บทที่ 168 แผนการ

บทที่ 168 แผนการ

“ขอบคุณสำหรับเรื่องก่อนหน้านี้ด้วยนะ” หลังจบงานเลี้ยง หวังจื่อหมิงเอ่ยขอบคุณออกมา “หากไม่ใช่เพราะนาย ฉันก็คงซื้อของปลอมนั่นมาแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะไม่ได้แค่เป็นตัวตลกของวงการ แต่ยังจะถูกพ่อด่าเอาด้วย”

เพราะพ่อของเขาชอบผลงานของอาจารย์หลี่เยี่ยนจื่อ หวังจื่อหมิงจึงคิดประมูลภาพวาดดังกล่าวมา แม้ว่าราคาสูงไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าพอรับได้

นับเป็นโชคดีที่อู๋ฝานหยุดตนเอาไว้ได้ทัน ช่วยไม่ให้ถูกหลอกจนสูญเสียครั้งใหญ่

“ผมเองก็เพิ่งเห็นมันตอนหลังครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

“คำว่าเพิ่งเห็นของนาย มันเป็นความสามารถที่เหนือกว่าทุกคนที่เข้าร่วมประมูลด้วยซ้ำนะ” หวังจื่อหมิงหัวเราะตอบรับ “ตอนประมูลไม่มีใครเห็นยกเว้นนาย กระทั่งโรงประมูลก็ยังไม่รู้”

หวังจื่อหมิงเคยนึกนับถืออีกฝ่ายตั้งแต่ตอนที่สามารถประเมินวัตถุโบราณอย่างผลงานส่งแขกกลับได้อย่างถูกต้องแล้ว และคืนนี้เขาก็ยิ่งนับถือความสามารถดังกล่าวมากขึ้นไปอีก

อู๋ฝานยิ้มรับ ไม่ได้ตอบคำใดกลับ

บรรดาผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการศึกษาโบราณวัตถุกันมายาวนานหลายปี ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าทุกอย่างที่พวกเขาตรวจสอบจะเป็นของแท้ทั้งหมด แต่มีวิชาตรวจสอบนั้นแตกต่างออกไป ตราบเท่าที่ใช้วิชาตรวจสอบ มันจะไม่มองข้ามข้อผิดพลาด และมันคือสิ่งที่จะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด ดังนั้นจึงไม่ใช่อะไรที่จะมีใครสามารถมาเทียบเปรียบได้

“วันนี้นายยั่วยุเจียงอวี่ไป แล้วเรื่องมันก็เกี่ยวข้องกับฉันด้วย ถ้ามันไปทำอะไรนายเข้า มาบอกฉัน ฉันจะช่วยหาทางคลี่คลายให้” หวังจื่อหมิงบอกกับอู๋ฝาน

ชายหนุ่มเปิดเผยว่าภาพวาดเป็นของปลอมต่อหน้าผู้คน เจียงอวี่ย่อมต้องเกิดความรู้สึกเกลียดชังฝังลึก อาศัยจากที่หวังจื่อหมิงรู้จักอีกฝ่ายดี เจียงอวี่จะไม่มีทางปล่อยอู๋ฝานไปง่าย ๆ แน่ มีโอกาสสูงที่จะหาทางล้างแค้น

อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ “ระหว่างพี่หวังกับเจียงอวี่มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ?”

ถ้าตาไม่บอด ก็ต้องรู้ได้ทันทีว่าเจียงอวี่และหวังจื่อหมิงไม่ถูกกันอย่างออกหน้า เพียงแต่อู๋ฝานยังสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเขา

หวังจื่อหมิงพยักหน้าตอบรับ “มีเรื่องกันอยู่บ้าง แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไร พวกเราถือเป็นคนในแวดวงเดียวกัน แต่ในแวดวงใหญ่ มันก็ต้องประกอบด้วยแวดวงเล็ก ๆ ย่อยลงมา ทั้งฉันและเขาถือว่าอยู่แวดวงเล็กคนละวงกัน อันที่จริงพวกเราก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้ากันด้วยซ้ำ”

อู๋ฝานพยักหน้ารับเป็นการเข้าใจ

คนดังเช่นหวังจื่อหมิงและเจียงอวี่ เพียงมองก็ทราบได้ว่ามาจากตระกูลที่มั่งมี ไม่แปลกหากจะมีความอหังการอวดดีไปทั่วในเจียงโจว ดังนั้นย่อมเกิดความคาดหวังว่าจะสามารถข่มผู้อื่นได้ จนสุดท้ายเพียงเพราะเรื่องนั้น จึงนำข้อพิพาทมาสู่คนทั้งสอง

เดิมทีชายหนุ่มก็ไม่คิดอยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้อยู่แล้ว แต่เพราะเขาเป็นคนช่วยพูดแทนหวังจื่อหมิงในค่ำคืนนี้ ดังนั้นย่อมตกเป็นเป้าความแค้นของเจียงอวี่ไปโดยปริยาย

หวังจื่อหมิงขับรถพาอู๋ฝานมาส่งถึงบ้าน ก่อนอีกฝ่ายจะลงจากรถ หวังจื่อหมิงเผยยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “โรงประมูลจะโอนเงินให้พรุ่งนี้ นายกำลังจะกลายเป็นเศรษฐีคนหนึ่งแล้ว มีแผนการอะไรบ้างไหม? ซื้อรถ? หรือว่าซื้อบ้าน?”

“ผมมีแผนจะเปิดร้านอาหารอยู่แล้วครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “ตกลงหาหน้าร้านเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย ตอนนี้เลยต้องการหาเงินไปจ่าย หลังได้รับเงินแล้ว ผมจะใช้ซื้อหน้าร้านตามที่ตกลงเอาไว้ก่อน การตกแต่งร้านก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน แรก ๆ น่าจะยังมีเรื่องต้องใช้เงินอีกหลายอย่าง ถ้าเบ็ดเสร็จแล้วยังพอเหลือ ผมก็อาจจะซื้อรถสักคันหนึ่ง เพราะไม่มีรถบางครั้งก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่น่ะครับ”

พูดถึงเรื่องรถ อู๋ฝานเกิดนึกถึงป้ายพาหนะในกระเป๋าหลังขึ้นมาได้ มันเป็นป้ายที่ไม่ได้ถูกจำกัดในโลกแห่งเกม หมายความว่าสามารถใช้งานได้ทั้งโลกแห่งเกมและโลกแห่งความเป็นจริง อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ได้ตามที่เขาต้องการได้อีกด้วย

ด้วยเหตุดังกล่าว จึงเท่ากับเขามีรถในโลกความเป็นจริงแล้ว ดังนั้นการบอกกล่าวหวังจื่อหมิงว่าจะซื้อรถนั้นเป็นเพียงข้ออ้าง

“อยากเปิดร้านอาหารเหรอ?” หวังจื่อหมิงดูประหลาดใจไปบ้าง เขาไม่เคยได้ยินอู๋ฝานพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน ถึงแบบนั้นก็พยักหน้าตอบรับทันที “ไม่แปลก นายมีฝีมือทำอาหารชั้นแนวหน้า ตอนนี้ก็มีเงินระดับหนึ่งแล้ว คิดจะเปิดร้านอาหารก็เป็นตัวเลือกที่ดี แล้วร้านนั้นอยู่ที่ไหนกันล่ะ? ไว้ถึงเวลาฉันจะไปใช้บริการแน่นอน”

“เป็นสถานที่ที่พี่หวังคุ้นเคยดีเลยครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “อยู่เยื้องฝั่งตรงข้ามถนนจากร้านคัลเลอร์แมนมาเล็กน้อยครับ ทั้งสองร้านตั้งอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน”

“เยื้องตรงข้ามกับร้านคัลเลอร์แมน?” เป็นอีกครั้งที่หวังจื่อหมิงต้องชะงัก เขาไม่คิดว่าอู๋ฝานจะเปิดร้านอาหารที่ฝั่งตรงข้ามของร้านคัลเลอร์แมน ต้องย้ำว่าแม้ทำเลตรงนั้นจะค่อนข้างดี การสัญจรก็หนาแน่น แต่กิจการแวดวงเดียวกันส่วนใหญ่ถูกร้านคัลเลอร์แมนชิงเอาไปหมดแล้ว นั่นทำให้การค้าของร้านอาหารอื่นในบริเวณนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

“เปิดตรงนั้นได้ต้องมีความมั่นใจมากเลยนะ” หวังจื่อหมิงยิ้มตอบ

การที่อู๋ฝานจะเปิดร้านตรงข้ามกับร้านคัลเลอร์แมน เป็นการบ่งบอกว่ามีความมั่นใจในร้านของตัวเองมาก และไม่กลัวการแข่งขันกับคัลเลอร์แมนด้วย

“ใช่ครับ” อู๋ฝานมีความมั่นใจในฝีมือการทำอาหาร เหมือนที่มั่นใจในวิชาตรวจสอบ “และนอกจากผมแล้ว ยังมีเชฟอีกคนในร้านด้วยครับ พี่หวังรู้จักคนนี้ดี”

“ฉันรู้จัก?”

“ใช่ครับ เป็นเชฟหลิวอี้เตา!” อู๋ฝานตอบรับ

“เชฟใหญ่หลิวอยู่กับนายเหรอเนี่ย?” หวังจื่อหมิงอุทานร้อง

ฝีมือหลิวอี้เตาเป็นยังไง หวังจื่อหมิงทราบและยอมรับดี หลังหลิวอี้เตาออกจากร้านคัลเลอร์แมน หวังจื่อหมิงยังนึกเสียดายอยู่นาน กระทั่งคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ทานอาหารของอีกฝ่ายแล้ว ไม่ได้นึกว่าตอนนี้เขาจะไปทำงานกับอู๋ฝาน

“ใช่ครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “ผมรับเขาเป็นศิษย์ ตอนที่เปิดร้าน ผมจะสอนเขาอย่างจริงจัง ในอนาคตหัวหน้าเชฟของร้านอาหารก็จะเป็นเขาครับ ไม่ใช่ผม”

อู๋ฝานไม่คิดใช้เวลาทั้งหมดขลุกตัวอยู่ในครัว เขายังมีอีกหลายเรื่องต้องจัดการ เช่นทรัพยากรทั้งหลายจากอีกโลกหนึ่ง เขาย่อมไม่พอใจเพียงแค่การเปิดร้านอาหาร แต่ต้องการประสบความสำเร็จในด้านอื่นด้วยเช่นเดียวกัน

“นายรับเชฟใหญ่หลิวเป็นศิษย์?” ในคืนนี้หวังจื่อหมิงได้ทราบเรื่องราวชวนงงงวยไม่น้อย เพียงแต่ที่เกินคาด คือการที่เรื่องราวแปลก ๆ ทั้งหมดทยอยออกมาจากอู๋ฝานเพียงคนเดียว

“ใช่ครับ” อู๋ฝานตอบรับ “ด้วยฝีมือเขาและผมที่เป็นอาจารย์สอน ผมเชื่อว่าในอนาคตเขาจะเป็นหัวหน้าเชฟที่ร้านอาหารใหม่ของผมได้อย่างแน่นอน”

“ไม่มีอะไรน่าห่วงเลยด้วยซ้ำ!” หวังจื่อหมิงตอบรับ “เชฟใหญ่หลิวเคยเป็นหัวหน้าเชฟที่ร้านคัลเลอร์แมนมาแล้ว”

“หัวหน้าเชฟของคัลเลอร์แมน ยังไม่ดีพอจะเป็นหัวหน้าเชฟของร้านอาหารผมหรอกนะครับ!” อู๋ฝานกล่าวคำด้วยความเชื่อมั่น “ร้านอาหารของผมจะต้องเยี่ยมที่สุดในเจียงโจวหรือในประเทศนี้! แค่ร้านระดับคัลเลอร์แมนเหรอจะเทียบได้?”

อู๋ฝานมีความมั่นใจในเรื่องนี้ ด้วยทักษะการทำอาหารและการสนับสนุนด้านวัตถุดิบจากอีกโลกหนึ่ง ร้านอาหารของเขาจะต้องได้รับความนิยมยิ่งกว่าที่ร้านคัลเลอร์แมนเคยเป็น และจะต้องโด่งดังไปทั่วประเทศ

ไม่ว่าจะทำได้หรือไม่ เขาก็จะทำให้ดีที่สุด!

หวังจื่อหมิงรับรู้ได้ถึงความมั่นใจอันแรงกล้าในตัวอู๋ฝาน และด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนพูดขายฝัน แต่สามารถทำได้จริงดังคำที่พูด