ตอนที่ 111 ให้เจ้าทั้งหมดเลย
เย่หลานเฉิงกำลังกลืนน้ำลายเมื่อเห็นน่องไก่ที่เหนือความคาดหมายชิ้นนั้น แต่จู่ ๆ ก็เห็นหนานหนานยกมือกุมท้องลงไปกลิ้งอยู่ที่พื้น เขาก็ตกใจจนหน้าขาวซีด รีบออกจากตำแหน่งแล้วย้ายไปนั่งยอง ๆ ข้างตัวหนานหนาน “เกิดอะไรขึ้น? หนานหนาน เจ้าเป็นอะไรไป?”
“ปวด…ปวดท้อง” หนานหนานเหงื่อชุ่มไปทั้งหน้าผาก มือเล็ก ๆ ออกแรงทุบท้องด้วยใบหน้าขาวซีด
เย่หลานเฉิงไปตรวจสอบท้องของเขา เกิดความสับสนทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง “เหตุใด…เหตุใดถึงปวดท้องล่ะ? เจ้ารอเดี๋ยวนะ ข้าจะไปเรียกเฉิงกงกงมา”
“เดี๋ยว…เดี๋ยวก่อน” หนานหนานปวดจนทรมาน ทว่าก็รีบดึงมือของอีกฝ่ายไว้ ไม่ให้เขาวิ่งออกไป พูดอย่างยากลำบากว่า “ช่วยหยิบขวดสีดำในกระเป๋าให้ข้าหน่อย หยิบขวดออกมา”
“อ๋อ” เย่หลานผิงไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เขาทำตามที่หนานหนานบอกด้วยการพลิกกระเป๋าที่หนานหนานพกติดตัว แม้กระเป๋าใบนี้จะไม่ใหญ่ แต่ของที่อยู่ด้านในกลับมีเยอะแยะเต็มไปหมด เขาต้องควานหาจนเหงื่อชุ่มหน้าผากจนกว่าจะเจอและหยิบขวดกระเบื้องสีดำที่หนานหนานพูดถึงออกมา
หนานหนานรู้สึกได้ว่าความปวดมวนในท้องลดน้อยลงมากแล้ว สามารถลุกขึ้นนั่งช้า ๆ ภายใต้การช่วยประคองของเย่หลานเฉิงได้แล้ว เขาเทยาจากในขวดออกมาสองเม็ดและกลืนลงท้อง ก่อนจะถอนหายใจยาว
“เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?” เย่หลานเฉิงก็เบาใจเช่นกัน โชคดีที่ไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่อะไร
หนานหนานส่ายหน้า ก่อนหอบหายใจสองครั้งและยกมือลูบท้องน้อย ๆ ของตนเอง ซับเหงื่อและกลับมานั่งอีกครั้ง
เพียงแต่สายตาได้มองไปยังน่องไก่ที่ถูกโยนทิ้งเมื่อครู่ จากนั้นก็หรี่ตาลง “น่องไก่ชิ้นนั้นมีพิษ”
“พิษ?” เย่หลานเฉิงชะงัก ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยสีหน้าดูไม่สู้ดีเท่าไรนัก
“แต่เป็นพิษชนิดเรื้อรัง” หนานหนานยกมือลูบคางขณะกล่าว เขาหันมาฉีกตำราของเย่หลานเฉิงออกมาสองแผ่น อีกฝ่ายคิดจะห้ามก็ไม่ทันแล้ว
หนานหนานใช้กระดาษห่อน่องไก่วางไว้บนโต๊ะ ทำท่าทางราวกับเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อย แค่นเสียง “เสี่ยวเฉิงเฉิง มีคนคิดจะวางยาเจ้า ทั้งยังเป็นการเลี้ยงไข้ให้เป็นโรคเรื้อรังด้วย”
เป็นเพราะร่างกายของเขาไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก หนานหนานจึงไวต่อยาโดยทั่วไปอย่างมาก กอปรกับการปรับแก้ไขของอวี้ชิงลั่ว ยิ่งทำให้แตกต่างจากคนทั่วไป ตอนนี้ต่อให้เป็นยาพิษชนิดอ่อนที่ทำให้เกิดโรคเรื้อรัง เขาก็มีปฏิกิริยาทันที จึงรักษาได้ทันเวลา
โชคดีที่ยานี้ไม่ได้ร้ายแรง ไม่เช่นนั้นวันนี้เขาคงปวดท้องจนตายไปจริง ๆ คนที่วางยาพิษนั่นชั่วร้ายเกินไปแล้ว
เย่หลานเฉิงไม่พูดไม่จา ยาพิษชนิดเรื้อรัง? หากเป็นยาพิษชนิดเรื้อรังที่ใส่วันละนิด บางที เขาอาจกินไปไม่น้อยแล้ว
คิดไม่ถึงเลย วันนี้เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้มีภัยคุกคามกับใครแล้ว คนเหล่านั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยเขา
“คุณชายน้อย คุณชายน้อย?” ในเวลานี้เอง จู่ ๆ ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ
ทั้งสองคนที่นั่งเงียบอยู่ภายในห้องถึงกับสะดุ้งโหยง หนานหนานรีบหยิบน่องไก่เข้าไปซ่อนตัวด้านในห้อง ทั้งยังกำชับว่า “เรื่องนี้ห้ามพูดออกไปเชียวนะ”
เย่หลานเฉิงพยักหน้า ก่อนจะตอบเสียงดังไปว่า “เคอกงกง มีธุระอะไรหรือ?”
“คุณชายน้อย ท่านกินอาหารค่ำหรือยังขอรับ? นี่ก็ดึกแล้ว ให้บ่าวเตรียมที่นอนให้คุณชายน้อยพักผ่อนเถอะขอรับ”
“ข้าเพิ่งกินเสร็จ ยังนอนไม่หลับ ข้ายังอยากอ่านตำราอีกสักหน่อย เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องมาดูแลข้าแล้ว”
ด้านนอกเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมีเสียงเคอกงกงดังขึ้นเบา ๆ “ขอรับ เช่นนั้นบ่าวขอตัวลา”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงฝีเท้าที่ดังจากด้านนอกประตูก็ห่างออกไป หนานหนานที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องชะโงกหน้าออกมา ก่อนจะมานั่งลงตรงหน้าเขา
เย่หลานเฉิงถามเขาด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดเจ้าถึงไม่อยากให้เคอกงกงรู้ ข้างกายของข้ามีเพียงเคอกงกงเท่านั้นที่สามารถเชื่อใจได้”
หนานหนานแค่นเสียงเย็น “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาเชื่อใจได้? ข้าจะบอกอะไรให้นะ น่องไก่ชิ้นนี้ เป็นของที่ขันทีคนนั้นที่อยู่ในห้องพระเครื่องต้นแอบเก็บไว้ให้ คนอื่นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน่องไก่ชิ้นนี้จะนำมาให้เจ้ากิน คนที่สามารถหยอดยาพิษได้ก็มีแค่เคอกงกงและขันทีในห้องพระเครื่องต้นเท่านั้นแหละ”
เย่หลานเฉิงมองเขาด้วยความประหลาดใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง หากแม้แต่เคอกงกงก็มิอาจเชื่อใจได้ บนโลกใบนี้ เขาจะเชื่อใจใครได้อีก?
“อ๋อ เสี่ยวเฉิงเฉิง เจ้าก็อย่าได้ปวดใจเกินไปเลย ข้าจะบอกอะไรให้นะ ท่านแม่ของข้าเป็นหมอ และเป็นหมอที่มีทักษะทางการแพทย์ชั้นยอด หลังจากนี้ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก ข้าจะให้นางช่วยดูพิษที่อยู่บนร่างกายของเจ้าให้ นางย่อมช่วยถอนพิษให้เจ้าได้แน่” หนานหนานเห็นท่าทางหดหู่ของเขา จึงยกมือขึ้นตบบ่าของอีกฝ่าย จากนั้นจึงกลับมานั่งลงอีกครั้ง
เย่หลานเฉิงยิ้มด้วยรอยยิ้มขมขื่น เขาดูอาหารอย่างอื่นในกล่องอาหาร ในเมื่อน่องไก่ถูกวางยาพิษ อาหารอย่างอื่นก็ไม่น่าจะกินได้แล้ว
“จ๊อก…” ท้องจึงส่งเสียงร้องออกมาโดยไม่รู้จักกาลเทศะ เย่หลานเฉิงหน้าเจื่อนเล็กน้อยขณะมองหนานหนาน
หนานหนานคว้ากระเป๋าไว้จนแน่น มองอีกฝ่ายด้วยความระมัดระวัง
ท้ายที่สุดก็ทนไม่ไหว ครุ่นคิดและเจรจากับเขา “ในกระเป๋าข้ามีขนมกุ้ยฮวาอีกนิดหน่อย มีแค่นิดหน่อยเท่านั้นนะ ข้าให้เจ้ากินก็ได้ แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ในวันนี้ต้องแบ่งเตียงของเจ้าให้ข้านอนครึ่งหนึ่งด้วย”
เย่หลานเผิงดวงตาเป็นประกาย พยักหน้ารัว ๆ “ได้”
หนานหนานจึงหยิบขนมที่เก็บเสบียงไว้ออกมาจากกระเป๋า แล้ววางไว้บนโต๊ะ ขนมของเขามีความประณีตอย่างมาก ทั้งยังมีส่วนหนึ่งที่แอบขโมยมาจากตำหนักเป่าอ๋องด้วย แต่ละอย่างมีรสชาติอร่อยล้ำ
หนานหนานหยิบออกมาสองชิ้น เมื่อพบว่าน้อยไปหน่อย จึงหยิบออกมาเพิ่มอีกสองชิ้น
เย่หลานเฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กินทีละคำอย่างมีมารยาท ก็แค่ขนมกุ้ยฮวาสองชิ้น จะเติมให้อิ่มท้องได้อย่างไรกัน
แต่เย่หลานเฉิงคุ้นชินมาตั้งแต่เล็กจนโตแล้ว ต่อให้ท้องหิวมากกว่านี้ ก็ไม่สามารถยื่นมือไปขอหนานหนานได้อีก แค่มีของมาทำให้อิ่มท้องได้ เขาก็พอใจแล้ว
แต่หนานหนานทนเห็นสภาพเช่นนี้ของเขาไม่ได้ หากเขากินแล้วยังมาขอเพิ่มอีก บางทีหนานหนานคงไม่ยอม แต่หลังจากเขากินเสร็จก็ไปอ่านตำราต่อ ทั้งยังไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องที่เขาฉีกตำราของตนเอง ภายในใจของหนานหนานก็เริ่มมีน้ำโห
เขาเทขนมหลากหลายชนิดในกางเกง ถุง และกระเป๋าออกมาทั้งหมด ด้านในนั้นยังมีปลาทอดน้ำมันเยิ้มอีกหนึ่งตัวด้วย
หลังจากเขาพลิกดูจนครบแล้ว จึงแค่นเสียงออกมาหนัก ๆ หนึ่งเสียง “ข้าให้เจ้าทั้งหมดเลย ข้าไปนอนล่ะ”
เย่หลานเผิงชะงัก จ้องมองแผ่นหลังของหนานหนานที่ทำท่าโกรธเคือง จู่ ๆ ก็หัวเราะออกมา หัวใจที่เย็นชามาแสนนานค่อย ๆ เกิดความอบอุ่นขึ้นเล็ก ๆ เป็นเด็กที่น่ารักจริง ๆ ไม่รู้ว่าบิดามารดาของเขาเป็นใคร ตอนนี้ไม่เจอเขาคงไม่ร้อนใจแย่หรือ?
หนานหนานพลิกตัวนอนลงบนเตียง แม้แต่เสื้อและถุงเท้าก็ไม่ได้ถอด นอนหลับสบายไม่รู้วันรู้คืน
เขาคิดว่า ถึงอย่างไรเสี่ยวไป๋เหอก็นำข้อความของเขาไปส่งให้ท่านแม่แล้ว คงไม่ต้องเป็นกังวลใจ
เพียงแต่…
สัญลักษณ์ที่ตกลงกันไว้ระหว่างเขาและอวี้ชิงลั่ว อวี้ชิงลั่วกลับไม่ได้บอกเย่ซิวตู๋
ด้วยเหตุนี้ ในเวลานี้ เย่ซิวตู๋ที่เห็นว่าด้านหลังของแมงป่องกลับมาพร้อมกับผงสีเขียวเล็ก ๆ ที่โปรยอยู่บนหลัง สีหน้าพลันมืดครึ้มลง
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ชีวิตน้องหลานเฉิงน่าสงสารจังค่ะ โดนวางยาให้ป่วยเรื้อรังไปเรื่อย ๆ ถ้าหนานหนานไม่โดนพิษแทนคงไม่รู้ว่าที่ผ่านมาตัวเองกินยาพิษอยู่ตลอด
ท่านพ่อจะบุกมาชิงตัวหนานหนานกลางดึกไหมนะ
ไหหม่า(海馬)