ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขานี้

เมื่อคนของสำนักจันทร์จรัสแสงมองสำรวจดรุณีน้อยที่น่ารักงดงามราวกับไร้พิษภัยต่อสิ่งมีชีวิต พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเข้าใกล้นาง

และพอได้ยินว่านางจะติดตามพวกมันกลับสำนักจันทร์จรัสแสงด้วย พวกมันก็ทำได้แค่ยิ้มออกมาอย่างฝืนๆเท่านั้น

“แม่นางท่านนี้ มิทราบจะให้พวกเราเรียกหาท่านอย่างไร?”

ป๋ายลี่หงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะพยายามฝืนยิ้มกล่าวถามออกไป

“สื่อเอ๋อ”

ดรุณีน้อยชุดม่วงกล่าวตอบด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว ขณะเดียวกันนางก็หันมาขยิบตาให้ต้วนหลิงเทียนรอบหนึ่ง ทำให้ต้วนหลิงเทียนถึงกับพูดไม่ออก

ข้าไม่เคยเจอนางจริงๆเหรอ?

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวตนของดรุณีน้อยชุดม่วงไม่น้อย

‘ไม่รู้ว่านางจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับชือเม่ยหรือไม่…ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้มันก็จะบังเอิญเกินไปแล้ว?’

ต้วนหลิงเทียนลอบคิดในใจ

“เมื่อครู่ ทำไมเจ้าต้องช่วยข้าทุบตีมันด้วยล่ะ?”

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงผ่านปราณแท้ไปถามนาง

“เพราะเจ้าเป็นคนเดียวในคนกลุ่มนี้ที่ใส่ชุดสีม่วง!”

คำตอบนี้ของดรุณีน้อยทำให้ต้วนหลิงเทียนไปไม่เป็น พูดอะไรไม่ถูกไปพักหนึ่ง “แค่เรื่องนี้ เจ้าถึงกับช่วยข้าทุบตีผู้คนเลยหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนไม่รู้จะกล่าวคำไหนเลยดีจริงๆ ตอนแรกเขาคิดว่าดรุณีน้อยนางนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับชือเม่ยเสียอีก เพราะทันทีที่อีกฝ่ายปรากฏตัวออกมาก็ส่งเสียงถามเขา

แต่มาตอนนี้เขารู้แล้วว่าไฉนตอนแรกนางถึงได้ส่งเสียงงถามเขาอย่างคึกคัก!

เพราะเขาใส่ชุดสีม่วงแบบเดียวกับนาง!

ในกลุ่มคนของสำนักจันทร์จรัสแสงมีเขาใส่ชุดสีม่วงเพียงคนเดียว อันที่จริงชุดที่เขาสวมใส่ประจำมันก็มีแค่สีม่วงเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นชีวิตที่แล้วหรือชีวิตนี้ เขาก็ต้องตาพึงใจแต่สีม่วง

“เป็นแม่นางสื่อเอ๋อนี่เอง”

ป๋ายลี่หงไม่ทันสังเกตเห็นตอนที่นางขยิบตาให้ต้วนหลิงเทียน เนื่องจากมันเองก็ไม่กล้ามองสบตาอีกฝ่าย เพราะจะอย่างไรเสียนี่ก็คือสัตว์เซียนขอบเขตเซียน!

“แม่นางสื่อเอ๋อ”

ตอนนี้เองอาวุโสของสำนักจันทร์จรัสแสงอีก 2 คนก็เร่งมาคารวะทักทายดรุณีน้อยด้วยความสุภาพ ด้วยกลัวว่าพวกมันจะทำให้นางขุ่นเคืองหากไม่สุภาพนอบน้อม

เมื่อเห็นอาวุโสฝ่ายในทั้ง 3 เร่งรุดไปคารวะทักทายสาวน้อย เหล่าศิษย์ฝ่ายในทั้งหลายก็ไม่กล้าละเลย

กระทั่งจงหั่วที่ถูกนางทุบตีจนเละ ก็เร่งมาโค้งคารวะทักทายนางหลังกินโอสถเซียนจนอาการทุเลาลง

ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำให้มันอับอายขายหน้า แต่จงหั่วก็ไม่กล้ามีความคิดมุ่งร้ายต่อนาง

ล้อกันเล่นหรือไร!?

อีกฝ่ายเป็นถึงสัตว์เซียนขอบเขตเซียน!

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มันยังพึ่งอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนด้วยซ้ำ เกรงว่าต่อให้มันทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนแล้ว มันก็ไม่น่าจะเป็นคู่มือให้นางได้ด้วยซ้ำ!

ตั้งแต่ที่นางกล้าไปเยือนสำนักจันทร์จรัสแสงแบบนี้ เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้มีความกริ่งเกรงอะไรต่อสำนักจันทร์จรัสแสงแม้แต่น้อย หาไม่แล้วคงไม่วู่วามเช่นนี้

“ศิษย์น้อง!”

เมื่อเห็นว่ามีเพียงต้วนหลิงเทียนที่ไม่รีบเข้ามาคารวะทักทายดรุณีน้อย และยืนหัวโด่อยู่คนเดียว ป๋ายลี่หงก็เร่งส่งเสียงผ่านปราณแท้มาเตือนด้วยความหวาดกลัวทันที

และตอนนี้เองคนอื่นๆก็เห็นเรื่องนี้แล้วเช่นกัน

“แม่นางสื่อเอ๋อ”

เมื่อเห็นความกังวลใจของป๋ายลี่หงต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง เขาจึงพยักหน้าทักทายดุรณีน้อยทันที

เมื่อเห็นทีท่าสบายๆของต้วนหลิงเทียนป๋ายลี่หงถึงกับหน้าเสีย!

สำหรับคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจงหั่วกลับรู้สึกชอบใจอยู่บ้าง เพราะคิดว่าต้วนหลิงเทียนน่าจะถึงคราวซวยเหมือนมันแล้ว!

อย่างไรก็ตามการตอบสนองของดรุณีน้อยชุดม่วงถึงกับทำให้พวกมันอึ้งไปเป็นตัวโง่งม

“เจ้าไม่เลวเลย! แถมท่าทางพวกเราจักมีรสนิยมเหมือนกันอีก ข้าเองก็ชอบใส่ชุดสีม่วงนัก! ในโลกนี้สีม่วงสวยงามที่สุด ส่วนสีเขียวนี่…แหวะ! น่าเกลียดยิ่ง!”

ดรุณีน้อยพยักหน้าให้ต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะหันไปมองจงหั่วพร้อมขมวดคิ้ว “ไฉนโลกหล้าถึงมีตัวรสนิยมต่ำตมถึงเพียงนี้ได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเจ้ากล้าใส่ชุดสีเขียวนี่เดินออกนอกบ้าน…”

จังหวะนี้ทุกคนถึงกับพูดอะไรไม่ออก

ในสายตาท่านเห็นดีแต่สีม่วงรึ?

ใส่ชุดเขียวกลับกลายเป็นรสนิยมต่ำตม?

ได้ยินวาจานี้ของดรุณีน้อยชุดม่วง มุมปากต้วนหลิงเทียนถึงกับกระตุกขึ้นมาตงิดๆ อีกฝ่ายไม่ได้เล่นงานจงหั่วเพราะเขาหันมองอย่างเดียว แต่ที่แท้ยังเพราะนางเกลียดชังสีเขียว?

จังหวะนี้ทุกผู้คนก็เข้าใจเรื่องราว

อดไม่ได้ที่สายตาทั้งหลายจะหันไปมองร่างจงหั่วที่ยังสาหัสด้วยสายตาเวทนาสงสาร

จงหั่วที่ได้ยินคำนี้ของดรุณีน้อยก็แทบจะกระอักเลือดเสียให้ได้!

ในใจยังคิดไปว่ากลับไปถึงสำนักเมื่อใด มันจะกลับไปคุ้ยชุดสีเขียวในตู้ทั้งหมดมาเผาเสียให้วอด!

มาตอนนี้มันก็เข้าใจแล้วว่าไฉนดรุณีน้อยนางนี้ถึงได้จ้องเล่นงานมันแต่เพียงผู้เดียว ที่แท้เพราะมันใส่ชุดเขียวที่นางรังเกียจ!

รองเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสง จงหั่ว ผู้น่าเกรงขาม กลับถูกสัตว์เซียนขอบเขตเซียนหาเรื่องทุบตีเพราะใส่ชุดผิดสี!

ศิษย์ฝ่ายในทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะคิดกันไปว่า หากข่าวนี้แพร่ไปในสำนักต้องเป็นเรื่องเด่นประเด็นร้อนแน่นอน

การที่ดรุณีน้อยนางนี้ชมชอบสีม่วงพวกมันก็ไม่ได้แปลกใจอะไร

หลังจากทั้งหมดแล้ว ร่างที่แท้จริงของนางก็เป็นวิหกตัวเขื่องสีม่วง

แต่การที่ดรุณีน้อยรังเกียจสีเขียวนี่ ต้องบอกเลยว่าเป็นจงหั่วมันดวงตก ถึงคราวเคราะห์แล้วจริงๆ

พริบตานี้ไม่เพียงแต่จงหั่ว กระทั่งทุกคนในที่นี้ยกเว้นต้วนหลิงเทียน ยังคิดไปในทำนองเดียวกัน ว่าหากกลับไปถึงสำนักเมื่อใด จะเร่งคุ้ยชุดสีเขียวที่มีทั้งหมดออกมาเผาให้วอด

จงหั่วนับเป็นบทเรียนอย่างดี!

ตอนนี้กระทั่งตัวจงหั่วเองก็ไม่ทราบเลยว่า เรื่องราวในวันนี้จะกลับกลายเป็นที่เล่าขานไปในสำนักจันทร์จรัสแสงอีกนาน กระทั่งผ่านไปนับร้อยปี เรื่องนี้ผู้คนยังไม่ลืม

แน่นอนว่ามันกลายเป็นเรื่องชวนหัวคลายเครียดได้เป็นอย่างดี

เรื่องราวนี้กลับกลายเป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตของจงหั่ว กระทั่งจวบจนวินาทีสุดท้ายก่อนที่มันจะตาย มันก็ยังปวดปร่าใจไม่น้อยที่มันใส่ชุดเขียวมาวันนี้

อย่างไรก็ตามนี่เป็นเรื่องราวในภายหลัง

ด้วยประการฉะนี้ คนของสำนักจันทร์จรัสแสงจึงกลับสำนักโดยมีดรุณีน้อยติดตามไปด้วย

หากเลือกได้พวกมันก็ไม่อยากให้นางติดตามไปนักหรอก

แต่พวกมันยังมีทางเลือกด้วยหรือ?

ในขณะที่คนของสำนักจันทร์จรัสแสงเดินทางกลับสำนัก ด้านชือเม่ยก็มาถึงรังลับของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรเรียบร้อยแล้ว

ทันทีที่นางกลับมาถึง นางก็มุ่งหน้าไปหา ผู้นำ ตลาดมืดหยินชานสาขานี้ทันที

ผู้นำตลาดมืดหยินชาน ก็พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังโตที่ปลูกไว้กลางหุบเขา

ทว่าชือเม่ยกลับเข้าไปในบ้านได้ง่ายดาย กระทั่งเหินลอยลงมาจากฟ้าโดยตรงด้วยซ้ำ

ส่วนข่ายอาคมและค่ายกลป้องกันต่างๆนาๆ คล้ายไม่มีผลกระทบใดๆต่อนางเลย

ในสวนหลังบ้านปรากฏชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำขลิบทองกำลังนอนไขว่ห้างเอนหลังบนเก้าอี้ไม้ปรับเอนอย่างสบายอารมณ์ ทว่าพอมันสัมผัสได้ว่ามีผู้คนบุกรุกเข้ามามันก็เร่งลุกขึ้นมาทันใด

การที่ถูกรบกวนแบบนี้ สีหน้าของมันแน่นอนว่ามิค่อยสู้ดีสักเท่าไร!

อย่างไรก็ตามเมื่อพบว่าผู้ที่บุกรุกเข้ามาจนทำให้มันตื่น ความไม่พอใจบนใบหน้าก็มลายหาย กลับกลายเป็นถูกความเคารพเข้ามาแทนที่

“แม่นางชือเม่ย”

ชายวัยกลางคนที่ผุดลุกขึ้นมาพรวดพราดเร่งโค้งคารวะชือเม่ยอย่างมากมารยาท ความเคารพนี้ของมันยังมาจากใจจริง

ฉากนี้ถ้าให้คนของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรมาเห็น เกรงว่าคงได้ตกใจแทบตาย

ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร ที่ผู้คนมากมายต่างยำเกรง กลับปฏิบัติต่อชือเม่ย นักฆ่า 4 ดาราครึ่งเช่นนี้?

การปฏิบัติตัวของผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร ทำราวกับมันพบพานตัวตนที่อยู่เหนือกว่าอย่างไรอย่างนั้น!

“เพิกถอนภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนของสำนักจันทร์จรัสแสงไปเสีย ข้ามีเรื่องต้องใช้เขา”

เผชิญหน้ากับผู้นำ ชือเม่ยเพียงเหลือบมองด้วยสายตาเฉยเมยกล่าวออกเสียงเรียบ

“ทราบ”

ได้ยินคำของชือเม่ย ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขานี้ก็เร่งพยักหน้ารับคำ โดยไม่ถามไถ่แม้ครึ่งคำ

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากฟังคำสั่งของชือเม่ย มันก็เร่งรุดออกจากบ้านไปดำเนินการเพิกถอนภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนทันที

ครึ่งชั่วยามต่อมา ก็มีคำสั่งสูงสุดถ่ายทอดมาถึงฐานปฏิบัติการตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร

“เพิกถอนภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนศิษย์ฝ่ายในสำนักจันทร์จรัสแสง?”

ได้ยินคำสั่งนี้ หยินหยางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ด้วยไม่ทราบว่าได้ยินอะไรผิดไปหรือไม่

กระทั่งมันได้ยินคำกำชับอีกครั้งว่านี่เป็นคำสั่งที่ผู้นำสาขา ถ่ายทอดออกมาโดยตรง มันก็แน่ใจว่าได้ยินไม่ผิด

“ชือเม่ยคงมิได้พลาดท่าเสียทีเจ้าหนุ่มนั่นเข้าหรอกนะ?”

ไท่หวู่ขมวดคิ้ว

“อาจเป็นได้”

หยินหยางพยักหน้า ทว่าแววตายังเผยความสับสนไม่น้อย “อย่างไรก็ตามแม้ชือเม่ยจะล้มเหลวในการสังหาร…แต่ชือเม่ยจะอย่างไรก็เป็นนักฆ่าระดับ 4 ดาราครึ่งเท่านั้น พวกเรายังมีนักฆ่า 5 ดาราอยู่นี่นา?”

“ยิ่งไปกว่านั้นพลังฝีมือของผู้นำสาขาก็เทียบได้กับนักฆ่า 5 ดารา”

หยินหยางพบว่าเรื่องราวนี้มันแปลกประหลาดไม่น้อย

“หรืออาจมียอดฝีมืออยู่เบื้องหลังต้วนหลิงเทียนคนนั้น…ยอดฝีมือที่กระทั่งผู้นำสาขายังหวาดกลัว?”

ไท่หวู่สันนิษฐาน

“เรื่องนี้เข้าเค้ามิน้อย”

หยินหยางพยักหน้าเห็นด้วย เพราะนอกจากเรื่องนี้แล้วมันก็หาเหตุผลอื่นมารองรับไม่ได้เลย

“มาตอนนี้ข้าชักอยากรู้จักต้วนหลิงเทียนของสำนักจันทร์จรัสแสงนัก”

ไท่หวู่กล่าวออกด้วยประกายตาเรืองวูบ

พลังฝีมือของไท่หวู่นั้น เทียบได้กับนักฆ่าระดับ 5 ดารา!

“ไท่หวู่ เจ้าอย่าได้ฝ่าฝืนคำสั่งเด็ดขาด! นี่เป็นคำสั่งโดยตรงที่ส่งมาจากท่านผู้นำสาขา เจ้าเองก็สมควรรู้นิสัยท่านผู้นำดี…ผู้ใดหาญกล้าขัดคำ ล้วนมิได้ตายดีสักคน!”

หยินหยางเร่งกล่าวเตือนออกมาทันที เมื่อได้ยินคำของไท่หวู่

“เจ้าวางใจได้ ข้าเพียงบอกว่าอยากรู้เรื่องราวของต้วนหลิงเทียน มิได้จะลงมืออันใด”

ไท่หวู่กล่าว

พอคิดถึงผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร ไท่หวู่เองก็เผยความยำเกรงไม่น้อย

ตอนที่มันมาถึงสาขานี้ปีแรก มันก็ได้เอาชนะยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่นี่ได้ทั้งหมด ทว่าสุดท้ายมันกลับปราชัยให้แก่คนผู้หนึ่ง

กระทั่งผู้ที่ยัดเยียดความปราชัยให้มัน ยังลงมือเพียงกระบวนท่าเดียว! พลังฝีมือนับว่าต่างชั้นกันเกินไป!!

และผู้ที่เอาชนะมันได้ก็คือผู้นำตลาดมืดสาขา 9 พันธมิตรนั่นเอง

ไม่นานภารกิจที่หลิวฮ่วนจ้างวานฆ่าต้วนหลิงเทียนก็ถูกตลาดมืดหยินชานเพิกถอน

ขณะเดียวกันทางด้านต้วนหลิงเทียน และคนอื่นๆ ในที่สุดก็กลับมาถึงสำนักจันทร์จรัสแสงโดยสวัสดิภาพ

ต้วนหลิงเทียนโล่งใจไม่น้อยเมื่อดรุณีน้อยในชุดม่วง อันมีร่างที่แท้จริงเป็นสัตว์เซียนขอบเขตเซียนอย่างเผิงอัสนีเมฆม่วงเลิกจับตาดูเขา

ถึงแม้ดุรณีน้อยนางนี้จะปฏิบัติกับเขาด้วยดี แต่พอนึกถึงเรื่องที่นางสามารถฆ่าเขาให้ตายได้ง่ายดาย ใจเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นเกรงทุกครั้ง

‘ไม่รู้ว่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงที่มีอยู่น้อยคนจะรับมือนางได้รึเปล่า…’

คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ใจต้วนหลิงเทียนก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที