ตอนที่ 112 แม่นางอวี้ไม่ได้บอกอะไรไว้สักอย่าง

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 112 แม่นางอวี้ไม่ได้บอกอะไรไว้สักอย่าง

แมงป่องกลับมาแล้ว แต่หนานหนานล่ะ? ยังไม่เห็นเด็กคนนั้นแม้แต่เงา

เย่ซิวตู๋จ้องมองหลังของแมงป่องตัวนั้น เม้มปากด้วยสีหน้าจริงจัง

เสิ่นอิงชะโงกหน้าเข้ามาพูดด้วยความระมัดระวัง “ท่านอ๋อง หรือว่า พวกเราจะให้มันไปอีกสักครั้ง แล้วก็ตามมันไปอีกครั้งดีหรือไม่ขอรับ?”

เย่ซิวตู๋ไม่ได้พูดอะไร หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งจึงพยักหน้า ให้แมงป่องเดินไปใหม่อีกครั้ง

เพียงแต่เสี่ยวไป๋เหอคิดว่าภารกิจของมันเสร็จสิ้นแล้ว มันจึงไม่ยอมเดินไป ทั้งยังไต่เข้าไปในขวดที่เหวินเทียนวางไว้บนพื้น และทำตัวไร้ชีวิต

เสิ่นอิงและเหวินเทียนหันสบตากัน ก่อนจะหันไปมองเย่ซิวตู๋พลางกลืนน้ำลายลงคอ

เย่ซิวตู๋มีสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่ารังสีเย็นชาที่แผ่ออกมาจากร่างกายกลับชัดจนมองเห็นได้ เขาอารมณ์ไม่ดีแล้ว

เพื่อป้องกันไม่ให้แมงป่องอันเป็นของรักที่แม่นางอวี้กำชับไว้อย่างดีว่าต้องคุ้มกันให้ดีถูกนายท่านฆ่าตาย เสิ่นอิงจึงรีบเก็บขวดขึ้นมาและปิดฝาไว้ ก่อนจะกระซิบแนะนำไปว่า “นายท่าน หลังของแมงป่องตัวนี้มีผงสีเขียวเพิ่มเข้ามา จากนั้นมันก็กลับมาแล้ว ข้าคิดว่าคงเป็นสิ่งที่หนานหนานทำไว้ ในเมื่อหนานหนานมีความสามารถในการบอกข่าวคราวกับเรา เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาปลอดภัยดี อีกอย่างภายในวังแห่งนี้ข้าก็ไม่เคยได้ยินเรื่องที่มีผู้บุกรุกมาก่อน นายท่าน ข้าคิดว่าเราพาแมงป่องกลับไปให้แม่นางอวี้ดูก่อนดีกว่าขอรับ ดูว่าผงสีเขียวนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่ แล้วค่อยตัดสินใจกันใหม่”

แม่นางอวี้ ท่านมอบของให้นายท่านก็น่าจะอธิบายให้ชัดเจนมิใช่หรือ? แมงป่องไม่เพียงแต่มุดเข้าไปในซอกหิน ผงที่อยู่บนหลังของมันหมายถึงอะไรก็ไม่ได้บอกไว้ จะให้พวกเขาตัดสินได้อย่างไรกัน? จะรู้ได้อย่างไรว่าสถานการณ์ของหนานหนานในตอนนี้เป็นเช่นไร?

เย่ซิวตู๋เม้มปาก เรื่องมาถึงตรงนี้เขาเองก็จนปัญญา แม้แต่สัตว์ที่เลี้ยงไว้ก็ยังมีนิสัยแบบนั้นของอวี้ชิงลั่วเช่นเดียวกัน

ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงพยักหน้า จากนั้นจึงสั่งให้เหวินเทียนอยู่ต่อ บอกให้เฝ้าดูภายในวังอย่างระมัดระวัง หากภายในวังเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ให้รีบส่งสัญญาณรายงานเขาทันที จากนั้นจึงนำขวดและออกจากวังไปพร้อมกับเสิ่นอิง เพื่อมุ่งหน้ากลับตำหนักซิวอ๋องทันที

การย่างก้าวของเย่ซิวตู๋ค่อนข้างรีบร้อน ตอนนี้ก็เป็นช่วงกลางดึกแล้ว ด้านนอกไม่มีใครยืนเฝ้า ระดับความเร็วของเขาจึงเร็วยิ่งขึ้น

ผ่านไปไม่นาน เสิ่นอิงก็ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง จ้องมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายมุมปากพลันกระตุกขึ้น

ครั้นเย่ซิวตู๋กลับมาถึงตำหนักซิวอ๋อง เขาก็ไปที่ห้องของอวี้ชิงลั่วทันที

สตรีที่อยู่บนเตียงดูเหมือนจะนอนหลับอย่างสบายใจเฉิบนานแล้ว ตอนที่เขาเข้ามาด้านใน การเคลื่อนไหวเล็กน้อยนั้นไม่ได้รบกวนจนทำให้นางตื่น

ใบหน้าของเย่ซิวตู๋อึมครึมลง สตรีผู้นี้…

เขาก้าวเท้าไปด้านหน้าสองสามก้าว มายืนอยู่ที่ขอบเตียง ท่ามกลางแสงสว่างจากแสงจันทร์ เขาจ้องมองใบหน้าที่งดงามของนาง ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่กล่าวสิ่งใด

ผ่านไปครู่ใหญ่ เย่ซิวตู๋จึงยกชายชุดขึ้น ตอนที่นั่งลงยังแอบกระแทกแรง ๆ อีกเล็กน้อย

“เกิดเรื่องกับหนานหนาน เหตุใดเจ้ากลับไม่รู้สึกตื่นตระหนกแม้แต่น้อย?” เย่ซิวตู๋คลึงหว่างคิ้ว นิ้วมือวางลงบนใบหน้านวลเนียนของนาง ทว่ากลับไม่มีการเคลื่อนไหว เขาแตะเงียบ ๆ รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นใต้ฝ่ามือ

ความรู้สึกเมื่อหกปีก่อนไม่หลงเหลือมานานแล้ว เรื่องในคืนนั้นถูกลืมไปเสียสนิทเพราะฤทธิ์ของยา บัดนี้ได้สัมผัสนางอีกครั้ง จึงค้นพบว่าตอนนี้ทำให้จิตใจของเขาฟุ้งซ่านขึ้นมาแล้ว

สตรีผู้นี้ เหตุใดถึงได้รบกวนจิตใจคนอื่นได้ง่ายดายเช่นนั้น?

“อืม…” อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว อาจเป็นเพราะรู้สึกได้ถึงลมหายใจข้างกายที่ผิดปกติ จึงส่งเสียงออกมาเพราะรู้สึกไม่สบายตัว

เย่ซิวตู๋ขยับนิ้วมือเล็กน้อย เมื่อนึกถึงวัตถุประสงค์ที่ตนเองเข้ามาในห้องของนาง จึงเขย่านางและด่าทอด้วยความขุ่นเคืองในทันที “อวี้ชิงลั่ว? ตื่น ๆ”

เสียง ‘หึ่ง ๆ’ ดังข้างหูไม่หยุดพัก อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นจากเตียง เบิกตาโตในทันที ทั้งยังหันไปทางต้นเสียงโดยไม่หยุดคิด

“พรึ่บ”

เย่ซิวตู๋จับไปที่ข้อมือของนาง ตอนนี้มือของนางอยู่ห่างจากใบหน้าของเขาเพียงหนึ่งนิ้ว

อวี้ชิงลั่วเบิกตาโตในทันที ใบหน้าที่ขยายขึ้นอย่างฉับพลันตรงหน้าทำให้นางตกใจจนถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว จนกระทั่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นใครจึงโพล่งออกมาอย่างโกรธเคือง “เย่ซิวตู๋ ท่านเข้ามาทำอะไรในห้องของข้าช่วงกลางดึก?”

นางรู้สึกเสียใจมากจริง ๆ เดิมทีคิดว่าตำหนักซิวอ๋องมีองครักษ์คุ้มกันหนาแน่นราวกับกำแพงเหล็ก ตอนนอนย่อมไม่มีอันตรายร้ายแรงอะไร คิดไม่ถึงเลย อันตรายร้ายแรงที่สุดก็คือนายท่านของตำหนักอ๋องแห่งนี้นี่เอง

นางควรติดตั้งเข็มพิษโปรยยาพิษไว้รอบเตียง ทำให้เขาได้เข้าใจถึงจุดจบในการบุกรุกเข้าห้องของสตรีช่วงกลางดึกว่าเป็นเช่นไร

“ไม่เจอหนานหนานในวัง” เย่ซิวตู๋พูดอย่างง่าย ๆ ทว่ากลับจับข้อมือของนางไม่ยอมปล่อย

อวี้ชิงลั่วได้ยินคำพูดนี้ก็ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย รีบถามในทันทีว่า “แมงป่องก็หาไม่เจอหรือ?”

“ตอนแมงป่องกลับมา บนหลังของมันมีผงสีเขียว น่าจะเป็นเพราะเจอหนานหนานแล้ว” เย่ซิวตู๋หยิบขวดออกมาจากด้านในเสื้อ พร้อมกับเทแมงป่องออกมา

ครั้นมองดูแผ่นหลังของเสี่ยวไป๋เหอ อวี้ชิงลั่วก็เลิกคิ้วขึ้น หาวอย่างเกียจคร้าน “ผงสีเขียวหมายความว่าหนานหนานปลอดภัยดี ไม่เป็นอะไร หากเป็นผงสีแดง หมายความว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย”

เย่ซิวตู๋พยักหน้า แม้ว่าจะคาดเดาเช่นนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่เมื่อได้ยินนางพูดออกมาเช่นนี้ จึงสบายใจได้อย่างสมบูรณ์

ระหว่างที่คิด เขาก็นำเสี่ยวไป๋เหอกลับเข้าไปในขวดอีกครั้ง อวี้ชิงลั่วเดินเข้าไปหยิบ แต่กลับถูกเขายัดกลับเข้ากระเป๋าเสื้อ

“เย่ซิวตู๋ คืนมาให้ข้า”

เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น “วันพรุ่งข้าจะเข้าวังตั้งแต่เช้า ของนี้วางไว้ที่ข้าก่อน ข้ายังอยากให้มันนำทาง” เขาพบว่าแม้ว่าแมงป่องตัวนี้จะพึ่งพาไม่ได้ แต่กลับเหมากับหนานหนานและอวี้ชิงลั่วสองแม่ลูกคู่นี้ หลังจากนี้ตามหาใครก็ได้ จะส่งข่าวก็ยังได้ แมงป่องตัวนี้ยอดเยี่ยมขั้นสุด นี่คือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่

“นั่นเป็นของของข้า” อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ยื่นมือออกไปแย่ง ความระมัดระวังที่อยู่นัยน์ตาเพิ่มมากขึ้น นางเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเป็นอย่างมาก บุรุษผู้นี้ คงไม่คิดจะครอบครองแมงป่องของนางหรอกกระมัง

ครั้นคิดเช่นนี้ อวี้ชิงลั่วก็หมดอารมณ์จะนอนแล้ว นางยื่นมือออกไปตรงหน้าเขา

น่าเสียดายที่ฝีมือของนางแม้ว่าจะไม่แย่ แต่เมื่ออยู่ตรงหน้าเย่ซิวตู๋ก็ยังดูไม่จืดอยู่ดี เพียงครู่หนึ่ง นางก็นอนฟุบอยู่บนร่างกายของเขาพร้อมกับหอบหายใจ ถูกเขากดไว้จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

อวี้ชิงลั่วถูกกอดอยู่ในอ้อมกอดด้วยร่างกายอ่อนปวกเปียก ต่อให้เย่ซิวตู๋จะนิ่งสงบมากกว่านี้ ลมหายใจในตอนนี้ก็ยุ่งเหยิงและเปลี่ยนเป็นถี่ขึ้นเช่นกัน

อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้น ถลึงตาขึงขังใส่เขา “ข้าบอกไว้เลยนะ นั่นเป็นสมบัติของข้า หากท่าน…อื้อ”

การเคลื่อนไหวเร็วดั่งใจนึก เมื่อเห็นนางเผยอริมฝีปาก เย่ซิวตู๋จึงกดศีรษะของนาง และบรรจงจูบโดยมิอาจควบคุมตัวเองได้

รสชาติที่มุมปากนั้นงดงามกว่าที่เขาจินตนาการไว้ ทำให้รู้สึกปีติยิ่งกว่าตอนที่จูบกันในห้องเก็บของครั้งก่อนเสียอีก

เลือดในกายเย่ซิวตู๋เริ่มคล้ายกับกำลังเดือดพลุ่งพล่าน แรงบนฝ่ามือหนักขึ้น กดลงจนทำให้ระยะห่างของทั้งคู่เข้าใกล้กันมากยิ่งขึ้น และแนบชิดมากยิ่งขึ้น

สัมผัสเย็นเยียบทำให้อวี้ชิงลั่วสั่นสะท้าน ด้านในรูม่านตาสะท้อนใบหน้าราวกับสามารถดึงวิญญาณของคนได้ ดึงดูดจนทำให้หัวใจของนางเต้นแรงไม่เป็นจังหวะแล้ว…

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ต่อไปชิงลั่วคงติดตั้งค่ายกลเข็มพิษไว้รอบเตียงจริง ๆ แล้วแหละ เข้ามาในห้องเขาแล้วก็กดเขาแบบนี้

ไหหม่า(海馬)