บทที่ 130 สารภาพรัก

บทที่ 130 สารภาพรัก

ทันใดนั้นไข่เน่าและเศษใบไม้ก็ถูกโยนใส่บนร่างกายของลู่เฉินและซูโย่วอี๋

ลู่เฉินหมุนตัวกลับไป คิ้วขมวดเข้าหากันและปกป้องซูโย่วอี๋ไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา พร้อมพูดบอกหญิงสาวไม่หยุด “ไม่ต้องกลัว”

ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นมองเห็นสันกรามของเขาพร้อมกับความห่วงใยในดวงตา

มีไข่เหลว ๆ ที่ไหลลงมาจากหน้าผากของลู่เฉิน ผมตรงหน้าผากของเขาเปียกไปหมด นี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก

ซูโย่วอี๋อดทนต่อความเจ็บปวดและกระตุกมุมปากขึ้น ก่อนที่จะยกมือขึ้นเพื่อเช็ดให้เขา

ลู่เฉินหยุดเธอในทันที “อย่าขยับ”

ไม่งั้นจะเจ็บมากกว่าเดิม

เขามองรอยแผลบนร่างกายของซูโย่วอี๋ ดวงตามืดมนชั่วครู่ ไม่ช้าก็เร็วคนเหล่านี้จะต้องชดใช้สำหรับการกระทำของพวกเขา

เสียงไซเรนของรถตำรวจดังขึ้น ทำให้เหล่าคนที่ใช้ความรุนแรงแยกย้ายกันไป และหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ลู่เฉินอุ้มซูโย่วอี๋ขึ้นมา ขณะที่กำลังจะเดินผ่านตำรวจไป เขาก็หยุดและพูดขึ้นอย่างเย็นชา “อย่าปล่อยให้คนพวกนั้นรอดไปได้แม้แต่คนเดียว จับทุกคนไปสถานีตำรวจเพื่อสอบปากคำ”

ถ้าเรื่องนี้ตามหาคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้อย่าเรียกเขาว่าลู่เฉินเลย!

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ข่าวที่ประธานบริษัทเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์และศิลปินอย่างซูโย่วอี๋ถูกทุบตีอยู่ที่หน้าประตูหมู่บ้าน และถูกขว้างปาไข่เน่าก็ขึ้นอันดับการค้นหายอดนิยมอย่างรวดเร็ว

โทรศัพท์ของลู่เฉินเกิดเสียงดังขึ้นอย่างไม่หยุด

ลู่เฉินกดตัดสายทีละสาย เพื่ออยู่เป็นเพื่อนซูโย่วอี๋ในการตรวจร่างกายอย่างสงบ

หมอตรวจดูร่างกายทั้งหมดของเธออย่างละเอียด “ยังดีที่ไม่ร้ายแรงถึงกระดูก แค่แผลฟกช้ำ กับแผลถลอกเล็ก ๆ น้อย แผลลึกที่สุดคือรอยขีดข่วนบนใบหน้า ซึ่งต้องใช้เวลาสักพักในการรักษา”

ซูโย่วอี๋ถามขึ้นอย่างหดหู่ “จะเป็นแผลเป็นไหมคะ?”

แน่นอนว่าผู้หญิงมักจะให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตา

หมอหัวเราะและพูดขึ้น “ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ไม่เป็นแผลเป็นหรอก”

“ประธานลู่ งั้นผมไปเตรียมของก่อน อีกสักครู่จะมาทำความสะอาดและพันแผลให้คุณซู”

ลู่เฉินพยักหน้า

ซูโย่วอี๋อยู่ในโรงพยาบาลเอกชนที่เฉินซีซีเคยเข้ารับการรักษาในตอนที่เสียงของเธอพัง และนั่นก็คือโรงพยาบาลเป๋าไป่ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงสูงสุดในปักกิ่ง

ว่ากันว่าการจะได้เตียงของที่นี่เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ตอนนี้ซูโย่วอี๋ได้นอนในห้อง VIP สุดหรูนี้

แม้จะรู้ดีว่าเรื่องพวกนี้สำหรับลู่เฉินไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร แต่อาการบาดเจ็บของซูโย่วอี๋เป็นเพียงการบาดเจ็บภายนอก ไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัด การพักอยู่ในห้องนี้จึงถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรทางการรักษาอย่างมาก

ลู่เฉินเทน้ำแก้วหนึ่งและส่งให้เธอ พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ เตียงคนไข้ ทั่วทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก แต่กลับไม่สามารถลดทอนความสง่างามและความเคร่งขรึมของเขาได้เลย

ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยแรงดึงดูดแสนอันตราย

นี่คงจะเป็นจุดสูงสุดของการฝึกฝนด้าน [ความสง่างาม] ที่ระบบหวังให้ซูโย่วอี๋สามารถพัฒนาและบรรลุไปถึงได้

ซูโย่วอี๋ดื่มน้ำไปสองอึกก็วางลง และหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดเศษไข่เหลว ๆ บนผมและใบหน้าของชายหนุ่ม

ส่วนลู่เฉินนั่งเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้น ในดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย

“เป็นแฟนผมเถอะ” น้ำเสียงหนักแน่น เอ่ยขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

มือที่ยกขึ้นของซูโย่วอี๋ชะงักค้างอยู่อย่างนั้น หลังจากนั้นก็มองไปรอบ ๆ จนสุดท้ายสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ลู่เฉิน เขายังคงดูสงบนิ่งเหมือนเคย ซูโย่วอี๋จึงคิดว่าตัวเองน่าจะหูฝาด

“ผมบอกว่า เป็นแฟนผมเถอะ”

!!!

สายตาของซูโย่วอี๋สบเข้ากับดวงตาอันลึกซึ้งของลู่เฉิน อารมณ์ปั่นป่วนราวกับน้ำในสระน้ำวนทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก

สมองของซูโย่วอี๋กำลังตื้อ เธอได้ยินเสียงตะกุกตะกักของตัวเอง “ทะ… ทำไม?”

ใบหน้าของลู่เฉินนิ่งเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่การกำมือสองข้างเล็กน้อยเผยให้เห็นถึงความประหม่าในใจของเขา

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสารภาพรัก

เขาไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วซูโย่วอี๋จะยอมรับไหม

แต่เขายิ้มขึ้นจนเผยให้เห็นฟันสีขาว “ผมเคยบอกแล้วว่าผมชอบคุณ”

ซูโย่วอี๋ถูกรอยยิ้มใสซื่อของเขาดึงดูด พร้อมกับหัวเราะออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ คิ้วโค้ง ๆ นั้นสวยงามมาก

“คุณบอกว่าชอบนิดหน่อย แค่การชอบนิดหน่อยไม่มากพอที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราพัฒนาต่อไปได้นะคะ”

ลู่เฉินตอบกลับ “ไม่ใช่นิดหน่อย ผมหมายความว่าผมชอบคุณมากกว่าที่คิดไว้นิดหน่อย”

“คุณล่ะ ซูโย่วอี๋ คุณชอบผมไหม?”

ในห้องมีกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อจาง ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ แม้ความเจ็บปวดบนร่างกายของซูโย่วอี๋จะยังคงอยู่ แต่เธอกลับไม่รับรู้ถึงมันเลยสักนิด

เพราะทั้งหมดในหัวใจของเธอล้วนคือลู่เฉิน

ชอบไหม?

เหมือนว่าจะชอบ ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะเหรอ น่าจะชอบมาตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว เพียงแค่ว่าเธอมักจะชอบหลีกเลี่ยงและเพิกเฉยต่อความรู้สึกของตัวเอง

เธอรอจนกว่าจะมีคนเริ่มต้นขั้นตอนนี้ และไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองชอบเขาก่อนแน่

คิดได้เช่นนั้นใบหน้าของซูโย่วอี๋ก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่น้ำเสียงกลับเย่อหยิ่ง “ทำไมฉันต้องตอบรับคำสารภาพรักของคุณที่โรงพยาบาลด้วย นี่มันน่าสงสารเกินไปหน่อยหรือเปล่า”

คนอื่นเวลามีความรัก พวกเขาก็จะได้รับดอกไม้และคำอวยพรจากเหล่าเพื่อนฝูง ทำไมพอถึงทีของเธอกลับไม่มีอะไรเลย

ลู่เฉินยกยิ้ม “คุณต้องตกลงก่อน แล้วถ้าคุณต้องการอะไรพวกนั้น ผมจะเอามาให้ทีหลัง”

ซูโย่วอี๋หันหน้าหนี “ใครต้องการกัน?”

หมอที่เพิ่งออกไปกลับมาพร้อมกับพยาบาลหนึ่งคนเพื่อมาทำแผลให้กับซูโย่วอี๋ ส่วนลู่เฉินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ และให้ผู้ช่วยเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน

จนเขาอาบน้ำเสร็จ หมอก็ออกไปแล้ว

ลู่เฉินให้ผู้ช่วยของเขาออกไปก่อน และดึงมือของซูโย่วอี๋มา “คุณพักผ่อนที่โรงพยาบาลสักหนึ่งวัน พรุ่งนี้ผมจะมารับคุณกลับบ้าน”

ลู่เฉินที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ทั่วทั้งตัวของเขามีกลิ่นหอมจาง ๆ ของสบู่ลอยออกมา

ผมเปียก ๆ และหยดน้ำราวกับคริสตัลไหลลงมาที่ลำคอจนถึงแผงอก

ซูโย่วอี๋มองภาพตรงหน้าตาค้าง

ทันใดนั้นลู่เฉินก็โน้มตัวเข้าไปใกล้ ๆ หูของเธอ “ผู้หญิงทะลึ่ง เมื่อก่อนไม่เห็นคุณจะทะลึ่งแบบนี้เลย?”

ซูโย่วอี๋รีบคว้าผ้าห่มมาบังใบหน้าของเธอ “ฉันง่วงแล้ว คุณกลับไปได้แล้ว”

ลู่เฉินหัวเราะด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างมีความสุข “อย่าเพิ่งเบื่อล่ะ ผมจัดการเรื่องเสร็จแล้วจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ”

หลังจากรออยู่สักพัก ซูโย่วอี๋ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร เขารู้ว่าเธอเขินเลยไม่ได้แกล้งเธอต่อ และออกไปจากห้องพักผู้ป่วย

เมื่อซูโย่วอี๋ได้ยินเสียงฝีเท้าของลู่เฉินที่ไกลออกไปแล้วเธอจึงรู้สึกโล่งใจ และแอบว่าตัวเองในใจ ความหื่นเป็นเหตุ!

น่าขายหน้าจริง ๆ

บนรถลู่เฉินเปิดโทรศัพท์และคิดว่าจะส่งข้อความอะไรให้ซูโย่วอี๋ดี [ส่งรูปของคุณให้ผมรูปหนึ่งหน่อย]

[ทำไม?]

[คิดถึง]

คำพูดตรง ๆ ของลู่เฉินทำให้ใบหน้าของซูโย่วอี๋แดงขึ้นอีกครั้ง และรีบเลือกรูปส่งไปให้เขา

รูปนี้เป็นรูปที่ซูหยินถ่ายให้เธอ ผมสีดำถูกปล่อยไว้ข้างหลัง ชุดเดรสสีขาวดูพลิ้วไปตามสายลม เธอยืนอยู่ใต้ต้นดอกเหมยสวยราวกับเทพธิดา

ลู่เฉินที่ได้รับรูปก็ตอบกลับมา [สวยจัง]

ก่อนที่จะโพสต์ลงบนเวยป๋อ ‘แนะนำตัว นี่คือซูโย่วอี๋แฟนของผม’

ลู่เฉินเป็นนักธุรกิจชั้นนำ ทายาทเศรษฐีที่โสดสนิท หลานชายคนโตแห่งตระกูลลู่ ทายาทผู้มีอิทธิพล

บนเวยป๋อของเขานอกจากเรื่องธุรกิจแล้วก็ยังมีแต่เรื่องธุรกิจอีก แต่อยู่ดี ๆ กลับมีภาพของผู้หญิงคนหนึ่งโผล่มา ผู้คนจึงต่างพากันบ้าคลั่ง

ส่วนหัวใจของแฟนคลับสาว ๆ ต้องแตกสลาย พวกเธอต่างพากันกอดโทรศัพท์ร้องไห้และร้องตะโกนออกมาว่าเป็นไปไม่ได้

[หรือเพราะหน้าที่การงาน บอกฉันทีว่านี่มันไม่จริง]

[คุณลู่เสียสละตัวเองเพื่อหน้าที่การงานอะไรกัน]

[ทำไมถึงเป็นผู้หญิงคนนี้!]

[ประธานลู่ คุณอย่าถูกเธอหลอกอีกต่อไปเลย ผู้หญิงคนนี้ยังรักอดีตสามีของตัวเองอยู่]

[ตอนที่เห็นลู่เฉินช่วยบังไข่เน่าให้ซูโย่วอี๋ ฉันก็รู้ทันทีว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้ไม่ธรรมดา ฮืออ]

[ขอร้องประธานลู่รักฉันสักครั้งเถอะ]

เหล่าเพื่อน ๆ ต่างมึนงง พี่สะใภ้คนนี้โผล่มาจากไหน เมื่อก่อนแทบไม่มีข่าวลืออะไรเลยสักนิด?

ทันทีที่คุณชายและคุณนายลู่รู้ข่าวนี้ พวกเขาก็โกรธจนขว้างแก้วน้ำจนแตก

น้ำเสียงของผู้เป็นแม่เย็นชามาก “อาหยวน เจ้าเฉินต้องการทำให้พวกเราโกรธ เขาตั้งใจคบหากับผู้หญิงที่เคยหย่าร้างมาก่อน”