าว เมื่อได้ยินคำพูดของถังหลี่ นางหม่ารู้สึกหัวใจพองโต

นั่นคือสิ่งที่นางกำลังคิด

หวางช่างชูเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในบรรดาคนที่มาสู่ขอหลู่ชิง ก่อนที่หวางช่างชูจะได้รับตำแหน่ง เขาควรจะจัดการแต่งงานกับอาชิงก่อน

“แต่ท่านป้า ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เรื่องนี้ก็มีข้อเสียเช่นกัน”

“มีอะไรหรือ?” นางหม่าถาม

“จะว่าเป็นเรื่องที่ดีก็ใช่ หากหลู่ชิงได้แต่งกับหวางช่างชู แต่ทว่าวันใดที่เขาได้รับชื่อเสียง อาชิงอาจจะไม่ใช่บุคคลที่คู่ควรกับเขาอีกต่อไป พอถึงตอนนั้นสามีและแม่สามีของอาชิง จะดูแคลนนาง และคิดว่าตัวเองคิดผิดไปแล้ว” ถังหลี่พูด

นางหม่าขมวดคิ้ว แม้ใจของนางไม่ต้องการให้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ถังหลี่พูดมันสมเหตุสมผล

“ตราบใดที่อาชิงปรนนิบัติสามีและแม่สามีอย่างดี พวกเขาจะรู้ว่าอาชิงเป็นสะใภ้ที่ดีนะ” นางหม่ากล่าว

ถังหลี่พูดไม่ออก

นี่ไม่ใช่วิธียอมเป็นที่รองมือรองเท้าหรือ? โอ้ สวรรค์!

หากนางหม่าไม่ใช่มารดาของอาชิงล่ะก็ ถังหลี่ก็อยากตบเรียกสตินางสักครั้ง!

หญิงสาวทำได้แค่เพิ่มวาทศิลป์ต่อไป

“หากเป็นเช่นนั้นก็ดี แต่ก่อนหน้านี้ข้าไปในตัวเมืองข้าพบคนผู้หนึ่ง เขาเล่าถึงสตรีในหมู่บ้านว่า นางแต่งงานกับบัณฑิตอยู่กินเป็นสามีภรรยา หลังจากแต่งงานแล้วหญิงสาวทำงานทุกอย่างในครอบครัว ทั้งต้องดูแลแม่สามี ทำงานบ้านซื้อพู่กัน กระดาษ หมึก แท่นฝนหมึกให้บัณฑิตเพื่อส่งเสริมให้เขาเป็นขุนนาง ต่อมาบัณฑิตผู้นั้นก็สอบได้ตำแหน่งต้น ๆ ข้าคิดว่านางทำงานหนักมากเลยทีเดียว..”

ถังหลี่หยุดพูดชั่วขณะก่อนจะพูดต่อว่า “มีขุนนางผู้หนึ่งอยากได้บัณฑิตไปเป็นบุตรเขย เขาเสนอให้บัณฑิตหย่ากับภรรยามาแต่งงานกับบุตรสาวของเขาเพื่อหน้าที่การงานจะได้เจริญก้าวหน้า ท่านป้าลองเดาสิว่าบัณฑิตผู้นั้นจะตอบว่าอย่างไร? ”

……………………………….

[1] เคอจวี่ คือระบบการสอบเข้ารับราชการของชาวจีน