บทที่ 139 อนุตระกูลหยาง

หวางช่างชูคุกเข่าลงกับพื้นสาบานต่อมารดาว่า เขาจะไม่ยุ่งกับหลู่ชิงอีกต่อไป ต่อไปนี้หากเจอนางก็จะทำเป็นเหมือนกับว่าไม่รู้จักกัน ความโกรธเคืองของนางตู้จึงลดลง

นางตู้รู้สึกว่าที่บุตรชายของตนนั้นยึดติดกับหลู่ชิงเป็นเพราะว่าตัวเขาอายุเพียงสิบแปดปี และไม่เคยแตะต้องสตรีที่ไหน เพื่อที่จะทำให้ชายหนุ่มหยุดคิดถึงหลู่ชิง นางจึงไปหาหญิงสาวผู้หนึ่งมาให้บุตรชาย นางตู้ไปทาบทามหญิงคณิกามาให้เพื่อเป็นอนุของช่างชู หญิงสาวผู้นี้มีผิวบอบบางท่าทางสำรวย นางทำงานบ้านไม่เป็นเลย แต่ในเมื่อบุตรชายของตนชอบ นางตู้จึงได้แต่ยอมรับเท่านั้น

ทันทีที่พาเข้าบ้าน นางตู้ต้องคอยสอนทุกอย่างให้กับหญิงคณิกาผู้นี้ เดิมทีนางคิดจะเอาใจแม่สามี จึงตั้งใจเรียนรู้ ต่อมานางตู้เริ่มเข้มงวดและให้นางทำงานหลายอย่าง หญิงคณิกาไม่อาจจะทนไหว นางจึงเลือกที่จะหันไปประจบเอาใจสามี

เพราะเป็นหญิงคณิกา นางจึงเก่งกาจในการใช้วาจา ทำให้บุรุษพึงพอใจได้อย่างง่ายดาย จึงกลายเป็นอนุคนโปรดของหวางช่างชูในที่สุด

ทุกครั้งที่อนุของเขากับมารดาต้องบาดหมางกัน หวางช่างชูจึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จนในที่สุดนางตู้จึงยื่นคำขาดให้ลูกชายเชื่อฟังแต่กับนางเท่านั้น

อนุผู้นั้นกลืนความโกรธของตนเองลงท้อง จนกว่าการสอบของหวางช่างชูจะผ่านพ้นไป

ทุก ๆ วันหวางช่างชูต้องอยู่กับความขัดแย้งของมารดาและลูกสะใภ้ มารดาของหวางช่างชูเอาแต่เยินยอว่าบุตรชายของตนมีพรสวรรค์ หากเมื่อผลสอบออกมากลายเป็นว่าเขาสอบไม่ผ่านจนกลายเป็นเรื่องขบขันโจษจันไปทั่ว

แต่นั่นยังไม่หมด ทันทีที่หวางช่างชูกลับมาบ้าน เขาพบว่าอนุคณิกาของตนได้กวาดเอาของมีค่าทั้งหมดของบ้านหนีไปอยู่กับชายอื่นเสียแล้ว!

หวางช่างชูถึงกับเป็นลม ล้มพับไปกองที่พื้น

เมื่อถังหลี่และหลู่ชิงได้ยินเรื่องนี้ ทั้งสองคนรู้สึกยินดีกับข่าวร้ายของบ้านสกุลหวาง

นางหม่านั้นรู้สึกว่าเป็นโชคดีของตนและบุตรสาวที่ไม่ได้ตัดสินใจยกนางให้แต่งงานกับหวางช่างชู

แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลัง

……

ช่วงสิ้นปีใกล้เข้ามาถึง ทุกคนต่างมีงานยุ่ง

เช่นเดียวกับจวนสกุลเซี่ย

ในจวนสกุลเซี่ยแห่งนี้เว่ยฉิงนั้นยังคงติดตามนายท่านเซี่ยไปเยี่ยมญาติและสหาย ร่วมถึงเข้าร่วมงานประมูลการประดิษฐ์อักษรและภาพวาดต่าง ๆ

รวมถึงคุณหนูเซี่ยที่มักชอบสร้างปัญหาอีกด้วย…

วันนี้สัตว์เลี้ยงหายไป วันต่อไปจี้หยกหาย ทุก ๆ ครั้งเว่ยฉิงต้องเป็นคนได้รับมอบหมายให้ตามหาของให้นาง เนื่องจากฐานะของหญิงสาว เว่ยฉิงจึงไม่มีทางเลือกนัก เขาตามหาของให้นางและทุกครั้งที่พบ คุณหนูเซี่ยมักจะให้ข้าวของแก่เขาเพื่อเป็นการขอบคุณเสมอ

โดยปกติแล้วเว่ยฉิงมักปฏิเสธนาง แต่คุณหนูเซี่ยเอาแต่พูดว่ามันไม่ใช่ของมีค่ามากมายอะไรนัก เมื่อเว่ยฉิงได้ยินเช่นนั้น ของทุกอย่างจึงถูกส่งไปให้เหลยหมิงและเหลยเป้าแทน

เซี่ยฟางเฟยเฝ้ามองดูข้าวของที่นางเลือกเฟ้นสรรหาอย่างดีไปตกอยู่ในมือผู้อื่น : …..

ยิ่งชายหนุ่มปฏิเสธมากเพียงใด หัวใจของเซี่ยฟางเฟยก็รู้สึกมีไฟลุกโชนมากขึ้น นางรู้สึกอยากเอาชนะ นางตั้งใจทำอาหารส่งให้กับเว่ยฉิงด้วยตัวเอง

จะมีใครรู้บ้าง? ยามที่นางอยู่เมืองหลวง แม้แต่คุณชายสูงศักดิ์ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีเช่นนี้จากนาง!

วันใดที่นางปราบพยศคนป่าผู้นี้ลงได้ นางจะบังคับเขาให้คุกเข่าแทบเท้านางราวกับสุนัขที่ซื่อสัตย์!

เซี่ยฟางเฟยมองดูชายหนุ่มผู้นี้จากที่ไกล ๆ

เว่ยฉิงอยู่บนต้นไม้ เขามีร่างกายที่แข็งแรง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายผิวสีน้ำผึ้งช่วยส่งให้ดูสมชายชาตรี ยามที่เขาพูดกับลูกน้องทั้ง ดูหยาบคายและดุร้าย แต่ก็ทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นหน้าแดงก่ำ

เซี่ยฟางเฟยเดินไปหาเว่ยฉิง นางชำเลืองมองชายหนุ่มอย่างเขินอาย

“หัวหน้าเว่ย ! ข้าเดินตามหาท่านจนเจ็บเท้าไปหมดแล้ว” เซี่ยฟางเฟยพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

ท่าทีที่เขินอายของนางนั้นดูมีเสน่ห์! ไม่ว่าชายใดได้เห็นก็จะรีบเข้ามาปลอบโยนนางเสมอ

เว่ยฉิงรีบพูดว่า

“คุณหนูเซี่ยมีธุระกับข้าหรือ? เหตุใดท่านถึงไม่ให้คนรับใช้มาตามข้า จะเดินหาข้าเองเพื่อเหตุใด? ฮ่าฮ่าฮ่า” พูดจบเขาก็หัวเราะกับความโง่เขลาของนาง ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างเว่ยฉิงก็หัวเราะออกมาเช่นกัน

เซี่ยฟางเฟย : …….

“หัวหน้าเว่ย เพื่อเป็นการขอบคุณที่เจ้าช่วยหาจี้หยกให้ข้าเมื่อวานนี้ จี้หยกอันนั้นคือของสำคัญที่มารดาข้าให้มา ข้าจึงเข้าครัวทำอาหารเองเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจของเจ้า” พูดจบ นางก็ยื่นปิ่นโตให้เขา

เว่ยฉิงไม่รับ

“ข้าเพิ่งกินข้าว ท่านเอามาข้าก็ไม่กิน มันจะไม่เสียของหรือ?”

เซี่ยฟางเฟย : ……

กินข้าวแล้วยังไง กินอีกไม่ได้หรือ?!

“นี่เป็นความตั้งใจของข้า หัวหน้าเว่ยท่านต้องรับไว้นะ!” เซี่ยฟางเฟยวางปิ่นโตแล้ววิ่งหนีไป

แทนที่นางจะวิ่งหนี นางกลับไปแอบซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงเพื่อแอบมองเว่ยฉิง

ชายหนุ่มไม่สนใจปิ่นโต แต่คนข้าง ๆ เว่ยฉิงรีบเปิดมันออกดูอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ว้าว ! หัวหน้าดูสิ คุณหนูเซี่ยผู้นี้ช่างมีฝีมือจริง ๆ จัดออกมาได้สวยงามมาก!” ชายผู้นั้นอุทาน

“ก็สวยดี แต่ข้าอิ่มแล้ว ถ้าเจ้าชอบก็เอาไปกินเถอะ!” เว่ยฉิงเหลือบมองอย่างไม่สนใจ

“หัวหน้าให้ข้าจริงหรือ? มันหอมมากเลยนะ” ชายคนนั้นเริ่มขยับตะเกียบ

“ไร้สาระ! เมียข้าทำได้ดีกว่านี้ร้อยเท่า!” น้ำเสียงของเว่ยฉิงแฝงไปด้วยความภาคภูมิใจอย่างไม่รู้ตัว

ผู้ชายคนนั้นหยิบปิ่นโตขึ้นมาลงมือกิน ไม่นานก็หมดเกลี้ยง

“หัวหน้าพูดถูก กินแล้วก็รู้สึกเฉย ๆ มันสวยงามมาก แต่ไม่อิ่มเลย!”

เซี่ยฟางเฟย : ……

เซี่ยฟางเฟยโกรธมาก ใบหน้าขาวสวยอ่อนโยนของนางดูบิดเบี้ยว

นางรู้ดีว่าเว่ยฉิงมีภรรยาแล้ว แต่นางไม่สนใจ

นางจะต้องได้สิ่งที่นางอยากได้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีเจ้าของแล้วหรือไม่ก็ตาม!

ยิ่งไปกว่านั้น ภรรยาของเขาก็เป็นเพียงสาวชาวบ้านที่ไม่น่าสนใจ ไฉนเลยจะมาเป็นคู่ต่อสู้กับนางได้ ?

แต่เมื่อได้ยินเว่ยฉิงพูดเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซี่ยฟางเฟยก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นว่าภรรยาเว่ยฉิงหน้าตาเป็นอย่างไร?

…….

ถังหลี่เองก็ยุ่งมาก

หลังจากที่นางจัดการงานทุกอย่างเสร็จแล้ว หญิงสาวซื้อข้าวและเนื้อมาตุนไว้ จากนั้นจึงได้พาบุตรทั้งสองคนและป้าจ้าวไปยังหมู่บ้านลี่เจียด้วยกัน

ประการแรกนางต้องการรู้ว่าชาวบ้านที่บาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง ประการที่สองนางต้องการนำเสบียงมาให้เพื่อให้คนในหมู่บ้านมีวันสิ้นปีที่น่าจดจำ หญิงสาวเช่าเกวียนวัวสองคัน คันหนึ่งสำหรับนางนั่งมา ส่วนอีกคันไว้ขนของ ก่อนจะออกเดินทางไปที่หมู่บ้านลี่เจีย

เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้าน ถังหลี่พบกับชาวบ้านมากมาย ทุกคนพากันยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อได้เจอถังหลี่

“พี่สะใภ้เว่ย?”

“ใช่แล้ว ๆ ฮูหยินเว่ยกลับมาแล้ว!”

เด็กคนหนึ่งวิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน ป่าวประกาศเสียงดังกับการมาของถังหลี่

เมื่อเกวียนวัวมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน ผู้คนจำนวนมากจึงมาออรวมตัวกันที่ทางเข้า ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมไปถึงผู้ป่วยอีกสองสามคนที่เพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ถังหลี่สอบถามอาการของคนเจ็บทีละคนอย่างห่วงใย

“พี่สะใภ้เว่ย ต้องขอบคุณยาของเจ้ากับหมอซู ตอนนี้ข้าเริ่มยกของได้แล้วแต่ยังทำงานหนักไม่ได้ หมอซูบอกว่าข้าจะหายทันฤดูเก็บเกี่ยวปีหน้าแน่นอน!”

“แผลของข้าก็หายแล้ว โดนน้ำได้แล้วล่ะแม่นางเว่ย”

“ฮูหยินเว่ย อาการของข้าก็ดีขึ้นมากเช่นกัน”

ทุกคนต่างพูดด้วยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“เอาล่ะ ๆ ทุกคน ข้านำบางอย่างมาด้วย แต่จะแจกพวกเจ้าทีละบ้าน อย่างไรก็ไปรับที่โรงงานผลิตถุงหอมนะ! เป็นของขวัญสำหรับวันปีใหม่!” ถังหลี่กล่าว

“ได้เลยพี่เว่ย!”

“เยี่ยมเลย ข้านึกว่าปีใหม่ก็ต้องกินมันเทศเหมือนเดิมแล้ว!”

“ข้าจะไปบอกแม่”

“ทุกคนหลีก ๆ ให้ฮูหยินเว่ยผ่านทางไปก่อน”

ทุกคนรีบหลีกทางให้ก่อนที่เกวียนวัวจะเคลื่อนที่ไปยังโรงงานถุงหอม โดยชาวบ้านเดินตามถังหลี่ไปเป็นขบวนยาว

……………………………