ตอนที่ 170 อ่อนโยน

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 170 อ่อนโยน

เซียวอี้เดินทางมาถึงเรือนพักร่ำรวยเพื่อเยี่ยมทหารเก้าร้อยนายที่เขาทิ้งไว้ในเรือนพัก

เยียนอวิ๋นเกอเชิญเขาไปทารอาหารที่เรือนพักหนานเป่ย

แต่เขาไม่ยอม

“ข้าได้ยินคนบอกว่าฝีมือการทำอาหารของเจ้ายอดเยี่ยมมาก ไม่รู้วันนี้ข้าจะได้รับเกียรติลิ้มลองฝีมือการทำอาหารของเจ้าหรือไม่”

เดิมทีเยียนอวิ๋นเกออยากปฏิเสธ

แต่เมื่อครุ่นคิดดูแล้ว อย่างใดเซียวอี้ก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ ธุรกิจที่มีมูลค่านับหมื่นก้วนต่อปี ดูเหมือนหากปฏิเสธจะไม่ดีเท่าใดนัก

อย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติเขาบ้าง!

อย่างนั้นก็…

ปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม?

“ข้าทำอาหารขึ้นอยู่กับอารมณ์ วันนี้อากาศหนาว ข้าไม่มีอารมณ์เข้าครัวเสียจริง”

เซียวอี้ยิ้มอย่างรู้ทัน “ดูท่าทางข้าจะยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่ทำให้คุณหนูสี่เข้าครัวทำอาหารสักมื้อ”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะร่า พลันพูด “ท่านฟังผู้ใดพูดจาเหลวไหลว่าข้าทำอาหารอร่อย มันเป็นเรื่องที่หลอกลวงผู้คนทั้งนั้น ผู้คนมักจะชอบยกย่องกันไปมา แต่พวกเขาต่างไม่รู้ความจริง”

เซียวอี้ยิ้มบาง “ข้าได้ข่าวมาจากที่ใด เจ้าไม่ต้องสนใจ ข้าเพียงแค่อยากลิ้มลองฝีมือการทำอาหารของเจ้าอย่างมากเท่านั้น ไม่ได้จริงหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้าอย่างหนัก “วันนี้ไม่ได้จริงๆ”

“วันพรุ่งล่ะ”

แฮะ!

เหตุใดคนผู้นี้จึงดื้อรั้นนัก ไม่ย่อท้อ ไม่ยอมแพ้ ยืนหยัดที่จะกินอาหารที่นางทำ

“ระยะนี้ข้าล้วนไม่มีเวลาว่าง!”

เยียนอวิ๋นเกอพูดตามตรง

เซียวอี้ยืนกรานที่จะกินอาหารที่นางทำ “เจ้ามีเวลาว่างเมื่อใด ข้าสามารถให้ความร่วมมือได้ทุกเวลา”

ถุ้ย!

เยียนอวิ๋นเกอพยายามที่จะไม่กลอกตาใส่เขา นางถาม “ท่านว่างมากหรือ”

เซียวอี้เม้มปากยิ้ม “หากใช้วาจาของเจ้ากล่าวก็คือมีเพียงอาหารรสเลิศที่ไม่อาจทรยศได้ มนุษย์อยู่บนโลกมีเพียงแต่กินกับดื่ม คุณหนูสี่สามารถให้เกียรติข้าในฐานะลูกค้ารายใหญ่ได้หรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะออกมา “เพื่ออาหารมื้อเดียว นายน้อยก็แสดงท่าทีอ่อนน้อมเพียงนี้ ช่างหาได้ยากเสียจริง”

“เห็นแก่ท่าทีอันต่ำต้อยของข้า คุณหนูสี่จะทำให้ข้าสมปรารถนาได้หรือไม่” เซียวอี้พูดคล้อยตามอย่างคล่องแคล่ว

ในที่สุดเยียนอวิ๋นเกอก็อดที่จะกลอกตาไม่ได้ “อยากกินจริงหรือ”

เซียวอี้พยักหน้าอย่างจริงจัง “ตั้งตารออย่างมาก”

พูดราวกับเป็นความจริง

มุมปากของเยียนอวิ๋นเกอกระตุก “จากฐานะของท่าน ท่านอยากกินสิ่งใดย่อมหาได้ เหตุใดจึงอยากกินฝีมือของข้า”

นางเกือบจะหลุดพูดออกมา ท่านเป็นคนมั่งมี เป็นบุรุษที่มีเหมือง!

ในฐานะบุรุษผู้มีเหมือง จำเป็นต้องขอร้องอ้อนวอนผู้อื่นเพื่ออาหารมื้อเดียวหรือ

เซียวอี้พูดพลันอมยิ้ม “ก็แค่อยากกิน…อาหารที่เจ้าทำ”

พู่ว์!

เยียนอวิ๋นเกอกระแอมไอสองครั้ง “ข้าทำเป็นแค่ปลา!”

“ไม่เป็นอันใด! เจ้าทำสิ่งใดข้าก็กินสิ่งนั้น ข้าไม่เลือกมาก”

เยียนอวิ๋นเกอรับปากเขาด้วยความจำยอม “ท่านไปตกปลาในบ่อมาตัวหนึ่ง ข้าทำอาหารให้ท่าน”

“ไปตกปลาด้วยกันดีกว่า ได้ยินว่าฝีมือการตกปลาของคุณหนูสี่เป็นเลิศ แม้แต่บุรุษก็สู้เจ้าไม่ได้”

“ท่านได้ยินเรื่องของข้ามากายเพียงนี้จากที่ใดกันแน่”

เยียนอวิ๋นเกอสงสัยเสียจริง

เซียวอี้ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ข้าลืมไปแล้วว่าได้ยินข่าวมาจากที่ใด!”

ถุ้ย!

โกหก!

แม้แต่โกหกก็ไม่ตั้งใจเพียงนี้ ไม่มีความจริงใจแม้แต่น้อย

เยียนอวิ๋นเกออยากกลับใจ ไม่เข้าครัวทำอาหารให้เขากิน

หากเขาไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ นางอยากจะถีบเขาออกไปเสียจริง

เยียนอวิ๋นเกอสวมชุดนวมหนา คลุมผ้าคลุมผืนใหญ่ นั่งตกปลาอยู่ริมบ่อน้ำ

ไม่ใช่นางต้องการสวมชุดหนาเพียงนี้ หากแต่อาเป่ยร้องขอให้นางสวมใส่

หากนางไม่ยอมสวมใส่ เกรงว่าอาเป่ยจะร้องไห้จนตาย

เพื่อชีวิตของอาเป่ย นางสวมไว้จะดีเสียกว่า

นางเป็นคนที่มีมโนธรรม

เซียวอี้สวมชุดแขนกว้าง ลักษณะท่าทางเหมือนนายน้อยผู้สูงส่ง

แม้จะงดงาม แต่เพียงแค่มองก็รู้สึกหนาว

เมื่อลมพัดผ่าน ราวกับลมนั้นถาโถมเข้าร่างกายของเขาโดยตรง

เยียนอวิ๋นเกอถามเขา “ไม่หนาวหรือ”

เซียวอี้ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่หนาว”

ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็กุมมือที่โผล่อยู่ด้านนอกของเยียนอวิ๋นเกออย่างกะทันหัน “รู้สึกหนาวหรือ”

เพี๊ยะ!

เยียนอวิ๋นเกอตบมือของเขาโดยไม่พูดพล่ามแม้แต่น้อย

เหตุใดจึงมาแตะเนื้อต้องตัว!

แต่ว่ามือของเขาอบอุ่นอย่างมากเสียจริง! ราวกับถุงร้อน

เซียวอี้ชักมือกลับ เขามองหลังมือที่บวมแดงเล็กน้อย “แรงมากเสียจริง หากเป็นผู้อื่น เกรงว่าจะรับแรงของเจ้าไม่ได้ โดยเฉพาะบัณฑิตที่อ่อนแอเหล่านั้น ทันทีที่ฝ่ามือของเจ้าฟาดลงไป บัณฑิตเหล่านั้นคงต้องสูญเสียไปครึ่งชีวิต”

เยียนอวิ๋นเกอแก้ต่างให้ตนเอง “ข้าไม่ตีบัณฑิต”

เมื่ออยู่กับบัณฑิต สามารถพูดคุยได้ก็อย่าลงมือ นางเกรงว่าหากลงมืออีกฝ่ายจะตายเสียก่อน

เซียวอี้ยิ้มอย่างมีนัย “หากในอนาคต สามีของเจ้าเป็นบัณฑิต เจ้าสามารถรับรองได้หรือว่าจะไม่ลงมือไปตลอดชีวิต”

เยียนอวิ๋นเกอสำลัก

นางกลอกตาใส่ทันที

คำพูดของเซียวอี้มีความหมายแฝง “ผู้ที่เป็นสามีของเจ้า ไม่เพียงต้องมีความสามารถและความรู้ รูปลักษณ์โดดเด่น อีกทั้งยังต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่ง อดทนต่อการทุ่มการตี มิฉะนั้น หากเจ้าฟาดฝ่ามือลงไปยามโกรธ เจ้าจะกลายเป็นผู้สังหารสามี ต้องติดคุก”

“ท่านสาปแช่งข้าหรือ” เยียนอวิ๋นเกอคันมือ เวานี้นางอยากจะลงมือกับใครบางคนยาม ‘โกรธ’ เสียจริง

เซียวอี้พูดอย่างจริงจัง “ข้าเพียงเตือนเจ้าด้วยความหวังดี ไม่ว่าจะทำเรื่องใดต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าได้ตัดสินใจอย่างรีบร้อน”

“ขอบพระคุณความห่วงใยของนายน้อยเซียว ทำให้ท่านต้องเปลืองแรงแล้ว”

“พวกเราคู่ค้ากัน การเป็นห่วงคู่ค้าเป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ”

ท่าทางของเซียวอี้จริงตัว เขากำลังเป็นห่วงคู่ค้าจริงๆ

เยียนอวิ๋นเกอแอบพึมพำ คนผู้นี้ไม่ได้มาเพื่อกินปลา หากแต่มาเพื่อหาเรื่องมากกว่า!

นางต้องเสียสติไปแล้วถึงได้ออกมาตกปลาด้านนอกเรือนกับผู้อื่นในอากาศที่หนาวเพียงนี้

หนาวเสียจริง…

เด็กหลายคนที่สวมเพียงกางเกงวิ่งไปวิ่งมาอยู่บนคันนาอย่างสนุกสนาน ก้นกว่าครึ่งเปิดเผยอยู่ด้านนอก ไม่รู้สึกหนาวแม้แต่น้อย

เยียนอวิ๋นเกอ “…”

อาจมีเพียงนางที่รู้สึกหนาว ผู้อื่นไม่รู้สึกหนาว

เด็กเป็นสายพันธุ์ที่แปลกประหลาด ไม่กลัวร้อนไม่กลัวหนาว ตะกละที่สุด หนึ่งปีสี่ฤดูเพียงแค่มีของกิน ทุกวันล้วนมีความสุข

“หากอนาคตคุณหนูสี่มีบุตร ย่อมน่ารักยิ่งกว่าเด็กทั้งหลายตรงหน้า”

เซียวอี้เอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน

หางตาของเยียนอวิ๋นเกอกระตุก

พูดจาเหลวไหลอันใดกัน

นางยังไม่ออกเรือน จะมีบุตรได้อย่างไร

ไม่ใช่!

นางแม้แต่คนที่จะออกเรือนด้วยยังไม่มี จะมีบุตรได้อย่างไร

ก็ยังไม่ถูก!

นางไม่มีแม้แต่แผนการที่จะออกเรือน จะมีบุตรได้อย่างไร

นางยิ้มอย่างมีนัย “นายน้อยเซียวช่างพูดเสียจริง”

ท่านหุบปากเสียเถิด!

เป็นถึงนายน้อยผู้สูงส่ง เหตุใดจึงพูดมากเพียงนี้

เซียวอี้มองนาง “คำพูดของข้าทำให้เจ้าดีใจหรือ”

จะเป็นไปได้อย่างไร!

มุมปากของเยียนอวิ๋นเกอกระตุก

เซียวอี้ยิ้มอย่างกระจ่าง เขามองทุกสิ่งได้อย่างทะลุปรุโปร่งแต่แรก

“เจ้ากำลังรังเกียจข้า ข้ารู้ดีแก่ใจ ความจริงแล้วเจ้าไม่ต้องรังเกียจข้า ได้ยินว่าเจ้ากำลังรับนักทำบัญชี อีกทั้งยังต้องการนักบัญชีที่มีประสบการณ์ พอดีทางข้ามีหลายคนแนะนำให้เจ้า เจ้าคิดเห็นว่าอย่างใด”

“ฟังจากเงื่อนไขของเจ้า ราวกับเจ้ากำลังวางแผนเปิดโรงแกเงิน ข้าจะลงทุนเงินจำนวนหนึ่งให้โรงแลกเงินของเจ้า หากมีคนมาก่อปัญหา เจ้าแจ้งชื่อข้า หากเจ้าต้องการวางเพลิงฆ่าคน หรือว่าลักพาตัวข่มขู่ ข้าก็สามารถจัดการให้เจ้าได้!”

“ข้อดีของข้ามีไม่มาก มีเงินเป็นข้อดีที่เห็นได้ชัดข้อหนึ่ง”

“ข้ายินดีที่จะร่วมมือกับเจ้าด้วยความจริงใจ”

“พวกเราสามารถกลายเป็นผู้ร่วมหุ้นกัน ข้าไม่เพียงเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบเจ้า ในฐานะผู้ร่วมหุ้น ความเป็นห่วงซึ่งกันและกันเป็นเงื่อนไขพื้นฐาน”

“เจ้าอย่าหาว่าข้ายุ่งไม่เข้าเรื่อง ในฐานะผู้ร่วมหุ้น งานแต่งของเจ้าก็จะมีผลกระทบต่อความร่วมมือของพวกเรา ดังนั้นข้าจึงตักเตือนด้วยความหวังดี หวังว่าเจ้าจะไตร่ตรองคู่ครองของตนเองอย่างรอบคอบ ข้าไม่อยากให้เจ้าแต่งงานไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาจะส่งผลกระทบต่อกิจการของเรือนพักร่ำรวย”

“คนที่ไม่ขาดแคลนเงินและใจกว้างอย่างข้าหาได้น้อยในยุคสมัยนี้ ในเมื่อเจ้าได้พบเจอกับข้าแล้วก็ควรจับข้าเอาไว้ให้มั่น หากพลาดช้าไป เจ้าจะเสียดายไปตลอดชีวิต”

ยกยอ!

อีกทั้งยังเป็นการยกยอตนเอง!

ในที่สุดวันนี้เยียนอวิ๋นเกอก็ได้รับรู้แล้วว่าหน้าของคนสามารถหนาได้เพียงนี้

นางมองเขา ฮึๆ หากเขาไม่ได้มีรูปลักษณ์งดงาม นางอยากจะตบเขาสักทีเสียจริง

สิ่งใดยับยั้งนางเอาไว้

ใบหน้า!

ใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติ

โลกที่เห็นแก่รูปลักษณ์นี้เสมือนจริงเกินไป

“หากเจ้าหลงใหลในความงามของข้า ข้าสามารถทำให้เจ้าสมดังปรารถนาสักครั้ง”

ถุ้ย!

คิ้วของเยียนอวิ๋นเกอกระตุก นางไม่อาจสนทนาต่อไปได้อีกแล้ว

โชคดีที่…

ปลาในบ่อถูกเลี้ยงจนโง่ โผล่หัวออกมาในอากาศที่หนาวเย็น

ทุ่นตกปลาเคลื่อนไหว ในที่สุดก็มีผลประกอบการ

ปลาตะเพียนหนักหนึ่งจินกว่าสามารถนำมาทำน้ำแกงหรือผัดถั่วได้

เลิศรส!

เตรียมเลิกงาน

เซียวอี้กลับพูดขึ้น “ปลาตัวนี้เล็กเกินไป ข้ากินอาหารปริมาณมาก คุณหนูสี่ตกปลาอีกนสองตัวเป็นเพื่อนข้าเถิด”

เยียนอวิ๋นเกอกระแอมไอเสียงเบา “อากาศหนาว ข้าขอตัวก่อน ท่านค่อย ๆ ตกปลาไป ห่างจากเวลาเที่ยงยังมีเวาอีกระยะหนึ่ง ไม่รีบ”

เมื่อพูดจบ นางก็เก็บไม้ตกปลา หิ้วถังน้ำจากไป

เซียวอี้ไม่ได้รั้ง เขามองนางเดินจากไป พลันก้มหน้ายิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความดีใจ

อาเป่ยพร่ำบ่น!

“นายน้อยเซียวเขา…”

“อย่าเอ่ยถึงเขา!” เยียนอวิ๋นเกอพูดขัดอาเป่ย “คำพูดของเขาอย่าได้ใส่ใจแม้แต่น้อย เข้าใจหรือไม่”

อ้อ!

“บ่าวไม่ได้พูดสิ่งใดทั้งนั้น เหตุใดคุณหนูต้องกังวลเพียงนี้ หรือว่าคุณหนูมีความคิดเหมือนบ่าว ดูออกว่านายน้อยเซียวชื่นชอบคุณหนูหรือเจ้าคะ”

“ชื่นชอบอันใดกัน อย่าพูดจาเหลวไหล!”

อาเป่ยพึมพำเสียงเบา “นายน้อยเซิ่นกับนายน้อยเซียวล้วนดีมาก ผู้หนึ่งเป็นบัณฑิต อีกผู้หนึ่งเป็นแม่ทัพ อีกทั้งยังมีรูปลักษณ์ที่งดงาม คุณหนูจะเลือกคนใดกัน หากคุณหนูไม่เลือกทั้งสองคน ท่านหญิงก็คงจะหมั้นหมายคุณหนูให้นายน้อยเซิ่นด้วยตนเอง ความจริงแล้วนายน้อยเซิ่นก็ไม่เลว สุภาพ…”

เยียนอวิ๋นเกอยอมแพ้ต่อนาง นางเรียกชื่อของสาวรับใช้อาสี่ “อาสี่ เจ้าปิดปากของอาเป่ยแทนข้า อย่าให้นางพูด”

อาสี่ตอบรับด้วยความดีใจ นางกระโดดขึ้นมาปิดปากของอาเป่ย

สาวรับใช้ทั้งสองวิ่งไล่กันด้วยความคึกคัก

เยียนอวิ๋นเกอไม่คิดเรื่องใดทั้งสิ้น

เซิ่นซูเหวินหรือเซียวอี้ล้วนเป็นเพียงแค่หมอกควัน

เวลาเพียงหนึ่งดอกธูป เซียวอี้ก็หิ้วปลาเฉาตัวใหญ่กลับมาสองตัว

ผลประกอบการมากมาย

ก่อนหน้านี้พร่ำบ่นเป็นเวลานาน ตกปลาไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว

สุดท้ายเมื่อนางจากมา เพียงชั่วพริบตาก็ตกปลาเฉาหนักสี่ห้าจินขึ้นมาได้สองตัว

ใช้ได้!

เริ่มแรกที่ตกปลาไม่ได้เพราะจงใจใช่หรือไม่!

เยียนอวิ๋นเกอถามเขา “ท่านอยากกินอย่างใด”

“ขึ้นอยู่กับเจ้า ข้าฟังเจ้า”

มุมปากของเยียนอวิ๋นเกอกระตุก น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนเกินไป นางไม่คุ้นชินเล็กน้อย

“พูดแบบปกติได้หรือไม่”

“วันนี้ข้าดีใจ ดังนั้นจึงพูดจาอ่อนโยนอย่างมาก”

เขายังมีเหตุผลอีก!