บทที่ 137 กับดักน้ำผึ้ง(ต้น)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 137 กับดักน้ำผึ้ง(ต้น)

เจิ้งตานยิ้มและกล่าวกับเขาว่า “เรากำลังจะเป็นครอบครัวในไม่ช้า ปัญหาใด ๆ ที่ท่านกำลังเผชิญมันก็เป็นปัญหาของข้าเช่นกัน ดังนั้นท่านสามารถเอ่ยมาได้เลย”

ซ่างเชียน เดาะลิ้นของเขาอย่างเงียบ ๆ คำพูดแต่ละคำที่เจ้าพูดนี่มันช่างดูเป็นห่วงเป็นใยข้าซะเหลือเกิน แต่ความเป็นจริงเจ้ากลับไม่ยอมให้ข้าจับมือเจ้าด้วยซ้ำ!

“อย่างที่เจ้าเพิ่งรู้ไปว่า ซูอัน มีตั๋วหนี้มูลค่าเจ็ดล้านห้าแสนตำลึงเงินอยู่กับตัวของเขา และเนื่องจากเขาใช้เวลาแทบทั้งหมดหมกตัวอยู่แต่ในคฤหาสน์ตระกูลฉู่หรือไม่ก็ สถาบันจันทร์กระจ่าง มันจึงทำให้ข้าไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แต่เจ้า เจ้าเป็นคนเดียวที่ข้าไว้ใจที่จะสามารถเข้าถึงตัวเขาได้ที่สถาบันจันทร์กระจ่าง ดังนั้นจึงอยากวานให้เจ้าเข้าไปใกล้เขาและ ‘ยืม’ ตั๋วหนี้จากเขามาให้ข้าได้ไหม?”

“ข้าจะไปใกล้ชิดกับเขาได้อย่างไร?” เจิ้งตาน ขมวดคิ้วขณะที่นางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี

“ผู้ชายทุกคนในโลกล้วนเปราะบางต่อกับดักของความงาม นับประสาขยะอย่างเขา ด้วยรูปลักษณ์ของเจ้า เจ้าจะสามารถร่ายมนตร์สะกดเขาได้อย่างง่ายดายและทำให้เขาทำตามที่เจ้าขอ” ซ่างเชียน เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

สีหน้าของ เจิ้งตาน เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีพร้อมกับลุกขึ้นและถามกลับเสียงแข็ง “ท่านเห็นข้าเป็นผู้หญิงแบบไหนกันถึงได้มาขอให้ข้าทำอะไรแบบนี้!?”

“ข้ารู้ว่าข้าขอเจ้ามากเกินไป แต่เจ้าเป็นคนเดียวที่ข้าสามารถไว้วางใจได้ที่นี่ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ามาขอความช่วยเหลือจากเจ้า” ซ่างเชียนชี้แจงอย่างรวดเร็ว

แต่ถึงอย่างนั้น นั่นก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาความโกรธของเจิ้งตานได้เลย นางยังคงตอบกลับด้วยสีหน้าเดือดดาล “อ้อ ความคิดของท่านนี่ดีจริง ๆ นะ ท่าคิดจะให้คู่หมั้นของท่านไปยั่วยวนผู้ชาย คนอื่น?”

ซ่างเชียนขมวดคิ้ว “อย่าใช้คำพูดแย่แบบนั้นสิ ข้าแค่อยากให้เจ้าหาโอกาสเข้าไปถึงตัวเขาเฉย ๆ ไม่ใช่ว่าข้าขอให้เจ้าไปหลับนอนกับเขาซะเมื่อไหร่ ข้าคิดว่าไอ้คนไร้ค่าแบบนั้นมันคงแทบไม่มีประสบการณ์กับผู้หญิงมาก่อนหรอก ถ้าเจ้ากระซิบอะไรหวาน ๆ ข้าง ๆหูมันสักหน่อยแค่นี้มันก็ยอมทำตามที่เจ้าขอทุกอย่างแล้ว”

“ท่านลืมไปแล้วรึไงว่าภรรยาของเขาคือหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองจันทร์กระจ่าง ฉู่ชูเหยียน! การที่ผู้หญิงงามขนาดนั้นเลือกเขาให้แต่งงานด้วย เขาจะเป็นคนไม่มีประสบการณ์กับผู้หญิงอย่างที่ท่านว่าได้ยังไง!” เจิ้งตาน พูดกลับด้วยสีหน้าฉุนเฉียว

“ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าด้อยกว่า ฉู่ชูเหยียน แม้แต่น้อยไม่ว่าจะในแง่ของรูปลักษณ์และกิริยามารยาท เหตุผลเดียวที่ผู้คนมองว่า ฉู่ชูเหยียน เป็นหญิงงามที่สุดในเมืองก็เพราะพวกเขาแค่เคารพอ๋องฉู่ก็เท่านั้น และอีกอย่างเจ้าไม่คิดว่ามันท้าทายบ้างเหรอที่เจ้าจะได้มีโอกาสปั่นหัวสามีของหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองจันทร์กระจ่าง เพื่อพิสูจน์ว่าจริงๆแล้วเจ้าเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านางเลยแม้แต่น้อย” ซ่างเชียน สังเกตเห็นความผันผวนเล็กน้อยในน้ำเสียงของ เจิ้งตาน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะผลักดันให้หนักขึ้นเล็กน้อย

เขารู้ว่าแม้คู่หมั้นของเขาจะดูมีนิสัยที่อ่อนโยน แต่นางก็มอง ฉู่ชูเหยียน เป็นคู่แข่งอยู่เสมอ นางจะสูญเสียความสงบของนางไปอย่างง่ายดายเมื่อใดก็ตามที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ฉู่ชูเหยียน

ตามที่คาดไว้ ดวงตาของ เจิ้งตาน เปล่งประกายขึ้นทันที คำพูดของ ซ่างเชียน ดึงดูดความสนใจนางได้สำเร็จ “ฮึ่ม! งั้นข้าจะลองเข้าใกล้ ซูอัน ดูก็ได้ แต่ท่านจงรู้เอาไว้ว่าหากเขาเอาเปรียบข้าเมื่อไหร่ คนที่เสียประโยชน์ในร่างกายข้าก็คือท่าน!”

ซ่างเชียนหัวเราะออกมา “คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ข้ารู้ว่าภายใต้กิริยาที่อ่อนโยนของเจ้า เจ้าเป็นคนที่หวงแหนร่างกายของเจ้าเป็นอย่างมาก ข้าไม่คิดว่าคนไร้ค่าอย่างซูอันจะสามารถหาประโยชน์จากเจ้าได้แม้แต่ปลายเล็บ”

“ยังเร็วเกินไปที่จะพูดแบบนั้น ในเมื่อท่านต้องการให้ข้าวางกับดักน้ำผึ้งกับเขา มันจึงเป็นไปได้ว่าข้าอาจจะต้องล่อเขาด้วยผลประโยชน์อะไรบ้างเพื่อดึงดูดเขาเอาไว้ ท่านควรเตรียมใจให้พร้อมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ว่าแต่ ขีดจำกัดความอดทนของท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้มีเท่าไหร่?”

“ขีดจำกัดความอดทนของข้า…เอ่อ… อย่างมากที่สุดก็กอด! ไม่ ๆ ไม่ได้สินั่นมากเกินไปหน่อย งั้นเอาแค่จับมือพอก็แล้วกัน!” แค่คิดว่า ซูอัน ได้แตะเนื้อต้องตัวคู่หมั้นของเขามันก็ทำให้ ซ่างเชียน รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก “เมื่อเสร็จเรื่องนี้แล้ว ข้าจะตัดมือของเขาทิ้งทีหลัง!”

เจิ้งตาน หัวเราะเบา ๆ กับอาการหึงหวงของ ซ่างเชียน มันก็แค่จับมือไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร สักหน่อย? สิ่งที่จำเป็นต้องทำก็แค่ล้างมือหลังจากเสร็จเรื่อง มันเป็นอัตตาของเขาเองที่ทำให้เขาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องไร้สาระมากเกินไป

“ว่าแต่ทำไมท่านถึงอยากได้ ตั๋วหนี้ใบนั้นนัก? ท่านคงไม่ได้คิดจริง ๆ ใช่ไหมว่า สำนักดอกบ๊วยจะมีปัญญาจ่ายหนี้ทั้งหมด?” เจิ้งตาน เอ่ยถามขึ้น

“สำนักดอกบ๊วยไม่มีทางหาเงินได้มากขนาดนั้นอยู่แล้วข้อนี้ข้ารู้ แต่มันจะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปเลยหากเราใช้มันกับผู้ที่หนุนหลังสำนักดอกบ๊วยแทน” ซ่างเชียน เอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะอย่างชั่วร้าย

ถึงแม้ว่าในขณะนี้พวกเขากับกลุ่มคนที่หนุนหลังสำนักดอกบ๊วยร่วมมือกันอยู่ แต่ท้ายที่สุดแล้วเป้าหมายของพวกเขาก็ยังแตกต่างกัน หากพวกเขาเลิกจับมือกันในอนาคต ตั๋วหนี้นี้จะกลายเป็นอาวุธที่ประเมินค่าไม่ได้สำหรับพวกเขา

เจิ้งตาน พยักหน้าเป็นคำตอบ จากนั้นนางตัดสินใจว่าจะไม่ถามถึงรายละเอียดในเรื่องนี้ต่อเพราะนางยังไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับเรื่องของคนในเมืองหลวงให้มันมากนักในตอนนี้ ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนประเด็นไปถามข้อมูลของเป้าหมายของนางแทน “ท่านช่วยบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ซูอัน ผู้นี้ที ที่ผ่านมาข้าแค่ได้ยินเกี่ยวกับข่าวลือของเขาเท่านั้นว่าเป็นเพียงแค่คนไม่เอาไหนคนหนึ่ง วันนี้ท่านได้เผชิญหน้ากับเขาตัวจริงแล้วดังนั้นข้าคิดว่าท่านน่าจะมีข้อมูลที่แม่นยำมากกว่าข่าวลือพวกนั้นแน่นอน”

เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเผชิญในบ่อน ซ่างเชียน ก็เริ่มพูดขึ้นด้วยสีหน้าชิงชัง “ไอ้คนผู้นั้นมันเป็นคนไร้ยางอายที่สุดเท่าที่ข้าเจอมาในชีวิต เขาสามารถเกาะชายกระโปรงผู้หญิงให้เป็นโล่ให้กับเขาโดยไม่มีความอายเลยแม้แต่น้อย….”

ฮัดชิ่ววว!

ซูอัน ลูบจมูกของเขาและสงสัยว่าใครกำลังนินทาลับหลังเขาอยู่

ข้าง ๆ เขา ฉู่ชูเหยียน ชำเลืองมองเขาแล้วถามว่า “ตอนนี้เจ้าคงมีความสุขมากสินะ?”

ซูอัน ตอบด้วยเสียงหัวเราะ “ใครจะไม่รู้สึกมีความสุขบ้างล่ะหลังจากชนะเงินบ่อนได้ถึง เจ็ดล้านห้า!”

“เจ้าลืมไปรึเปล่าว่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมันใหญ่แค่ไหน ข้าคิดว่าตอนนี้พ่อกับแม่ของข้าต้องรู้เรื่องแล้วแน่นอน ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าหลังจากกลับไปถึงตระกูลเจ้าจะแก้ตัวกับพวกเขายังไง” ฉู่ชูหยาน พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

ซูอัน ตกตะลึง “เดี๋ยวนะ ข้ายังต้องถูกลงโทษทั้งๆที่ข้าชนะเนี่ยนะ?” “มันไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเงิน แต่พ่อแม่ของข้าให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของตระกูลฉู่ เป็นอย่างมาก เป็นที่ทราบกันทั่วไปอยู่แล้วว่าตระกูลฉู่ ของเราห้ามไม่ให้สมาชิกตระกูลเล่นการพนันเด็ดขาด แล้วยิ่งครั้งนี้เจ้าสร้างเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่กองทัพผ้าคลุมสีชาดต้องออกโรงไปขัดแย้งกับกองทหารลาดตระเวนลำน้ำและกองทหารรักษาการณ์เมืองจันทร์กระจ่าง ดังนั้นมันจึงไม่มีทางที่พ่อกับแม่ของข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่นอน” ฉู่ชูเหยียน อธิบายอย่างใจเย็น

ซูอัน ไม่พอใจ “แต่นี่มันเป็นเงินเจ็ดล้านห้าแสนที่เรากำลังพูดถึงอยู่! ข้าไม่คิดว่าผลกำไรทั้งปีของตระกูลฉู่ จะใกล้เคียงกับจำนวนเงินนี้แน่นอน แทนที่การกระทำครั้งนี้ของข้าจะนับว่าเป็นผลงานไหงข้ากลับต้องถูกลงโทษด้วยเล่า!”