บทที่ 123 คลอดก่อนกำหนด
บทที่ 123 คลอดก่อนกำหนด

ซูหม่านซิ่วหกล้มเลยทำให้คลอดลูกชายก่อนกำหนด คุณย่าซูตกตะลึง เด็กเพิ่งแปดเดือนกว่าทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้?

“เหล่าต้า สะใภ้ใหญ่ พาน้องกับสะใภ้อีกสองคนมาช่วยเตรียมของ ฉันจะไปหาหม่านซิ่ว เด็กคนนี้อายุอานามก็สามสิบแล้ว ทำไมประมาทเลินเล่อไม่รู้จักระวังแบบนี้”

คุณย่าซูกังวลมากจนตัวแทบลอย เดินไปเดินมาอย่างกังวลใจ

ลูกสาวที่น่าสังเวชของเธอ ทำไมชีวิตถึงไม่ราบรื่นขนาดนี้นะ?

หลุดพ้นออกมาแล้วแท้ ๆ เห็นอยู่ว่าชีวิตกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี แล้วทำไมถึงคลอดก่อนกำหนดได้เนี่ย?

“เธอว่าหม่านซิ่วจะเป็นอะไรไหม แล้วทำไมถึงล้มได้ล่ะ?” คุณย่าซูพร่ำบ่น

ซูเสี่ยวเถียนก้าวไปข้างหน้าและจับมือคุณย่าเอาไว้ “คุณย่าไม่เป็นไรนะคะ อาใหญ่ต้องสบายดีแน่ น้องชายหนูก็เหมือนกัน”

ประโยคนี้ปลอบโยนคุณย่าซูได้มาก แม้จะไม่รู้ว่าทำไมแต่ตราบใดที่ซูเสี่ยวเถียนพูด คุณย่าซูก็รู้สึกว่ามันจะเป็นเช่นนั้น

“เข้าใจแล้วจ้ะ เด็กดีของย่าบอกว่าอาใหญ่ไม่เป็นไร ก็ต้องไม่เป็นไรเนอะ!” ในที่สุดคุณย่าซูก็ยิ้ม

ซูเสี่ยวเถียนทำหน้าบึ้ง “ฮึ ไม่รู้ว่าหลังจากนี้หนูจะเป็นเด็กดีของย่าอยู่ไหม ก่อนหน้านี้หนูเป็นน้องเล็ก แต่ตอนนี้อาใหญ่มีน้องอีกคนที่เด็กกว่า หนูคงไม่ได้เป็นอีกแล้ว”

ประโยคเดียวพาคนทั้งบ้านหัวเราะครื้น

“ไอ๊หยา เด็กดีของย่าเป็นเด็กขี้อิจฉาแล้ว ไม่เป็นไรนะ ถึงอาใหญ่จะมีลูกอีกกี่คน หนูก็ยังเป็นเด็กดีของย่านะ” คุณย่าซูพูดกับเด็กหญิงด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

“จริงนะคะ?”

“จริงสิ ย่าเคยโกหกหนูเมื่อไรกัน หื้อ?” คุณย่าซูยื่นแขนออกมากอดหลานแล้วปลอบโยนเธอ

แล้วเสี่ยวเถียนก็ยิ้มออกมา

ทันใดนั้น เสียงรถจากด้านนอกก็ดังขึ้น

“ใครมากัน? เสียงเหมือนรถน้องเขยเลย” ซูเหล่าซานว่า

“คุณยังฟังออกอีกหรือว่ารถใคร?” เหลียงซิ่วจ้องมอง

“ทำไมจะฟังไม่ออกเล่า? ก่อนหน้านี้ไม่รู้ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ารถก็เหมือนกับคนนั้นแหละ แต่ละคนน้ำเสียงไม่เหมือนกัน และเสียงของรถก็ไม่เหมือนเช่นกัน”

“จริงหรือ?” ซูเหล่าต้าพูดอย่างไม่เชื่อ “แต่ฉันฟังดูแล้วไม่ต่างกันเท่าไรนะ!”

ก่อนน้องชายจะตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง “นั่นเป็นเหตุผลที่ผมขับรถไถได้ไงล่ะครับ!”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโอ้อวดและภาคภูมิใจ

ซูเหล่าต้านิ่งงัน

ก็ได้ เขาจะไม่ถามแล้วกันว่าใครใช้ให้ในระยะสิบลี้แปดหมูบ้านนี้มีแค่เหล่าซานที่ขับรถไถได้คนเดียวน่ะ?

“คุณย่าซู คุณปู่ซู อยู่บ้านหรือเปล่าครับ” เสียงของเสี่ยวจูคนขับรถของเฉินจื่ออันมาจากข้างนอก

“เสี่ยวจูเอ๋ย เธอมาทำไม?” คุณปู่ซูเอ่ยถาม

“หัวหน้าเฉินวานให้ผมมารับคุณย่าซูไปตัวเมืองอำเภอครับ”

“ทำไมรีบร้อนให้ฉันไปที่ตัวเมืองด้วย” คุณย่าซูรีบถาม

อันที่จริงเธอยังคิดในช่วงเวลาสั้น ๆ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับลูกสาวหรือเปล่า ไม่งั้นคงไม่มีทางเอารถมารับโดยเฉพาะหรอก

“ไม่ใช่เรื่องพี่สะใภ้จะคลอดลูกหรอก แต่หัวหน้าต้องออกไปทำธุระต่อ เลยดูแลพี่สะใภ้ไม่ได้ เขาเลยวานให้ผมมารับคุณย่าซูไปดูแลครับ” เสี่ยวจูพูดด้วยรอยยิ้ม

แต่พอได้ฟังก็รู้สึกว่าครอบครัวนี้ยุ่งเหยิงมาพอแล้วจริง ๆ

“หม่านซิ่วเป็นอะไรไหม? ทำไมถึงคลอดก่อนกำหนด?” คุณย่าซูอดไม่ได้ที่จะถาม

เสี่ยวจูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

“คุณย่าซู มีคนจากเซี่ยงหยางมาสร้างความวุ่นวายถึงบ้าน แถมยังผลักพี่สะใภ้จนล้มลง เด็กเลยคลอดก่อนกำหนด แต่โชคดีที่สุขภาพแข็งแรงดีครับ”

เสี่ยวจู่กลัวว่าคนบ้านหลักตระกูลซูจะเป็นกังวล จึงรีบเอ่ยสองประโยคหลัง

“อะไรนะ? คนบ้านหวังมันมาสร้างความวุ่นวายหรือ? คอยดูเถอะยายแก่คนนี้จะตบพวกมันให้ตายเลย!” คุณย่าซูพูดพลางพับแขนเสื้อขึ้น และคิดจะไปจัดการกับบ้านหวังแล้ว

“โถ่ว… คุณย่าซู รีบไปอำเภอก่อนเถอะ คืนนี้หัวหน้าก็ต้องออกเดินทางแล้ว จะปล่อยพี่สะใภ้กับลูกไว้ที่บ้านไม่ได้นะ”

คุณย่าซูได้ฟังความโกรธก็ดับลงทันใด

“ตกลง งั้นฉันไปที่อำเภอก่อน ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ครอบครัวไร้ยางอาย เหล่าต้ากับสะใภ้ใหญ่พาน้องชายน้องสะใภ้ไปฉีกหน้ายายแก่นั่นเลย ดูซิว่ามันจะกล้าทำตัวเป็นมารปีศาจอีกหรือเปล่า” ถึงจะไม่ได้ไปด้วยตัวเองก็ยังฝากฝังลูกสะใภ้

เหลียงซิ่ว หวังเซียงฮวา และคนอื่น ๆ หัวเราะครื้น

“แม่คะ พวกเราเตรียมของจะไปนี่แหละค่ะ โชคดีที่มีรถไปถึงได้เร็ว” เหลียงซิ่วพูดด้วยรอยยิ้ม “คนบ้านหวังทำเรื่องเลวร้ายไว้เยอะแยะมากมาย ถึงเวลาที่ต้องรับโทษแล้ว”

“ใช่แล้ว ความดีและความชั่วจะได้รับผลกรรมในที่สุด ฉันจะรอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับบ้านหวัง”

“ยังรออะไรอีกเล่า ไอ้หมาหวังกลายเป็นพ่อคนอย่างเสียเปล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นลูกบ้านใคร สบายใจจริง ๆ”

ตอนที่หวังเซียงฮวาพูด น้ำเสียงเรียกได้ว่าร่าเริงมาก

คุณย่าซูได้ฟังก็วางใจ

ในไม่ช้าสะใภ้ทั้งสามก็รวบรวมของดี ๆ มาได้กองหนึ่ง ประกอบไปด้วยข้าวฟ่าง พุทธา ยังมีแป้งสาลีอีกนิดหน่อย ไข่ไก่ และเสื้อผ้าเด็กตัวเก่าที่ซักแห้งตากแดดอย่างดีแล้ว

“ทำไมเอาไปเยอะขนาดนี้ล่ะครับ?” เสี่ยวจูตกตะลึง เขารีบร้อนมากก็เลยไม่ได้หยิบอะไรมาด้วย ถ้าไปทั้งแบบนี้หัวหน้าเฉินไม่ตัดขาสุนัขเขาหรือ?

“พวกนี้ก็เพื่อสุขภาพของซิ่วเอ๋อร์ เด็กคนนี้อายุเยอะแล้ว แถมยังคลอดก่อนกำหนดอีก ดูแลไม่ง่ายหรอกนะ”

คุณย่าซูพูดด้วยแรงอารมณ์

ของพวกนี้จัดเก็บโดยพวกสะใภ้ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเต็มใจจะมอบข้าวของให้กับซูหม่านซิ่ว

แน่นอนว่าตอนที่หม่านซิ่วมาที่เมืองก็คอยช่วยเหลือครอบครัวเสมอมา การที่อีกฝ่ายจะคิดถึงก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้ว

“เสี่ยวเถียน หลานจะตามย่าไปด้วยสักพักไหม” คุณย่าซูมองหลานสาวแล้วเอ่ยถาม

ถึงจะมีหลานคนเล็กเพิ่มอีกคน แต่คุณย่าซูกลับรู้สึกว่าต้องเอาเด็กดีของบ้านไปด้วย

ซูเสี่ยวเถียนเองก็อยากไปอำเภอด้วยเหมือนกัน เลยหันไปมองบิดามารดาทั้งสอง

“เสี่ยวเถียน ลูกอยากไปไหม” เหลียงซิ่วถามด้วยรอยยิ้ม

“อยากค่ะ หนูอยากไปหาน้องชายคนเล็ก!” น้ำเสียงนุ่มนวลของเด็กหญิงทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจมาก

เหลียงซิ่วเหลือบมองพี่สะใภ้ทั้งสอง “ทำอย่างไรดีล่ะ? ฉันเองก็อยากไปเห็นเด็กเหมือนกัน ที่จริงบ้านเราไม่มีเด็ก ๆ มาร่วมเจ็ดถึงแปดปีแล้วนะ”

หวังเซียงฮวาและฉีเหลียงอิงยิ้มยิ้มแหย่กับคำพูดเหลียงซิ่ว

แม่ของเสี่ยวเถียนจัดเสื้อผ้าให้ลูกสาวสองชุด แล้วส่งเธอกับแม่สามีไปขึ้นรถด้วยกัน

แล้วยังเจอกับพวกสมาชิกของชุมชนด้วย พวกเขาจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น

คุณย่าซูตอบด้วยความภาคภูมิใจ “ไม่ใช่ว่าหม่านซิ่วคลอดลูกหรอกนะ แต่เพราะชีวิตที่น่าสังเวช แถมไม่มีแม่สามีคอยดูแล ฉันเลยต้องไปดูแลช่วงอยู่ไฟ”

เหล่าสมาชิกชุมชนมองคุณย่าซูด้วยความอิจฉา

บ้านหลักตระกูลซูไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีอย่างไร หนึ่งปีที่ผ่านมาชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่หม่านซิ่วที่คนต่างก็รับรู้ว่ามีลูกไม่ได้ โอ้ ตอนนี้เธอคลอดลูกแล้ว

“ยินดีด้วย ๆ คุณไปเถอะ แสดงความยินดีแทนฉันด้วย ดีจริง ๆ ที่ได้เห็นหม่านซิ่วโตขึ้น” ใบหน้าของสมาชิกคนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มเบ่งบาน

คุณย่าซูตอบกลับ “เข้าใจแล้ว รอฉันกลับมาจากดูแลหม่านซิ่วตอนอยู่ไฟเมื่อไร จะส่งไข่แดง*[1]ให้กินนะ”

*[1] ไข่แดง หรือ ไข่แดงจีน เป็นไข่ไก่ปรุงสุกสีชมพู ไข่จะถูกต้มจนสุกจากนั้นใช้กระดาษเขียนพู่กันสีแดงเปียกทาทั่วไข่เพื่อสร้างเป็นสีชมพู