บทที่ 169 คุณเป็นเชฟ

บทที่ 169 คุณเป็นเชฟ

เมื่อกลับมาที่โลกแห่งเกม อู๋ฝานยังคงต้องเร่งรีบเดินทาง วันนี้ไม่มีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้นเพิ่มเติม การเร่งเดินทางดำเนินไปโดยราบรื่น

เพราะความตายของอวี่เฟย เป็นเหตุให้ค่ายวิหคในปัจจุบันมีโจวซานขึ้นบัญชาการ เป็นเหตุให้ไม่มีใครมาสร้างปัญหาให้กับอู๋ฝานและหน่วยของเขาอีก

เช้าวันที่สอง เมื่ออู๋ฝานกลับมาอีกโลกและออกกำลังกายเสร็จ ก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนจากทางธนาคาร ก่อนจะตามมาด้วยสายโทรเข้าจากหวังจื่อหมิง

“ฮ่า ฮ่า อู๋ฝาน นายได้ข้อความแล้วใช่ไหม? เงินถึงบัญชีนายเรียบร้อยดีแล้วมั้ง?” หวังจื่อหมิงพูดผ่านสายโทรศัพท์ “หลังหักค่าธรรมเนียมบริการแล้ว พวกเราแบ่งกันได้คนละสี่สิบล้านสามแสนเจ็ดหมื่นหยวน ฉันเพิ่มให้มันเป็นเลขกลม ๆ ไป ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ”

อู๋ฝานยังคงมองที่ข้อความ เพราะมันแสดงยอดเงินสี่สิบเอ็ดล้านที่มาถึงบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

จู่ ๆ บัญชีเขาก็มีเงินกว่าสี่สิบเอ็ดล้าน แม้ว่าอู๋ฝานเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เมื่อเห็นตอนนี้ก็ยังใจเต้นรัวอยู่ดี

เมื่อวานเขายังเป็นคนแร้นแค้นคนหนึ่งที่พึ่งพากิจการบาร์บีคิวซึ่งกำลังโด่งดังอยู่เลย กว่าจะเก็บออมจนมีเงินห้าหลักยังถือเป็นเรื่องยาก ทันใดนั้นวันนี้กลับกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านอย่างกะทันหัน ความแตกต่างที่เกิดขึ้นในช่วงเวลามันค่อนข้างใหญ่ไม่ใช่น้อย

“พี่หวัง ได้รับเงินแล้ว ขอบคุณมากครับ” อู๋ฝานตอบรับด้วยความตื้นตัน

“ขอบคุณอะไร เป็นเงินที่นายควรได้อยู่แล้ว” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “พูดไปแล้ว ฉันยังดูเป็นคนฉวยโอกาสเอาเปรียบนายมากกว่าเลย ไม่ได้ทำอะไรแต่กลับได้มาสี่สิบล้าน”

คนทั้งสองต่างก็ได้รับเงินจำนวนมาก และความดีความชอบนั้นค่อนข้างจะเป็นของอู๋ฝานมากกว่า

หลังวางสายจากหวังจื่อหมิง อู๋ฝานก็เรียกแท็กซี่ไปยังหน้าร้านที่เคยพูดคุยตกลงกันเอาไว้ และภายในรถ เขายังติดต่อหาเจ้าของร้านเดิมอย่างเถ้าแก่เฉียนเพื่อนัดพบ

ตอนที่อู๋ฝานมาถึง เถ้าแก่เฉียนยังไม่มา เขาจึงมองร้านที่ถูกปิดล็อคแน่นหนา พลางพึมพำกับตัวเองด้วยอาการตื่นเต้นยินดี “ร้านนี้ ไม่นานจะเป็นของเราแล้ว!”

“คุณอู๋ โทรเรียกผมเร่งด่วนแบบนี้ หาเงินมาได้ครบแล้วเหรอครับ หรือว่าไม่คิดซื้อแล้ว? พวกเราได้ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าต่อให้ไม่ซื้อ เงินมัดจำก็ไม่สามารถคืนได้นะครับ” ขณะที่อู๋ฝานสำรวจร้านที่กำลังจะเป็นของตนในไม่ช้า เสียงของเถ้าแก่เฉียนก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“เถ้าแก่เฉียนมาแล้วเหรอครับ?” อู๋ฝานหันกลับมองอีกฝ่าย “เงินพร้อมแล้วต่างหากครับ ผมมาเพื่อจ่ายเงินและทำสัญญาซื้อขายให้เรียบร้อย”

“เงินพร้อมแล้วเหรอครับ? เร็วขนาดนี้เชียว?” เถ้าแก่เฉียนถึงกับถามด้วยความประหลาดใจ

ครั้งก่อนที่เจอกัน เถ้าแก่เฉียนเห็นว่าอู๋ฝานค่อนข้างชอบร้านนี้ ในขณะเดียวกันเขาก็ยังได้เห็นว่าอีกฝ่ายดูค่อนข้างยากลำบาก ไม่น่าจะมีเงินมากมาย จึงไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถรวบรวมเงินจนครบรวดเร็วถึงขนาดนี้

“ครับ พอดีมีวิธีหามาน่ะครับ” อู๋ฝานตอบรับ

เถ้าแก่เฉียนยกนิ้วโป้งให้อู๋ฝานพร้อมกับตอบรับ “คุณอู๋ยอดเยี่ยมเกินไปแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นก็มาทำสัญญาอย่างเป็นทางการให้เรียบร้อยเลยก็แล้วกันนะครับ”

ในปัจจุบันเถ้าแก่เฉียนกำลังขาดแคลนเงินสด การที่อู๋ฝานสามารถหาเงินมาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ ทำให้เขาพึงพอใจมาก

หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายต่างลงนามทำสัญญากันอย่างเป็นทางการ หลายขั้นตอนต้องใช้เวลาเกือบครึ่งวันกว่าจะแล้วเสร็จ กระทั่งช่วงบ่ายเรื่องราวจึงเสร็จสิ้นเรียบร้อยอย่างเป็นทางการ

“นับจากนี้ที่นี่เป็นของเถ้าแก่อู๋แล้ว ผมขอให้กิจการของเถ้าแก่อู๋รุ่งเรืองนะครับ” หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เถ้าแก่เฉียนจึงกล่าวคำอวยพรแก่อู๋ฝาน กระทั่งเปลี่ยนสรรพนามการเรียกหา

อย่างไรก็ตาม หลังได้ทราบว่าอู๋ฝานตั้งใจเปิดร้านอาหารต่อไป เถ้าแก่เฉียนก็ไม่คิดว่าร้านของอีกฝ่ายจะดำเนินไปได้ด้วยดีเท่าไหร่นัก ตัวเขาเองเคยทำกิจการที่นี่มาแล้ว เพื่อให้ร้านอาหารผ่านไปได้ด้วยดี เขาจึงต้องลงทุนไปกับการตกแต่งอย่างมหาศาล ทั้งยังด้านการบริการ หรือเชฟ เพียงแต่สุดท้ายก็ยังไม่อาจทำให้ดีเทียบเท่าร้านคัลเลอร์แมนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน กระทั่งถูกอีกฝ่ายสะกดข่มด้วยซ้ำ

อู๋ฝานที่ยังหนุ่มแน่น เถ้าแก่จึงไม่คิดว่าเขาจะมีความสามารถพอจะเปลี่ยนสถานการณ์ของที่นี่ได้ อาจเพราะยังเป็นคนหนุ่ม และคนหนุ่มค่อนข้างหัวแข็ง ดังนั้นจึงอาจคิดอยากลองสักครั้ง

ดังนั้นการที่เถ้าแก่เฉียนกล่าวคำเหล่านี้กับอู๋ฝานจึงถือเป็นมารยาท ไม่ใช่คำจากใจจริง

“ขอบคุณครับ” อู๋ฝานตอบรับ “ถ้าในอนาคตเถ้าแก่เฉียนมีเวลา ก็แวะเวียนกลับมารับชมหรือใช้บริการได้ ผมรับประกันว่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงแน่นอนครับ”

อู๋ฝานเองก็ทราบดี ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เชื่อว่าตนจะสามารถเอาชนะร้านคัลเลอร์แมนและปักหลักอยู่ที่นี่ได้ แต่ชายหนุ่มมีความมั่นใจในตัวเองสูงล้ำ

“แน่นอนครับ ไว้ผมจะหาโอกาสแวะมา ไว้ตอนนั้นคงได้พบกันอีกครั้งนะครับ” เถ้าแก่เฉียนตอบรับ

หลังคนทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอีกสักพัก เถ้าแก่เฉียนจึงเดินทางกลับไป ทั้งร้านที่กว้างใหญ่นี้จึงเหลืออู๋ฝานอยู่เพียงคนเดียว

อู๋ฝานโทรหาหลิวอี้เตา ขอให้อีกฝ่ายมาที่นี่

หลังจากนั้นอู๋ฝานก็ไปซื้อข้าวและผักจากซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้เคียง เพื่อทำอาหารจานแรกในร้านของตน

ตอนที่หลิวอี้เตามาถึง บังเอิญเป็นช่วงที่อู๋ฝานกำลังเตรียมอาหาร

“มาแล้วเหรอครับ? บังเอิญดีจัง ทำเสร็จพอดีเลย มาทานด้วยกันก่อนสิครับ” อู๋ฝานกล่าวทักทายอีกฝ่าย

“พอดีผมทานมาเรียบร้อยแล้วครับ แต่พอได้กลิ่นอาหารที่คุณทำ กลับหิวอีกครั้งเสียได้” หลิวอี้เตาไม่มากมารยาทกับอู๋ฝาน ทั้งยังนั่งลงร่วมโต๊ะ แต่หลังทานเข้าไปคำแรก เขากลับต้องชะงัก กระทั่งมองอีกฝ่ายและพูดขึ้น “อาจารย์ ทำไมมาทำอาหารที่นี่ได้กันล่ะครับ?”

“ผมซื้อที่นี่เรียบร้อยแล้วครับ มันเป็นของผมแล้ว แน่นอนว่าผมสามารถทำอาหารที่นี่ได้” อู๋ฝานตอบรับอย่างเรียบง่าย พลางทานต่อ

รสชาติดีเยี่ยม อู๋ฝานครอบครองทักษะการทำอาหารระดับสูง และด้วยพรจากจี้หยกกระเรียนขาว ระดับการทำอาหารของอู๋ฝานจึงก้าวถึงระดับมาสเตอร์ แม้ว่าจะทำเพียงอาหารเมนูทั่วไป แต่รสชาติก็เป็นอะไรที่หาเทียบเปรียบได้ยาก

“อาจารย์ซื้อที่นี่? หาเงินมาได้แล้วเหรอครับ?” หลิวอี้เตาเอ่ยถามด้วยสีหน้าตกใจ

“ใช่ครับ เพิ่งจัดการขั้นตอนอย่างเป็นทางการเสร็จไปตอนเช้า เพราะแบบนั้นผมถึงโทรเรียกคุณมาที่นี่ไงครับ” อู๋ฝานตอบรับ

“ยอดเยี่ยมจริง ๆ เลยครับ!” หลิวอี้เตาตอบรับด้วยอาการตื่นเต้น “อาจารย์ งั้นให้ผมคอยอยู่เป็นผู้ช่วยได้ไหมครับ ผมรู้ดีว่าในครัวต้องทำอะไรบ้าง รับปากว่าจะไม่ให้มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

หลิวอี้เตาคาดหวังมาโดยตลอดว่าอู๋ฝานจะสามารถซื้อที่นี่ได้ เพื่อตัวเขาที่เป็นศิษย์ของอู๋ฝาน จะได้กลับเข้าทำงานในครัวอีกครั้ง หากเทียบกับร้านแผงลอยบาร์บีคิวข้างทาง หลิวอี้เตาชอบที่จะได้อยู่ในครัวมากกว่า

“เป็นผู้ช่วย?” อู๋ฝานส่ายศีรษะ

“ไม่ได้เหรอครับ?” หลิวอี้เตาที่กำลังตื่นเต้นยินดี เห็นอู๋ฝานทำท่าทีถามกลับมาราวปฏิเสธ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด “จริงสินะครับ ผมร้อนใจไปเอง เพิ่งเป็นศิษย์ได้ไม่นาน ถ้าหากอาจารย์ยังไม่อยากสอนอะไรให้ ก็เข้าใจได้ครับ”

หลิวอี้เตาอยู่ในวงการทำอาหารมายาวนานหลายปี ย่อมทราบธรรมเนียมปฏิบัติของบรรดาเชฟที่มีฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์ ว่าการจะสอนศิษย์สักคนหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะกับวิชาอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา ตัวหลิวอี้เตาเองเพิ่งถูกอู๋ฝานรับเป็นศิษย์ได้ไม่นาน อีกฝ่ายจะมีความกังวลใจ ก็ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

“คุณพูดอะไรกันล่ะเนี่ย” อู๋ฝานเห็นหลิวอี้เตาดูเข้าใจผิดก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ พลางตอบกลับ “ผมไม่ให้คุณมาเป็นผู้ช่วย เพราะวางแผนให้คุณเป็นหัวหน้าเชฟของร้านนี้ต่างหากล่ะครับ”