บทที่ 140 หลันฮวาตั้งครรภ์

เมื่อทุกคนมาถึงโรงงานถุงหอม คนงานในโรงงานก็ตกใจกับข่าวใหญ่เช่นกัน ฮูหยินซูและหลันฮวาออกมายืนรอถังหลี่อยู่ที่หน้าประตูโรงงาน ทันทีที่เกวียนวัวหยุดลง ฮูหยินซูและหลันฮวาเดินเข้าไปอุ้มเจ้าตุ๊กตาน้อยสองคนลงมาจากเกวียนวัว

“ฮูหยิน ช่วงนี้โรงงานเป็นอย่างไรบ้าง” ถังหลี่ถาม

“พวกข้าเริ่มทำงานหลังจากที่เจ้ากลับไป ชาวบ้านที่ไม่มีอะไรทำก็ผลัดกันมาช่วย” ฮูหยินซูกล่าว

หลังจากนั้นไม่นานหลี่โหยวไฉ่ก็มาถึง เขารีบเดินไปด้านหน้าเพื่อคุยกับถังหลี่

“ฮูหยินเว่ย”

“หัวหน้าหลี่ มาทันเวลาพอดีเลย ช่วยเอาของพวกนี้ไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านหน่อยเถอะ พวกเขาจะได้ฉลองปีใหม่กัน” ถังหลี่กำชับต่อว่า “แจกให้ตามจำนวนคนในแต่ละบ้านนะ หนึ่งคนต่อเนื้อหนึ่งชั่งและข้าวหนึ่งชั่ง”

หลี่โหยวไฉ่ตอบรับอย่างรวดเร็ว เขาเรียกชาวบ้านที่ขายเนื้อในหมู่บ้านมา ตัดเนื้อแบ่งแจกจ่ายไปยังตัวแทนของแต่ละครอบครัว ชาวบ้านทุกคนเข้าแถวยาวเพื่อรับของแจกโดยมีคนขายเนื้อทำหน้าที่แจกเนื้อ ส่วนหลี่โหยวไฉ่เป็นคนชั่งข้าวสาร

ทุกอย่างเป็นไปอย่างมีระเบียบเรียบร้อย

“สกุลเฉินยี่สิบสามคน!” หลี่ชุนฮวากล่าว

“ยี่สิบสามหรือ? ข้าจำได้ว่าครอบครัวเจ้ามีสิบแปดคน” หลี่โหยวไฉ่เหลือบมองนาง

“ลูกสะใภ้ของข้าห้าคนตั้งครรภ์ทุกคน หลี่โหยวไฉ่เจ้าจะไม่นับเด็กในท้องหรือ? เจ้าเข้มงวดเกินไปแล้วนะ!” น้ำเสียงของหลี่ชุนฮวาฟังดูหยาบคาย

ลูกชายทั้งห้าคนของหลี่ชุนฮวาล้วนเป็นอันธพาลอีกทั้งลูกสาวก็แต่งงานกับสกุลไป๋ นางถึงได้ลำพองใจและมีนิสัยชั่วร้ายมากกว่าเดิม แต่นางก็ทำได้แค่อวดเบ่งรังแกคนในหมู่บ้านเท่านั้น เมื่อออกนอกหมู่บ้านนางเป็นเพียงคนขี้ขลาดผู้หนึ่ง

“ตอนที่โจรภูเขาบุก ไม่มีคนของบ้านเจ้ามาช่วยเลยใช่ไหม?” หลี่โหยวไฉ่ไม่ใช่คนโง่

ท่าทีของหลี่ชุนฮวาดูเปลี่ยนไป

“เจ้าไม่ได้บังคับไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงได้พูดเรื่องเก่า ๆ เช่นนี้ พอเห็นว่าลูกชายข้าไม่เป็นอะไร เจ้าเลยไม่พอใจหรือ?”

เหตุใดจึงเป็นคนหน้าหนาเช่นนี้?

เวลามีปัญหาเกิดขึ้นก็ทำหลบ ๆ ซ่อน ๆ ยามสงบก็ออกมาหาผลประโยชน์เข้าตัว หลี่โหยวไฉ่โมโหแทบตาย

“เนื้อและข้าวก็ไม่ใช่ของเจ้า เหตุใดเจ้าต้องเรื่องมากด้วย เร็ว ๆ ข้ามีเรื่องต้องทำนะ!” หลี่ชุนฮวาเร่งเร้า

“หลี่ชุนฮวา ข้าวและเนื้อนี้เป็นของที่ข้าตั้งใจให้ชาวบ้านได้ฉลองปีใหม่กัน บุตรชายคนโตของเจ้าเป็นเจ้าของกิจการในเมือง เฉินเสี่ยวชุ่ยก็แต่งงานกับนายท่านสามสกุลไป๋ ที่บ้านของเจ้าคงไม่ขาดแคลนเนื้อและข้าวสารหรอก เหตุใดเจ้าถึงไร้ยางอาย หน้าหนาเช่นนี้ ข้าวและเนื้อพวกนี้ล้วนเป็นเงินของข้า ข้าจะมอบให้ใครก็ได้ แต่ข้าไม่ให้เจ้า!” ถังหลี่พูดอย่างตรงไปตรงมา

ความเมตตาของถังหลี่ควรมอบให้แก่ผู้ที่สมควรได้รับ นางไม่ยอมเสียเงินให้กับพวกหมาป่าตาขาวเช่นนี้หรอก

ใบหน้าของหลี่ชุนฮวาบิดเบี้ยวน่าเกลียด

เมื่อชาวบ้านได้ยินพวกเขาก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน

สกุลเฉินนั้นร่ำรวย ยามที่พวกเขากินได้แต่เพียงมันเทศและรำข้าวเหนียว ส่วนคนสกุลเฉินมีข้าวและเนื้อกินทุกวัน อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นเพราะสกุลเฉินหาเงินได้มากกว่า พวกเขาจะไปโอดครวญอะไรได้? แต่ทว่าหลี่ชุนฮวามักจะโอ้อวดกับชาวบ้านจนเป็นที่น่าเอือมระอา ตอนนี้นางยังจะโลภเอาของจากฮูหยินเว่ยอีก…

ผู้หญิงหยาบคายสองสามคนในหมู่บ้านอดใจไม่ไหวจนต้องก่นด่าหลี่ชุนฮวา

ไม่ว่านางจะมีฝีปากกล้าแกร่งเพียงใด แต่ปากเดียวหรือจะสู้สิบปากได้

สุดท้ายหลี่ชุนฮวาก็เดินจากไปอย่างฉุนเฉียว

หลังจากเรื่องตลกนี้จบลง หลี่โหยวไฉ่ยังคงแจกจ่ายข้าวสารและเนื้อสัตว์ต่อไป

ชาวบ้านทุกคนมีความสุขมากที่ได้รับ ในวันส่งท้ายปีเก่าแบบนี้ทุกคนได้กินอาหารดี ๆ ชาวบ้านต่างผลัดกันมาขอบคุณถังหลี่ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านอย่างมีความสุข

หลังจากนั้นไม่นานนัก ชาวบ้านหลายคนนำไข่มารวบรวมใส่ตะกร้ามอบให้แก่ถังหลี่ ไข่ไก่เป็นของที่มีราคา แต่พวกเขาเลือกที่จะมอบเป็นของตอบแทนให้ถังหลี่ นางยินดีที่จะยอมรับตะกร้าใส่ไข่อย่างเต็มใจ

ส่วนหลันฮวานั้นได้หยิบรองเท้าเล็ก ๆ สองคู่จากมาส่งให้ถังหลี่ เช่นกัน

“อ๊ะ” เป็นของขวัญสำหรับเด็ก ๆ สองคน

รองเท้าเล็ก ๆ สองคู่นี้มีความละเอียดประณีต ถังหลี่ชอบมาก ดูสวยงามกว่าที่นางเคยซื้อมากนัก หญิงสาวสวมรองเท้าให้กับเอ้อร์เป่าและซานเป่า

“หลันฮวา ฝีมือของเจ้าสวยงาม ประณีตมาก” ถังหลี่กล่าวชมเชย

“อ่า” หลันฮวารู้สึกขัดเขินเล็กน้อย

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน จู่ ๆ หลันฮวาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป นางรีบวิ่งออกไปด้านนอก ถังหลี่รู้สึกเป็นห่วง จึงรีบตามออกไปเห็นหลันฮวายืนอยู่ที่มุมลานบ้าน ก้มตัวอยู่ที่คูระบายน้ำ

พอเห็นแบบนั้นถังหลี่ก็เข้าใจทันที นางเดินเข้าไปหาอีกเด็กสาวอย่างรวดเร็ว ลูบแผ่นหลังให้หลันฮวาเบา ๆ ไม่นานนักนางก็หยุดอาเจียน

ถังหลี่เทน้ำร้อนถ้วยหนึ่งให้นาง

พอหลันฮวาได้จิบน้ำร้อนแล้ว อาการของนางก็ดีขึ้น

“หลันฮวา เจ้าท้องหรือ?” ถังหลี่เดินถามเสียงเบา ๆ

ใบหน้าของหลันฮวาขึ้นสีแดงก่ำทันที นางรีบพยักหน้ารับ

“หลันฮวายินดีด้วยนะ!”

“อื้อ” หลันฮวาขอบคุณ

จูเฉิงกลับบ้านมาในช่วงบ่าย ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เป็นพ่อคน เขาพูดคุยกับถังหลี่เรื่องการเลี้ยงดูบุตร จูเฉิงเล่าให้ฟังเมื่อคืนนี้เขาฝันถึงเด็กน้อยที่เรียกเขาว่าท่านพ่อ ทำให้เขามีความสุขจนแทบจะนอนไม่หลับเอาเลยทีเดียว

เขายังบอกอีกด้วยว่าตนเองเตรียมชื่อไว้ให้เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยแล้ว คนที่รู้หนังสือช่วยเขียนมาให้เขาหลายตัว จูเฉิงก็เลือกไว้สำหรับเด็กชายและเด็กหญิง

“ส่วนชื่อที่เหลือก็เผื่อไว้สำหรับลูกคนต่อไป ตอนนี้ข้าต้องหารายได้เพิ่มขึ้นก่อน หลันฮวากับลูกๆจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น!” จูเฉิงวาดหวัง

เมื่อถังหลี่ได้ฟังเช่นนั้น นางมีความสุขร่วมไปกับจูเฉิงและหลันฮวาด้วย

จูเฉิงมีงานยุ่งมาก เขาต้องรีบกลับเข้าไปในเมือง จึงได้ขอติดรถเกวียนเทียมวัวกลับไปกับถังหลี่ หลันฮวาเดินตามไปหลายก้าวจนป้าเกาต้องร้องเตือน

“แม่หนู จูเฉิงจะกลับมาอีกสองสามวัน เจ้าอดทนรอเขาหน่อยเถิด” ป้าเกาหยอกเย้าหลานสาว

หลันฮวาขมวดคิ้ว นางไม่เต็มใจจะอยู่ห่างจากสามีในช่วงนี้เลย…

เมืองเหยาสุ่ย

“พี่สาว ข้าจะไปฉินโจวพรุ่งนี้ ท่านอยากฝากซื้อของหรือไม่?” จูเฉิงถาม หลังจากที่เขาแต่งงานกับหลันฮวา ชายหนุ่มก็เรียกถังหลี่ว่าพี่สาว

แม้ว่าเมืองฉินโจวจะตั้งอยู่บริเวณชายแดน แต่ก็เป็นศูนย์รวมการค้าขายและของดี ๆ มากมาย

ถังหลี่คิดเกี่ยวกับของที่ไป๋มู่หยางชอบนำมาฝากจากฉินโจวทุกครั้ง แต่ก็พบว่านางไม่ได้ขาดเหลืออะไร นางส่ายหน้า

“ไม่มีอะไร เจ้าไปทำงานของเจ้าเถิด”

จู่เฉิงพยักหน้ารับ จากนั้นคนทั้งคู่จึงได้แยกย้ายกันไป

ถังหลี่และป้าจ้าวกลับบ้านพร้อมกับเด็กน้อยทั้งสองคน

ป้าจ้าวเข้าไปทำงานในครัวทำให้ถังหลี่และลูก ๆ พูดคุยเรื่องของตัวเองให้มารดาฟัง

หญิงสาวมองดูเจ้าก้อนแป้งน้อยสองคน เอ้อเป่าร์ดูสูงขึ้น หลังจากปีใหม่นี้เด็กชายก็อายุเจ็ดขวบแล้ว ถึงเวลาที่ต้องจะเข้าไปเรียนที่สำนักศึกษา

ตอนนี้ซานเป่าผอมลงเล็กน้อย ใบหน้าที่ขาวผ่องอ่อนโยนของนาง มองเพียงแวบแรกก็รู้ว่าเด็กน้อยมีใบหน้าที่สวยงามมาก

แต่ถังหลี่รู้ว่าเมื่อเติบใหญ่ขึ้นซานเป่าจะเป็นดั่งราชาปีศาจที่สามารถล้มชายร่างใหญ่กว่าตัวเองได้ภายในหมัดเดียว ราชาปีศาจคนนี้ในวัยเยาว์นางน่ารักน่าชังมาก ผู้คนที่ได้พบเห็นเป็นต้องชื่นชอบและเอ็นดู

“เอ้อร์เป่า ซานเป่า แม่ไม่ค่อยมีเวลาให้พวกเจ้าเลย แม่ขอโทษนะ” ถังหลี่พูดกับเด็กน้อยอย่างละอายแก่ใจ

นางยุ่งวุ่นวายกับกิจการส่วนตัวทั้งวัน ทำให้แทบไม่มีเวลาให้ลูกทั้งสองคนเลย เด็ก ๆ นั้นอ่อนไหว เปราะบาง นางกลัวว่าพวกเขาจะคิดว่ามารดาไม่รักตัวเอง

“ท่านแม่ ท่านหาเงินเพื่อให้พวกเราทั้งสามคนมีชีวิตที่ดีขึ้น พวกเราเข้าใจท่าน” เอ้อร์เป่ากล่าว

แม้ว่าบางครั้งพวกเขาจะคิดถึงมารดา แต่ก่อนหน้าที่ท่านแม่จะเข้ามาในครอบครัว บิดาของพวกเขาก็ต้องทำงานในทุ่งนาพร้อมกับดูแลพวกเขาไปด้วย ชีวิตทั้งยุ่งเหยิงและยากลำบาก เมื่อมีท่านแม่แล้วชีวิตทุกคนก็ค่อย ๆ ดีขึ้น มีมารดาที่คอยห่วงใยและมอบความรักให้

“ท่านแม่อย่าทำงานหนักเกินไปนะ” เอ้อร์เป่ากอดแขนมารดา

ซานเป่านั้นยังเด็กและนางมีจิตใจที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน เด็กหญิงพูดขึ้นอย่างร่าเริง

“หากคืนนี้ท่านแม่นอนกับข้า ข้าจะมีความสุข!”

“เอาล่ะ เอ้อร์เป่า ซานเป่า เจ้าจำไว้ว่าพวกเจ้าเป็นลูกของแม่ และแม่จะรักพวกเจ้าตลอดไป” ถังหลี่กล่าว

เด็กน้อยทั้งสองคนพยักหน้ารับ ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายวาว