บทที่ 153 เยือนจักรวรรดิ 3 (2)

สุดท้ายเขาก็สบตาเข้ากับอันโตนิโอจนได้

‘ทำไมเขาถึงมองฉันล่ะ’

คาร์ลไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดแต่เขาก็ส่งยิ้มให้อันโตนิโอโดยอัตโนมัติ มันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่อันโตนิโอรู้สึกขนลุกเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มกลับให้คาร์ล

~ มนุษย์!..ทำไมเจ้ายิ้มแบบนั้นอีกแล้ว?!~

‘แล้วทำไมหมอนี่ถึงชอบถามตลอดทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว’

คาร์ลไม่สนใจคำถามของราอนและหันไปมองอัลเบิร์กที่เริ่มขยับตัวไปตามคำแนะนำของโซนาต้า คาร์ลค่อยๆเดินออกจากวงเวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารและเตรียมก้าวเข้าไปในคฤหาสน์กิลล์

นอกจากองค์ชายรัชทายาทที่ดัชเชสกิลล์เป็นผู้ให้คำแนะนำในตอนนี้ ยังมีคณะทูตอีกจำนวนหนึ่งที่อันโตนิโออาสาเป็นคนดูแล เขาก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายคณะทูต แน่นอนว่าคาร์ลก็รวมตัวอยู่ในกลุ่มคณะทูตกลุ่มนี้เช่นกัน

“นายน้อยคาร์ล..ยินดีที่ได้พบท่านยิ่งนัก”

อันโตนิโอเอื้อมมือไปหาคาร์ลหลังจากที่ทักทายขุนนางคนอื่นๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปกติแล้วอันโตนิโอไม่ใช่คนที่คิดจะเริ่มทักทายคนอื่นก่อนโดยเฉพาะคนที่มาจากตระกูลที่มีฐานะต่ำกว่าตนเอง

อันโตนิโอเป็นคนประเภทที่จะเข้าหาคนอื่นก่อนหากบุคคลผู้นั้นตรงตามมาตรฐานที่เขาตั้งเอาไว้

‘หากมองในแง่ดังกล่าวคาร์ล เฮนิตัสคือคนที่ได้บัตรผ่าน’

ตรงกันข้ามกับข่าวลือที่ว่าคาร์ล เฮนิตัสเป็นเพียงขยะไร้ค่า เมื่อเทียบกับคาร์ลในตอนนี้ดูเหมือนเขาจะมีท่าทีที่สง่าและภูมิฐานมากกว่าครั้งที่พบกันในเมืองหลวงเมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนี้เขายังได้ครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วอาณาจักร

‘และที่สำคัญที่สุดคือเขามีคุณสมบัติบางอย่างที่เข้าตาองค์ชายรัชทายาท’

ใครก็ตามที่สามารถเข้าตาองค์ชายรัชทายาทได้จะต้องเป็นคนฉลาด อันโตนิโอเคยได้ยินท่านย่าของตนพูดอยู่หลายครั้งว่าแม้อัลเบิร์กจะมีรอยยิ้มใสซื่อประดับอยู่บนใบหน้าบ่อยครั้งแต่เขาก็เป็นคนที่เขี้ยวลากดินอย่างมาก

‘องค์ชายรัชทายาทไม่ใช่คนธรรมดา..อันโตนิโอหลานอาจสูญเสียบางอย่างไปถ้าหลานไม่ระวังองค์ชายผู้นี้ให้ดี..หลานเข้าใจในสิ่งที่ย่าบอกใช่มั้ย?’

นั่นคือเหตุผลที่อันโตนิโอรอคอยที่จะได้พบกับคาร์ล เฮนิตัส

คาร์ลดูเหมือนจะรู้ทันความคิดของอันโตนิโอในขณะที่เลือกตอบสนองในแบบที่อันโตนิโอต้องการ

คาร์ลมั่นใจในสิ่งที่ตนคิดแต่ก็ยังให้ความเคารพต่ออันโตนิโอเมื่อยื่นมือของตนไปจับตอบ

“นายน้อยอันโตนิโอเป็นเกียรติของข้ายิ่งนักที่ได้พบท่าน..ข้ามีความสุขที่ได้พบกับตระกูลผู้ปกป้องชายแดนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้แห่งอาณาจักรเรา”

“โอ้..ข้าก็รู้สึกเป็นเกียรติเช่นกันที่ได้พบกับคนจากตระกูลเฮนิตัสที่คอยปกป้องอาณาจักรเราจากป่าแห่งความมืด”

คาร์ล เฮนิตัส บุตรชายคนโตจากตระกูลเฮนิตัส ซึ่งเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดและถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือแม้จะไม่มีผู้นำอย่างเป็นทางการก็ตาม

อันโตนิโอ กิลล์ ผู้สืบทอดตระกูลกิลล์และยังเป็นผู้นำของภาคตะวันตกเฉียงใต้

มีสายตาหลายคู่พุ่งตรงมายังพวกเขาทั้งสองทันที อย่างไรก็ตามอัศวินผู้ติดตามคาร์ลมาทั้ง3นายต่างยืนล้อมรอบเพื่อให้คนภายนอกไม่ได้ยินในสิ่งที่พวกเขาทั้งคู่สนทนากัน

คาร์ลแอบกระซิบบางอย่างกับอันโตนิโอ

“ข้าหวังว่าเราจะมีโอกาสได้พูดคุยและร่วมดื่มด้วยกันสักครั้ง”

“…พูดคุยกันรึ?”

ตาของอันโตนิโอเริ่มขุ่นมัวเมื่อจ้องตอบคาร์ล ในขณะที่คาร์ลเพียงยกยิ้มสดใส

“ใช่..การสนทนาที่แสนสนุก”

‘มันจะเป็นการสนทนาที่ฉันสนุกอยู่คนเดียว’

คาร์ลสังเกตว่าท่าทางของอันโตนิโอเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“นายน้อยคาร์ล..ท่านช่างแตกต่างจากที่ข้าเคยได้ยินมา”

“อืม..ท่านหมายถึงข่าวที่ว่าข้าเป็นขยะไร้ค่านะหรือ?”

อันโตนิโอยักไหล่และไม่ตอบคำถามของคาร์ล อย่างไรก็ตามเขากำลังคิดบางอย่างในหัวของเขาเมื่อมองไปที่คาร์ลอีกครั้ง

‘ทุกคนต่างบอกว่าเขาเป็นคนเก่งและยุติธรรม..แต่ดูเหมือนเขาจะแสวงหาอำนาจเช่นกัน’

สุดท้ายแล้วขุนนางก็เป็นเหมือนกันทั้งหมด

อันโตนิโอยังจำสิ่งที่ท่านย่าบอกเอาไว้เมื่อครั้งที่แต่งตั้งให้เขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลอย่างเป็นทางการ

‘อันโตนิโอ..ขุนนางที่ย่าเคยเห็นผ่านตามาพวกเขาก็เป็นเหมือนๆกัน พวกเขาทั้งหมดพร้อมที่จะย้ายฝั่งได้ทุกเมื่อจากความเห็นแก่ตัวของพวกเขาแต่ย่าเชื่อว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์..ไม่ใช่แค่ธรรมชาติของขุนนางเท่านั้น’

อันโตนิโอเห็นด้วยเพียงครึ่งเดียวกับความคิดของย่าตน เขากระซิบตอบกลับไปให้คาร์ล

“แล้วข้าจะรอ..การสนทนาที่แสนสนุกจากท่าน”

อันโตนิโอปล่อยมือออกจากคาร์ล ก่อนที่คาร์ลจะก้าวถอยหลังกลับมา พวกเขาทั้งสองจบการสนทนาอย่างรวดเร็ว

คาร์ลมองตามหลังอันโตนิโอที่เดินจากไปและเริ่มคิด

‘นี่ฉันต้องวางท่าเป็นขุนนางผู้สนใจในเรื่องอาณาจักรเมื่อเริ่มพูดคุยกับเขาแล้วกระมัง’

ในนิยายเรื่องกำเนิดวีรุบุรุษ ในขณะที่มาร์ควิสสแตนปรากฏตัวออกมาในฐานะจอมวายร้าย ในส่วนของอันโตนิโอ กิลล์ กับถูกรู้จักในฐานะที่ไม่ใช่ทั้งศัตรูหรือมิตร

มีคำอธิบายเพียงสั้นๆเกี่ยวกับลักษณะของอันโตนิโอ มันมีเพียงบรรทัดเดียว

<สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะความภูมิใจในฐานะขุนนางผู้สูงส่ง>

อันโตนิโอเป็นคนที่มีความคิดซับซ้อนแต่ก็อ่านได้ง่าย

คาร์ลกลั้นรอยยิ้มของตนเอาไว้เมื่อมุ่งหน้าไปยังห้องพักที่ทางตระกูลกิลล์จัดไว้ให้จนกระทั่งอัลเบิร์กเรียกพบเขา

มีอัศวินยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องของอัลเบิร์ก อัศวินเหล่านี้ล้วนแต่เป็นดาร์กเอลฟ์ที่แฝงตัวเข้ามาอารักขาอัลเบิร์ก

“ทำไมเจ้าถึงยิ้มแบบนั้น?”

“ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ”

“เดี๋ยวนะ?..ทำไมน้ำเสียงของเจ้าจู่ๆก็เปลี่ยนไปล่ะ?”

คาร์ลเริ่มเอ่ยออกมาเบาๆกับองค์ชายผู้เริ่มระวังตัว

“องค์ชายพะย่ะค่ะ..มันจะไม่ดีกว่าหรือหากพระองค์ได้ลูกน้องผู้ซื่อสัตย์เพิ่มขึ้น?”

อัลเบร์กเงียบเสียงลงพลางลอบสังเกตคาร์ลเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นหลังจากผ่านไปอึดใจ

“ใคร?”

“เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้พะย่ะค่ะ”

อัลเบิร์กจ้องคาร์ลอยู่นานก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“จัดการได้เลย..เจ้าสามารถอ้างชื่อคาร์ลได้ตามที่เจ้าต้องการ”

“พะย่ะค่ะหม่อมฉันเข้าใจแล้ว..ถ้าหม่อมฉันทำสำเร็จส่วนแบ่งจะเป็น70/30หรือไม่พะย่ะค่ะ?”

อัลเบิร์กถอนหายใจยาวก่อนพยักหน้าตอบรับ

“มันก็ดูคุ้มดีหากเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้..ว่าแต่”

“มีอะไรหรือพะย่ะค่ะ?”

“องค์ชายแห่งอาณาจักรโมโครุจะรู้จักเจ้าหรือไม่?”

คาร์ลพยักหน้ารับอย่างมั่นใจ

“เขาน่าจะรู้จักหม่อมฉันในฐานะนายน้อยแสงสีเงินและเจ้าบ้าที่ดับไฟป่า”

คาร์ลไม่ได้ปิดบังเรื่องที่เขาเข้าไปดับไฟป่าในผืนป่าส่วนที่ 1 ของอาณาจักรแห่งป่าและเขายังเป็นคนป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ก่อการร้ายเลวร้ายไปกันใหญ่ในอาณาจักรโรมัน

“ไม่ใช่ว่าเขาจะต้อนรับเจ้าเป็นอย่างดีอาจมากกว่าข้าด้วยซ้ำ..เจ้าไม่คิดแบบนั้นเหรอ?

“ไม่หรอกพะย่ะค่ะ”

อัลเบิร์กถอนหายใจยาวเมื่อได้ยินคำตอบของคาร์ล ดูเหมือนเขาจะไม่เห็นด้วยกับคาร์ลเท่าไร

.

.

.

ไม่กี่วันต่อมาคาร์ลก็เดินทางมาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรโมโครุหรือเรียกกันทั่วไปว่าจักรวรรดิ

ตรงข้ามกับสิ่งที่อัลเบิร์กคิดเอาไว้เมื่อองค์ชายแห่งจักรวรรดิไม่ได้ปฏิบัติต่อคาร์ลอย่างดีที่สุด แต่อัลเบิร์กคือคนที่เขาแสดงความใส่ใจและต้อนรับอย่างดีที่สุดแทน อย่างไรก็ตามคนที่ได้รับเกียรติเป็นสองรองจากอัลเบิร์กก็คือคาร์ล

“โอ้!..ข้าเคยได้ยินเรื่องราวของเจ้ามาบ้าง!พวกเขาเล่าลือว่าเจ้าคือวีรบุรุษหนุ่มผู้ที่ป้องกันเหตุการณ์ก่อการร้ายในอาณาจักรโรมัน”

องค์ชายแห่งจักรวรรดิผู้นี้เป็นชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ มันทำให้คาร์ลนึกถึงสุนัขตัวโตๆ

นี่คือ ‘องค์ชายเอดิน’ องค์ชายรัชทายาทแห่งจักรวรรดิ

“เป็นเกียรติของกระหม่อมยิ่งนักที่ได้เข้าเฝ้าพระองค์ในวันนี้”

“ดี! ข้าเองก็มีความสุขยิ่งนักที่ได้เจอวีรบุรุษแบบเจ้า!”

‘มีความสุขบ้านแกนะสิ!’

คาร์ลรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

เจ้าบ้าที่ทำตัวนอกรีตชอบต่อต้านสังคมที่ยืนต่อหน้าเขาในตอนนี้ ต้องเห็นว่าเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจถัดจากอัลเบิร์กอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่คาร์ลสามารถบอกได้โดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ

~ มนุษย์!..ทำไมเขาถึงยิ้มเข็งๆแบบนั้นล่ะ.มันดูน่าขนลุกดีนะ!~

‘แน่นอน’

คาร์ลเห็นด้วยกับการประเมินของราอนแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็เพียงส่งยิ้มอายๆไปให้

“ไม่ใช่หรอกพะย่ะค่ะ..หม่อมฉันไม่ได้เป็นวีรบุรุษ..หม่อมฉันแค่ทำในสิ่งที่สมควรทำเท่านั้น”

คาร์ลซึ่งแสร้งทำตัวเป็นคนดีได้เดินทางมาถึงเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิเป็นครั้งแรกแล้ว