บทที่ 136 คู่หมั้น(ปลาย)
ในขณะเดียวกัน เยว่ซาน ก็เดินปิดท้าย ซูอัน เพื่อปิดโอกาสไม่ให้เขายั่วยุใครได้อีก เนื่องจากเขารับใช้ตระกูลฉู่มานานหลายปี เขาจึงคุ้นเคยกับมารยาทของขุนนางมาโดยตลอด ดังนั้นการกระทำที่ ไร้ยางอายของ ซูอัน จึงยากเกินสำหรับเขาที่จะอดทน
เหมยเชาฟง มองตามหลังกลุ่มของ ซูอัน ที่กำลังเดินออกไปจากบ่อนของเขาด้วยสายตาอาฆาต
“ท่านเจ้าสำนัก เราจะจ่าย 7,500,000 ตำลึงเงินให้กับไอ้คนผู้นั้นจริง ๆ งั้นเหรอ?” หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาผู้โง่เขลาเข้าหา เหมยเชาฟง และถามอย่างกังวล
“จ่ายหัวของเจ้าสิ!” เหมยเชาฟง ตบผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเต็มแรงจนฝั่งตรงข้ามลงไปนอนกองกับพื้น
จากนั้นด้วยสีหน้าที่เดือดดาล เหมยเชาฟง มุ่งหน้าไปที่ห้องส่วนตัวสำหรับแขกชั้นพิเศษซึ่งที่ด้านในมีหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่
“แม่นางเฉียว เจ้าให้ข้าเขียนตั๋วหนี้ เจ้าตั้งใจจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร?” เหมยเชาฟง ปิดประตูห้องและถามขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
“เจ้าควรคิดให้ดีก่อนว่าสถานการณ์ที่เจ้าอยู่เมื่อครู่นี้มันเป็นแบบไหน เจ้าจะรอดพ้นจากสถานการณ์นั้นได้ยังไงถ้าเจ้าไม่ยอมเขียนตั๋วหนี้?” ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ในห้องส่วนตัวของบ่อนไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เสวี่ยเอ๋อร์ เมื่อนางมองไปที่คิ้วของ เหมยเชาฟง ซึ่งกระตุกไม่หยุด นางจึงถอนหายใจและปลอบเขาว่า “ไม่ต้องกังวล ตั๋วหนี้นั้นอยู่ในมือของ ซูอัน ดังนั้นมันไม่ยากเกินไปหรอกหากเราจะเอามันคืนมา”
เหมยเชาฟง ขมวดคิ้ว “แต่ข้ากังวลว่าเขาจะมอบตั๋วหนี้ให้ตระกูลฉู่!”
เสวี่ยเอ๋อร์ส่ายหัวแล้วตอบว่า “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ฉู่ชูเหยียน เป็นคนที่หยิ่งทะนงเป็นที่สุด นางไม่มีวันเอาเงินของ ซูอัน ไปแน่นอน ส่วน ฉู่จงเทียน ยิ่งแล้วใหญ่ เขาเป็นคนถือมั่นในกฎตระกูลเป็นอย่างมาก ตระกูลฉู่มีกฎอยู่แล้วว่าห้ามเล่นการพนัน ฉะนั้นเขาไม่มีทางแตะต้องเงินที่ได้จากการเล่นพนันอย่างแน่นอน อันที่จริงหลังจากกลับไปตระกูลฉู่จะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ ซูอัน ในวันนี้แน่ ๆ ดังนั้นมันมีแนวโน้มว่าเขาจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงหลังจากนี้ เอาไว้พวกเรารอดูสถานการณ์ต่อไปก่อนแล้วค่อยคิดกันอีกทีว่าจะจัดเขายังไง”
“พวกเขาจะไล่ ซูอัน ออกจากตระกูลฉู่รึเปล่า?” เหมยเชาฟง ถามกลับ
เสวี่ยเอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึก ๆ “ข้าไม่รู้ 7,500,000 ตำลึงเงินเป็นเงินจำนวนมหาศาล แต่ถ้าเราสามารถไล่ ซูอัน ออกจากตระกูลฉู่ได้ เรื่องนี้มันก็นับว่าไม่ได้เลวร้ายอะไรเท่าไหร่กับสิ่งที่เราเสียไป”
“…” เหมยเชาฟง
บัดซบเอ๊ย! มันไม่ใช่เงินของเจ้านี่หว่า เจ้าเลยพูดได้ว่าไม่ได้เลวร้ายอะไรเท่าไหร่! เจ้าเข้าใจ หรือเปล่าว่าเงิน 7,500,000 ตำลึงเงินหมายถึงอะไร? ด้วยเงินจำนวนนี้ ข้าสามารถจ้างมือสังหารที่แข็งแกร่งพอจะลบตระกูลฉู่ให้หายไปจากโลกนี้ได้ด้วยซ้ำ! แต่ตอนนี้ข้ากลับใช้มันเพียงเพื่อแค่กำจัดไอ้ขยะนั่นแค่คนเดียวเนี่ยนะ?
โชคดีที่ เสวี่ยเอ๋อร์ พูดปลอบเขาต่อไปอีกเล็กน้อย “เอาเป็นว่าเจ้ามั่นใจได้เลยว่าคืนนี้ข้าจะลงมือด้วยตัวเองอีกครั้ง ไม่เพียงแต่ข้าจะขโมยตั๋วหนี้คืนมาให้เจ้าเท่านั้น แต่ข้ายังจะกำจัดไอ้ขยะนั่นด้วยเพื่อลดปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากมันในอนาคต”
เหมยเชาฟง รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “ขอบคุณมาก แม่นางเฉียวข้าขออวยพรให้ท่านลงมือสำเร็จได้อย่างราบรื่น!”
พูดตามตรง ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาสามารถฆ่า ซูอัน ได้อย่างง่ายดายไม่ต่างอะไรกับการบี้มด แต่มันติดปัญหาตรงที่ว่า ซูอัน มักจะอยู่แต่ใน คฤหาสน์ตระกูลฉู่ หรือไม่ก็ สถาบันจันทร์กระจ่าง ทำเท่านั้นซึ่งทำให้เขาไม่มีโอกาสลงมือด้วยตัวเองเลย อย่างไรก็ตาม หากคนวงในอย่างเสวี่ยเอ๋อร์ลงมือแทน โอกาสในการประสบความสำเร็จมันก็แทบจะยืนยันได้เต็ม 10 ส่วน
ในขณะเดียวกัน ในคฤหาสน์ตระกูลเจิ้ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก บ่อนโกยเงิน หญิงสาวคนหนึ่งกำลังจ้องมองไปที่ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาคนหนึ่งซึ่งยังคงอยู่ในชุดเกราะสีทอง ดวงตาของนางสว่างใสราวกับน้ำพุบริสุทธิ์ และผิวของนางก็ขาวเนียนราวกับหิมะ คำว่างดงามคงจะเป็นคำที่เหมาะสมที่สุดในการอธิบายนาง
“เป็นอะไรไป นายน้อยซ่าง? ทำไมวันนี้ท่านถึงได้ดูอ่อนเพลียขนาดนี้?” หญิงสาวค่อย ๆ รินชาให้ผู้ชายตรงหน้านางด้วยท่วงท่าที่งดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ
ชายที่นั่งตรงหน้านางไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ซ่างเชียน ที่เพิ่งกลับมาจากบ่อนโกยเงิน
“ทักษะการชงชาของแม่นางเจิ้งช่างเป็นเลิศจริงๆ” ท่าทีอันอ่อนช้อยของสาวงามตรงหน้าทำให้หัวใจของ ซ่างเชียน สงบลง
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “เมื่อการหมั้นของเราสำเร็จแล้ว ข้ายินดีจะชงชาให้ท่านทุกวัน”
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณหนูของตระกูลเจิ้ง เจิ้งตาน ตระกูลเจิ้งได้หมั้นหมายนางให้กับตระกูลซ่าง ให้นางเป็นคู่หมั้นของซ่างเชียน
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน แต่ดวงตาของ ซ่างเชียน ก็ยังคงเปล่งประกายทุกครั้งเมื่อมองนาง ก่อนหน้านี้ที่เขาได้ยินว่าจู่ๆพ่อของเขาหมั้นเขากับลูกสาวตระกูลพ่อค้าใน เมืองจันทร์กระจ่าง เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากจนถึงขั้นทะเลาะกับพ่อของเขาหลายครั้งเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาได้พบกับ เจิ้งตาน ความคับข้องใจของเขามันก็จางหายไปจนหมด เพราะ เจิ้งตาน นั้นงดงามเกินกว่าจินตนาการของเขาไปมากจนเขารู้สึกว่าการแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
“ขอบคุณ คุณหนูเจิ้ง” ซ่างเชียน เอื้อมมือไปคว้าถ้วยน้ำชาโดยแอบใช้โอกาสนี้เพื่อสัมผัสมือของ เจิ้งตาน จนอีกฝ่ายรีบดึงมือกลับได้ด้วยกิริยาเขินอาย
“นายน้อยเจิ้ง ข้าจะเป็นของท่านแน่นอนเมื่อเราแต่งงานกัน เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะทำทุกอย่างตามที่ท่านปรารถนา แต่ตอนนี้…” ความหมายเบื้องหลังคำพูดของเจิ้งตานนั้นชัดเจนมาก นางไม่ต้องการเกินเลยกับเขาก่อนแต่งงาน
แววตาของ ซ่างเชียน ฉายแววหงุดหงิดอยู่ชั่วอึดใจ แต่เขาก็ซ่อนมันไว้อย่างรวดเร็ว ยิ่งเจิ้งตานแสดงท่าทีเช่นนี้ เขาก็ยิ่งหลงใหลนางมากขึ้นเท่านั้น ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจั๊กจี้หัวใจของเขา กระตุ้นความปรารถนาของเขาที่มีต่อนางให้มากยิ่งขึ้น
“มีบางอย่างเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่ บ่อนโกยเงิน…” เพื่อแก้ไขความกระอักกระอ่วนระหว่างพวกเขา ซ่างเชียน จึงเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เขาเผชิญมาเมื่อครู่ให้กับ เจิ้งตาน ได้ฟังแบบย่อ ๆ
ความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของ เจิ้งตาน ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด “หืม? บ่อนโกยเงิน อนุญาตให้ ซูอัน เดินออกไปพร้อมกับเงิน 7,500,000 ตำลึงเงิน จริง ๆ งั้นเหรอ? ข้าได้ยินข่าวลือมามากมายว่านายน้อยของตระกูลฉู่ เป็นคนไร้ค่าไม่มีความสามารถใด ๆ แต่ดูเหมือนว่าข่าวลือเหล่านั้นจะเชื่อถือไม่ได้สินะ”
น้ำเสียงของนางซึ่งดูเหมือนจะชมเชยชายอีกคน ทำให้ซ่างเชียนรู้สึกอึดอัดอยู่ภายใน “ฮึ่ม ไอ้เวรนั่นมันก็แค่โชคดีเท่านั้น ที่เขาชนะพนันได้ก็เพราะเขาแทงแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไปแค่ 2 ตา”
เจิ้งตาน หัวเราะเบา ๆ จนริมฝีปากสีแดงเข้มของนางเผลรอยยิ้มที่งดงาม นางสามารถมองผ่านความคิดของ ซ่างเชียน ได้อย่างทะลุปรุโปร่งดังนั้นนางจึงหยุดถามเขาเรื่องนี้ต่อเพื่อที่จะไม่ไปกระตุ้นเขาให้โมโหมากไปกว่าเดิม
ซ่างเชียน พูดต่อไปอีกว่า “พูดถึงเรื่องนี้ ข้ามีบางอย่างที่ข้าต้องการให้เจ้าช่วย”