บทที่ 138 กับดักน้ำผึ้ง(ปลาย)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 138 กับดักน้ำผึ้ง(ปลาย)

“แล้วตอนนี้เงินเจ็ดล้านห้าแสนอยู่ในมือเจ้ารึเปล่า?” ฉู่ชูเหยียน ทำให้เขาเงียบกับคำถาม จี้ใจดำแบบนี้ “เราทุกคนต่างรู้ว่าไม่มีทางที่สำนักดอกบ๊วยจะชำระหนี้ได้ ตั๋วหนี้ใบนั้นมีค่าไม่ต่างอะไรกับกระดาษเปล่า ๆ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อแม่ของข้าจะโกรธ”

“แต่เรายังเก็บดอกเบี้ยจากพวกเขาทุกปีได้ไม่ใช่หรือไง?” ซูอัน ถามกลับเสียงอ่อย

“นั่นมันแค่ทางทฤษฎี ซึ่งในความเป็นจริงพวกเขาคงไม่จ่ายให้เราง่ายๆหรอก” ฉู่ชูเหยียน ถอนหายใจยาว

นางรู้ว่าสำนักดอกบ๊วยจะไม่ยอมทำตามสัญญาแน่นอน ซึ่งนางเองก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน นางไม่อาจสั่งให้กองทัพผ้าคลุมสีชาดสังหารหมู่สำนักดอกบ๊วยได้จริง ๆ เพราะนั่นจะทำให้ตระกูลฉู่ตกลงไปในกับดักของศัตรูทันที หากเป็นเช่นนั้น ราชสำนักจะมีความชอบธรรมในการจัดการกับตระกูลฉู่

“คุณหนู คุณหนู~”

จู่ ๆ เสวี่ยเอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับหอบหายใจแรง

“เจ้าไปไหนมา? อะไรทำให้เจ้าใช้เวลานานมาก?” ฉู่ชูเหยียน ถามขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว

เสวี่ยเอ๋อร์อธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้ข้าเป็นอะไร แต่ข้ารู้สึกไม่สบายท้องอย่างหนักเลย…”

ซูอัน เอานิ้วอุดจมูกตัวเองแล้วโบกมือไปมาด้วยสีหน้ารังเกียจ “พูดอีกอย่างก็คือ เจ้าไปขี้มาใช่ไหม? มันคงจะเต็มส้วมแน่ๆถ้าเจ้าไปนานขนาดนี้!”

เสวี่ยเอ๋อร์ อ้าปากเว๋อไม่คิดว่าไอ้คนระยำผู้นี้จะกล้าพ่นคำพูดคำต่ำ ๆ แบบนี้ออกมา

ท่านยั่วยุ เฉียวเสวี่ยอิง สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +444!

นางเพิ่งจะรีบกลับมาหลังจากไปแอบพบกับ เหมยเชาฟง และนางก็แค่หาข้ออ้างให้ ฉู่ชูเหยียน ไม่ติดใจในเรื่องนี้ คนธรรมดาทั่วไปคงจะไม่ถามอะไรต่อ แต่ใครจะคิดว่า ซูอัน กลับกวนประสาทด้วยหยาบคำหยาบคายแบบนี้? แถมเขายังแสดงสีหน้าราวกับมีกลิ่นเหม็นมาจากนาง!

“คุณหนู ดูเขาสิ!” เสวี่ยเอ๋อร์กระทืบเท้าของนางด้วยความโกรธขณะที่นางดึงแขนเสื้อของ ฉู่ชูเหยียน เพื่อประท้วง

ข้าจะฆ่าไอ้เลวนี่แน่นอนคืนนี้ คอยดูเถอะข้าจะถลกหนังเจ้าทั้งเป็น!

ฉู่ชูเหยียน ส่งสายตาปรามซูอัน และพูดว่า “เจ้าช่วยหยุดทำตัวน่ารังเกียจสักทีจะได้ไหม!”

เป็นที่น่าสังเกตว่าถึงแม้นางจะตำหนิ ซูอัน แต่นางก็ยังสะบัดมือของ เสวี่ยเอ๋อร์ โดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของ ซูอัน ทำให้นางจับผิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ เสวี่ยเอ๋อร์ ได้เหมือนกัน

แค่เพียงคำพูดไม่กี่คำก็สามารถเปิดโปงเสวี่ยเอ๋อร์ได้ขนาดนี้…

ไอ้คนผู้นี้นี่…

ท่านยั่วยุ เฉียวเสวี่ยอิง สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +300!

ซูอัน ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจและพูดว่า “หากจะมีใครที่เป็นน่ารังเกียจ คน ๆ นั้นมันก็ไม่ควรจะเป็นข้า มันควรจะเป็นมนุษย์นักขี้นานที่ยืนอยู่ตรงนั้นมากกว่าต่างหาก!”

“มนุษย์นักขี้นาน?!” เสวี่ยเอ๋อร์ รู้สึกว่าเลือดพุ่งไปที่ศีรษะของนางจนมันแทบจะทำให้นางเป็นลม ในความคิดวูบหนึ่งนางมีความต้องการที่จะพูดว่านางจะทำทุกอย่างเพื่อกำจัดไอ้เวรผู้นี้ให้ได้ นางไม่เคยเกลียดใครมากเท่านี้มาก่อน ถ้าทำได้ นางจะหั่นร่างของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าออกเป็น หมื่น ๆ ชิ้น!

ท่านยั่วยุ เฉียวเสวี่ยอิง สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +888!

แม้แต่ เยว่ซาน ที่เดินนำอยู่ข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ ก็ยังสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยค ดูถูกนั่น นายน้อยของเราอาจเป็นขยะในด้านอื่น ๆ แต่ความสามารถในการกระตุ้นความโกรธของเขานั้นนับได้ว่าไร้เทียมทานจริง ๆ ข้าแน่ในใจว่าไม่มีใครในเมืองเมืองจันทร์กระจ่างที่สามารถทัดเทียมเขาได้ในเรื่องนี้และเพื่อสุขภาพจิตของข้า ข้าควรจะระวังตัวเองให้มากกว่าเดิมไม่ไปล่วงเกินเขาในอนาคตหากไม่จำเป็น!

“พอได้แล้ว! เลิกทะเลาะกันสักทีทั้งสองคน พวกเจ้าไม่รู้สึกอายบ้างเหรอที่ทะเลาะกันในที่สาธารณะแบบนี้?” ฉู่ชูเหยียน เกือบจะเห็นควันลอยขึ้นมาจากหัวของ เสวี่ยเอ๋อร์ ดังนั้นนางจึงรีบแยกทั้งสองออกจากกัน

เสวี่ยเอ๋อร์ กระฟัดกระเฟียดด้วยความโมโหและเบือนหน้าหนี คืนนี้ข้าจะค่อย ๆ ทรมานเจ้าไปเรื่อย ๆ ก่อนจะฆ่าเจ้าทิ้ง หากวันนี้เจ้าไม่อ้อนวอนให้ข้าจบชีวิตเจ้าเพื่อปลดทุกข์ข้าจะไม่ขออยู่เป็นคนอีกต่อไป!

ชายชราผู้หนึ่งยืนอยู่ที่ทางเข้าของตระกูลฉู่ เสื้อผ้าของเขาดูเป็นระเบียบตั้งหัวจรดเท้า มันไม่มีรอยยับแม้แต่น้อยเลยบนเสื้อผ้าของเขาและถึงแม้ว่าผมของเขาจะเป็นสีขาว แต่เขากลับหวีมันได้อย่างเรียบร้อยจนผมสีขาวนั้นดูไม่เป้นปมด้อยของเขาเลย ลักษณะการแต่งกายและการจัดระเบียบร่างกายของเขาเช่นนี้สะท้อนถึงบุคลิกที่เคร่งครัดของเขา

ซูอัน จำชายชราได้ เขาคือพ่อบ้านของ คฤหาสน์ตระกูลฉู่ หงจง

หงจง ทักทาย ฉู่ชูเหยียน ด้วยการโค้งคำนับ และนางก็ทักทายตอบกลับอย่างรวดเร็วเช่นกัน ชายชรารับใช้ตระกูลฉู่ อย่างซื่อสัตย์มาหลายสิบปีแล้ว ทำให้เขาได้รับความเคารพนับถือจากทุกคนในคฤหาสน์

หลังจากแลกเปลี่ยนคำทักทาย หงจงก็เริ่มพูด “นายท่านสั่งให้ข้าพานายน้อยไปหาเขาเมื่อพวกท่านกลับมา”

เมื่อพูดจบ หงจง ก็หันหลังกลับและนำทางไปทันที ในเวลาเดียวกันนั้น ฉู่ชูเหยียน ก็แสดงสีหน้าเป็นความหมายเชิงประมาณว่า ‘เห็นไหมล่ะ!’ ไปที่ ซูอัน และตาม หงจง ไปห้องทำงานพ่อ ของนาง

ในทางกลับกัน ซูอัน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นว่าทัศนคติและน้ำเสียงของ หงจง ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ชายชราน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับความขัดแย้งที่เขามีกับ หงซิงอิง ก่อนหน้านี้แล้ว ทำไมเขาถึงดูไม่สะทกสะท้านเลย?

แต่แล้วมันกลับเหมือนว่า หงจง สามารถเดาความคิดของซูอันได้ จู่ ๆเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนู นายน้อย ข้าได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของซิงอิงแล้ว ลูกชายของข้าเป็นคนหัวรั้นและมั่นใจในตัวเองมากไปสักหน่อย เขาจึงพลั้งเผลอทำอะไรโง่ ๆ ต่อนายน้อย ข้าขอต้องขออภัยท่านแทนเขาด้วยจริง ๆ ข้าหวังว่าท่านจะไม่ถือสาเขาในเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไป แล้วหลังจากนี้หากเขากลับมาเมื่อไหร่ข้าจะสอนบทเรียนให้เขาแน่นอน”

“ลุงจง ท่านไม่ต้องจริงจังเกินไปกับเรื่องนี้ก็ได้ ซูอัน เองก็มีส่วนผิดเหมือนกัน” ฉู่ชูเหยียน ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่า ซูอัน ไม่พอใจกับคำพูดของ ฉู่ชูเหยียน แน่นอน เรื่องนี้ข้ามีส่วนผิดได้ยังไง ไอ้เวรนั่นมันมันมายุ่งกับข้าก่อนแท้ ๆ !

ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกไป ฉู่ชูเหยียน กลับส่งสายตาปรามเขาอย่างจริงจัง ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลืนคำพูดของตัวเอง ดูจากรูปการณ์แล้ว หงจง คงมีตำแหน่งสูงใน คฤหาสน์ตระกูลฉู่เป็นอย่างมากไม่งั้นนางคงไม่ห้ามข้าแบบนี้!

ก็ได้ ข้าจะปล่อยไปสักรอบหนึ่งเพื่อเห็นแก่ที่เจ้าเป็นภรรยาของข้า

หงจงส่ายหัวและเสริมว่า “ข้ารู้จักเด็กคนนั้นดี เขายังคงเก็บเอาความคิดเรื่องที่ไม่ควรมาหมกมุ่นอยู่ ดังนั้นมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกขัดแย้งจนทำอะไรโง่ไปในขณะนั้น ข้ามั่นใจว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันก็น่าจะเป็นเขานั่นแหละที่เป็นคนเริ่มก่อน แม้ว่านายท่านและนายหญิงจะไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ข้าก็ยังคงรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้งในใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ดี”

คำพูดของ หงจง มันดูจริงใจเป็นอย่างมากแต่ ซูอัน ก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าคนที่ซื่อตรงและซื่อสัตย์อย่าง หงจง กลับมีลูกชายที่ใจแคบแบบนั้นได้ยังไง แต่แล้วเมื่อคำนึงถึงความจริงใจของ หงจง เขาจึงตัดสินใจว่าเขาจะปล่อย หงซิงอิง ไปสักครั้ง

ฉู่ชูเหยียน ตอบกลับด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ นางสามารถบรรเทาความอึดอัดใจของ หงจง ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น นางเปลี่ยนบทสนทนาไปเรื่องกิจการของตระกูลฉู่แทน ซึ่งมันทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอ่อนผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว

ในตอนแรก ซูอัน ยังคงสงสัยว่าคนที่เย็นชาอย่าง ฉู่ชูเหยียน สามารถจัดการกับกิจการของตระกูลฉู่ที่มีขนาดใหญ่มากได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ ได้อย่างไร แต่ตอนนี้เขาเริ่มเห็นเหตุผลนั้นแล้ว

ในไม่ช้า พวกเขาก็เดินมาถึงห้องทำงานของ ฉู่จงเทียน ซึ่งด้านในมีทั้ง ฉู่จงเทียน และ ฉินว่านหรู กำลังรอพวกเขาอยู่

“ซูอัน ไอ้เด็กตัวดี! เจ้ากล้าไปเล่นพนันในบ่อนอย่างเปิดเผยแบบนั้นได้ยังไง? และนี่ยังไม่รวมว่าเจ้าพา ชูเหยียน ไปด้วยอีกต่างหาก!” ฉินหว่านหรู กระแทกโต๊ะและจ้องมองเขาด้วยสายตาแทบจะกินเลือดกินเนื้อ

ท่านยั่วยุ ฉินว่านหรู สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +77!