บทที่ 152 สาวน้อย (ปลาย)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 152 สาวน้อย (ปลาย)

บทที่ 152 สาวน้อย (ปลาย)

ลู่หยวนนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้อง ก่อนเข้าสู่จิตเทวะ

ในจิตเทวะ มังกรเจินหลงกำลังเล่นหินทรงกลมอย่างมีความสุข

ชายหนุ่มเดินเข้าไปหามังกรเจินหลงตัวน้อย มันจึงหลบไปด้านข้าง ดูฉลาดหลักแหลมยิ่ง

ลู่หยวนเก็บก้อนหินขึ้นมาวางไว้ในฝ่ามือ เขาพยายามใช้พลังวิญญาณ หรือไม่ก็วิธีการอื่น ๆ แต่ไม่มีอะไรที่ใช้ได้ผลกับก้อนหินดังกล่าว

“ระบบ เจ้าสามารถทะลวงสิ่งนี้ได้หรือไม่?”

[ระบบแจ้งเตือน นี่คือโอสถมังกรศิลา! ไม่สามารถทะลวงได้!]

“โอสถมังกรศิลาหรือ?”

ถึงแม้จะมีคำเดียวที่เพิ่มมาจากโอสถมังกร แต่ลู่หยวนรู้สึกได้ ว่าสิ่งนี้อาจจะแตกต่างจากโอสถมังกรเจินหลง

“โอสถมังกรศิลานี้คืออะไร?”

[ระบบแจ้งเตือน โอสถมังกรธรรมดาจะสลายไปเมื่อออกจากร่าง แต่เมื่ออยู่ที่นี่จะได้รับการบ่มเพาะด้วยวิธีลับ ทำให้มันไม่สลายไป แต่หากท่านใช้กำลังทะลวงมัน พลังทั้งหมดของโอสถมังกรจะหายไป]

[ด้วยความสามารถของท่านในตอนนี้ จึงไม่สามารถทะลวงสิ่งนี้ได้!]

[ขอแนะนำให้ท่านอย่าใช้สิ่งนี้สักพัก ต้องมีร่างของมังกรเจินหลง จึงจะสามารถทะลวงความลึกลับของมันได้ ถึงตอนนั้น ท่านจึงจะได้ประโยชน์จากมัน!]

เมื่อได้ยินดังนี้ ลู่หยวนก็โยนสิ่งนั้นให้มังกรเจินหลงน้อย ในเมื่อเขาไม่สามารถทะลวงมันได้ เช่นนั้นตามที่ระบบว่ามา คือต้องรอให้มังกรเจินหลงน้อยทะลวงมัน

[ระบบแจ้งเตือน โอสถมังกรศิลานี้คือโอกาสของบุตรแห่งโชคชะตานามเซียวเทียน แต่ตอนนี้ถูกท่านกีดกัน เมื่อโอสถมังกรถูกนำออกมา ท่านจะช่วงชิงค่าชะตาของบุตรแห่งโชคชะตานามเซียวเทียนไป!]

หลังจากลู่หยวนฟังเสียงของระบบกล่าวจบ เขากำลังจะหยิบกระเบื้องออกมา แต่ทันใดนั้นหอคอยอสูรสวรรค์พลันขยับบินมาทางเขา กลิ่นอายทมิฬรอบข้างพวยพุ่ง ดูผิดปกติยิ่งนัก

บุตรศักดิ์สิทธิ์เพียงชำเลืองมองสิ่งนี้ เขารู้ว่าไม่ใช่หอคอยอสูรสวรรค์ที่กำลังตามหามัน แต่เป็นมารร้ายที่อยู่ในนั้นต่างหาก!

“เหอะ”

ลู่หยวนพลันยิ้มออกมา สตรีที่ติดอยู่ภายในนั้นน่าสนใจยิ่งนัก แผนถูกเปิดโปงไปแล้วตั้งสองครั้ง แต่ก็ยังสะกดรอยตามมา

ดี… วันนี้เขาอยากรู้นัก ว่ามารร้ายตนนี้กำลังคิดอะไรอยู่

ชายหนุ่มคิดเช่นนั้น จึงเข้าสู่หอคอยอสูรสวรรค์

เคร้ง!

ทันทีที่ก้าวเข้าไป ลู่หยวนก็ได้ยินเสียงโซ่กระทบไปมา

ในสถานที่มืดมิด มีร่างหนึ่งหยุดนางเอาไว้อย่างแน่นหนา

สตรีผู้นั้นชำเลืองมอง เมื่อเห็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ นางกล่าวเสียงดังทันทีว่า “เจ้านาย… ช่วยข้าด้วย!”

ลู่หยวนขมวดคิ้ว พร้อมสายตาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขา

ทว่ามีร่างหนึ่งกำลังกดข่มนางเอาไว้จนขยับไม่ได้ ชายหนุ่มกอดอกมองดูอีกฝ่ายอย่างเย็นชา เขาพอจะคาดเดาได้ว่าร่างที่หันหลังให้เขาคือมารในหอคอยอสูรสวรรค์เช่นกัน

จากมุมมองของชายหนุ่ม เขาพบว่าร่างที่ปรากฏกายขึ้นใหม่นี้ผอมยิ่ง เหมือนกับเด็กไม่มีผิด

มีพลังมารอยู่รอบข้าง ทำให้ยากที่จะมองคนผู้นั้นได้อย่างชัดเจน เห็นเพียงมือสีขาวราวกับหยกขนาดเล็กยื่นออกมาบีบลำคอของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้อย่างแน่นหนา

ไม่ว่านางมารร้ายจะดิ้นรนแค่ไหน มันก็เปล่าประโยชน์

นางเห็นว่าลู่หยวนไม่ได้ตั้งใจจะช่วยแต่อย่างใด ความเจ็บปวดในลำคอยิ่งสาหัส นางรู้สึกว่าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป นางอาจขาดอากาศหายใจตายก็เป็นได้!

“นายท่าน”

สตรีผู้นั้นหายใจอย่างยากลำบาก สายตาของนางขณะมองบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้โหดเหี้ยมดังเดิมอีกต่อไป กลายเป็นความถวิลหา เขาเป็นความหวังอันเลือนรางหนึ่งเดียวที่นางมี

ลู่หยวนยังคงไม่ปริปากหรือขยับเขยื้อนแต่อย่างใด

วันนี้หอคอยอสูรสวรรค์เป็นของเขาแล้ว มารร้ายที่อยู่ข้างในย่อมเป็นสุนัขของเขา

หากสุนัขถูกทุบตี ในฐานะที่ชายหนุ่มเป็นเจ้าของย่อมต้องทวงคืนความยุติธรรม ลู่หยวนเองก็มีบริวารอยู่มากมาย ใช่ว่าเขาจะไม่เคยต่อสู้เพื่อผู้ที่อยู่ใต้อาณัติ

แต่นางมารร้ายตนนี้ไม่ใช่สุนัขที่ดี

สุนัขที่ไม่ซื่อสัตย์ ย่อมไม่สำคัญว่ามันจะตายหรือไม่

ทันใดนั้น มือสีขาวราวกับหยกพลันปล่อยออก ร่างที่หันหลังให้ลู่หยวนหมุนคอหันมาหา พลังมารทั่วร่างหายไปแล้ว

เผยให้เห็นใบหน้าเด็กผู้หญิงอายุห้าถึงหกขวบ

“เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ ออกไปซะ!”

สาวน้อยขมวดคิ้ว ราวกับไม่พอใจตัวตนของลู่หยวนยิ่งนัก

บุตรศักดิ์สิทธิ์กวาดสายตา เขาสังเกตเห็นว่ามีโซ่ตรวนอยู่รอบข้อเท้าของเด็กผู้หญิงคนนี้เช่นกัน แต่มันถูกดึงออกไปแล้ว เหลือเพียงเศษซากที่ยังห้อยอยู่กับผิวบริเวณข้อเท้าซึ่งฉีกขาด จนเลือดเนื้อด้านในประจักษ์แก่สายตา

ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าโซ่ที่แขวนบนเท้าของสาวน้อยยังคงมีพลังยับยั้งนางเอาไว้

ลู่หยวนกลอกตา ชำเลืองมองใบหน้าของสาวน้อย “ข้าคือเจ้าของหอคอยอสูรสวรรค์ เป็นเจ้านายของเจ้า!”

“เจ้าของหรือ?!”

สายตาแข็งกร้าวของสาวน้อยเต็มไปด้วยความสงสัย คล้ายกับไม่เข้าใจคำพูดนี้ยิ่งนัก

ลู่หยวนไม่คิดจะอธิบาย เขาทำเพียงเชยคางร่างเล็กขึ้น “เจ้ากำลังจะฆ่านางหรือ?”

สิ่งที่ชายหนุ่มกล่าวถึงย่อมเป็นนางมารร้ายที่ยังคงถูกบีบคออยู่

สาวน้อยหันไปมองเหยื่อในมือก่อนส่ายหน้า

“ข้าไม่รู้”

“ไม่รู้งั้นหรือ?”

ลู่หยวนลดแขนลง สายตาชำเลืองมองสาวน้อย

ร่างเล็กเบื้องหน้าดูไม่มีพิษภัย แต่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายช่างอันตรายยิ่งนัก

ถึงแม้จะมีพลังมารอยู่ในกลิ่นอายดังกล่าว แต่มันก็มีบางสิ่งบางอย่างที่คอยปิดกั้นกลิ่นอายนี้เอาไว้ ถ้าคุณชายลู่ไม่ใช่สายเลือดมารเหมือนกัน จนมีความอ่อนไหวต่อสัมผัสนี้ เขาอาจจะแค่ฉงนใจว่าอีกฝ่ายทะลวงเข้ามาในหอคอยอสูรสวรรค์โดยบังเอิญได้อย่างไร หาใช่มารไม่

สาวน้อยมองชายหนุ่มด้วยท่วงท่าสงบยิ่งเช่นกัน พร้อมสายตาขุ่นมัว

บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ก้าวมาข้างหน้าสองสามก้าว ยืนอยู่ตรงหน้าสาวน้อย พลางถามว่า “เจ้าชื่ออะไร?”

นางส่ายหน้าช้า ๆ “ข้าไม่รู้”

“เช่นนั้นทำไมเจ้าถึงอยู่ในหอคอยแห่งนี้?”

“ข้าไม่รู้”

“เจ้ามาอยู่ที่หอคอยแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ข้าไม่รู้”

ลู่หยวนถามอีกหลายข้อ แต่สาวน้อยจะส่ายหน้าแล้วตอบว่าข้าไม่รู้อยู่เหมือนเดิม สายตาของอีกฝ่ายว่างเปล่ายิ่ง ราวกับสับสนจริง ๆ ว่าจะตอบคำถามเหล่านี้อย่างไร

บุตรศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงอืม จากนั้นหันสายตาไปมองนางมารร้ายที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ อีกฝ่ายไม่มีท่วงท่าอวดดีเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ตอนนี้นางมองผู้ถือครองหอคอยและสาวน้อยด้วยสีหน้ากังวลใจ

ตอนนี้คุณชายลู่มองอีกฝ่ายจากมุมสูงด้วยร่องรอยความเย้ยหยัน เวลานี้นางมารร้ายพลันนั่งคุกเข่า หัวใจเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอด “นายท่าน ช่วยข้าด้วย!”

ชายหนุ่มยกยิ้ม ละสายตาจากนางมารร้ายหันมามองสาวน้อย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบยิ่ง “ฆ่านางเสีย”

นางที่ว่า หมายถึงสตรีที่กำลังคุกเข่ากับพื้น

รูม่านตาของนางมารร้ายที่กำลังคุกเข่ากับพื้นพลันหดลง นางไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มจะพูดเช่นนั้นออกมา

นางรีบคลานเข่ามาข้างหน้าสองสามก้าว คว้ามุมเสื้อของลู่หยวนเอาไว้อย่างหวาดกลัว แต่คลานเข่ามาข้างหน้าได้ไม่ทันไรก็พลันถูกโซ่เหล็กที่อยู่ด้านหลังรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา มันบีบรัดแน่นจนมีโลหิตอาบนอง

เคร้ง!

โซ่เหล็กหนักอึ้งพันธนาการสตรีนางนั้นเอาไว้ ต้องถอยห่างออกจากผู้ถือครองหอคอยไปหลายจั้ง

“นายท่าน ท่านจะฆ่าข้าไม่ได้นะ!”

“ข้าคือวีรสตรีผู้ติดตามท่านราชันมารมาโดยตลอด! ขอเพียงท่านเก็บข้าไว้ ข้าสามารถกำจัดอุปสรรคขวากหนามมากมายให้ท่านได้!”

ลู่หยวนทำเป็นหูหนวก สายตายังคงจับจ้องสาวน้อยตรงหน้า

ร่างเล็กหันกลับมามองเขาเช่นกัน ผ่านไปหลายอึดใจก็ขยับ สาวน้อยยกมือขึ้น ชี้ไปยังสตรีที่กำลังคุกเข่ากับพื้น ถามอย่างแผ่วเบาว่า “ฆ่านางหรือ?”

ชายหนุ่มพยักหน้า