บทที่ 148 เก่งยิ่งกว่าสุนัขตำรวจในละครโทรทัศน์

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 148 เก่งยิ่งกว่าสุนัขตำรวจในละครโทรทัศน์

บทที่ 148 เก่งยิ่งกว่าสุนัขตำรวจในละครโทรทัศน์

แสงอรุณรุ่งอันอบอุ่นสาดส่องลงมายังผืนดิน

แท็กซี่คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วบนถนนกว้าง นอกจากคนขับรูปร่างอ้วนที่รับผิดชอบในการขับรถแล้ว ยังมีชายหนุ่มและหญิงสาวอีกสามคนในรถ

เฉินอันฉีนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ สวมหูฟัง เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามนอกหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ ส่วนเบาะนั่งแถวหลังมีคู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังซุกตัวกันอยู่

ทันใดนั้น ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่เบาะหลังก็แตะไหล่ของเฉินอันฉีและถามขึ้นมา

“อันฉี ฉันได้ยินมาว่าหวังเทากำลังไล่ตามเธออยู่?”

เฉินอันฉีถอดหูฟังออกแล้วหันไปถาม “นายพูดอะไรนะ?”

“ฉันได้ยินมาว่าหวังเทากำลังไล่ตามเธอ นั่นไม่เป็นความจริงใช่ไหม” หลี่ลี่เฟิงถาม

“ใช่ ใช่ ฉันเองก็ได้ยินมาว่าหวังเทาสารภาพรักกับเธอที่โรงอาหารเมื่อวานนี้ตอนเย็น จริงไหม?” หม่าเซียวลี่ถามด้วยความสงสัย

“ฉันไม่ได้ชอบเขา” เฉินอันฉีตอบ

“น่าเสียดาย หวังเทาเป็นหนุ่มหล่อที่มีชื่อเสียงในมหาลัยของเรานะ เขายังเป็นนายน้อยรุ่นที่สองของครอบครัวที่มีทั้งเงินและอำนาจ ทำไมเธอไม่ลองพิจารณาเขาหน่อยล่ะ” หม่าเซียวลี่กล่าวอย่างเสียดาย

“ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีสาว ๆ หลายคนมีความสัมพันธ์กับเขา แล้วไง สิ่งที่ผู้หญิงเหล่านั้นได้รับคืออะไร ได้ของขวัญแพง ๆ จากเขา? ได้ไปยังสถานที่หรูหรา? ได้กินอาหารราคาแพง?” เฉินอันฉีพูดขึ้น “ฉันชอบนักแสดงเฉินปิงปิงมาก พวกเธอรู้ไหมว่าทำไม”

“ทำไม?” หม่าเซียวลี่ถามด้วยความสงสัย

“เพราะเฉินปิงปิงพูดว่า ‘ฉันไม่ต้องการแต่งงานกับคนที่ร่ำรวย ฉันต่างหากที่ต้องร่ำรวยด้วยตัวเอง’ ผู้หญิงควรพึ่งพาตนเองจึงจะดีที่สุด” เฉินอันฉีพูดอย่างนั้นแล้วก็สวมหูฟังอีกครั้ง

“เฮ้อ…” หม่าเซียวลี่เม้มปากก่อนจะถอนหายใจ

ทว่าดวงตาของหลี่ลี่เฟิงกลับฉายแววแปลกประหลาด

เขาชอบเฉินอันฉี แม้ว่าเขาจะมีแฟนสาวอย่างหม่าเซียวลี่อยู่แล้ว และเขาก็มักจะคิดว่าหม่าเซียวลี่นั้นด้อยกว่าเฉินอันฉีอยู่มาก

ทั้งรูปร่าง หน้าตา นิสัยใจคอ

หม่าเซียวลี่ไม่อาจเทียบกับเฉินอันฉีได้อย่างสมบูรณ์

แต่เขาก็ยังไม่ยอมเลิกกับหม่าเซียวลี่

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากตัดสัมพันธ์ แต่หลังจากที่เลิกกับหม่าเซียวลี่ เขาจะไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะเข้าหาเฉินอันฉีได้อีก

เฉินอันฉีไม่รู้ความคิดของหลี่ลี่เฟิง หรือต่อให้รู้แล้วเธอก็ไม่สนใจ เพราะเธอไม่อยากพูดถึงความรักในตอนนี้ อย่างน้อยก็ก่อนที่ผู้ชายที่เธอชอบจริง ๆ จะปรากฏตัว

เมื่อนึกถึงหวังเทา ดวงตาของเธอก็ฉายแววรังเกียจ

หวังเทาเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ เขามีชื่อเสียงในด้านความร่ำรวยและหล่อเหลา และโดยเฉพาะเรื่องความเจ้าชู้หว่านเสน่ห์กับสาว ๆ ไปทั่ว

เฉินอันฉีนึกดูถูกอีกฝ่าย แม้ว่าอีกฝ่ายจะไล่ตามเธอหลายครั้ง และต้องการซื้อของขวัญราคาแพงให้เธอ แต่เธอก็ปฏิเสธ

เธอมีเงิน!

เธอมีพรสวรรค์คือเสียง ตั้งแต่เธอยังอยู่ในวิทยาลัยในฐานะผู้ประกาศข่าวยอดนิยม เธอได้รับรายได้มากกว่าเจ็ดหลัก ถ้าเธอต้องการบางอย่าง เธอย่อมสามารถจ่ายเองได้

เฉินอันฉีฟังเพลงและมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง

ทันใดนั้น!

เธอก็มองเห็นร่างสูงของใครบางคนกำลังเดินไปตามถนนเพียงลำพังอยู่ทางขวามือด้านหน้า

เธอรู้สึกคุ้นเคยกับร่างนั้น

ดังนั้นเมื่อแท็กซี่แซงร่างนั้นไป เธอจึงเห็นหน้าอีกฝ่ายได้ชัดเจน

หมอโจว?

เฉินอันฉีตกตะลึง เธอได้พบกับโจวอี้ที่กำลังเดินเตร่อยู่แถวนี้โดยไม่คาดคิด!

เพราะไม่มีรถ?

เฉินอันชีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอดหูฟังออกแล้วพูดกับคนขับว่า “สือฟู่ หยุดก่อน ฉันเห็นเพื่อนคนหนึ่ง”

เมื่อคนขับอ้วนได้ยินคำนั้น เขาก็รีบจอดรถข้างถนนทันที

เฉินอันฉีเปิดประตูลงจากรถแล้ววิ่งไป

“หมอโจว บังเอิญเหลือเกิน!”

“เฉินอันฉี?” โจวอี้ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเฉินอันฉี เขามองดูใบหน้ายิ้มแย้มของอีกฝ่าย และมองแท็กซี่ที่จอดอยู่ไม่ไกลแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันค่อนข้างบังเอิญจริง ๆ คุณจะไปไหน”

“ฉันกำลังจะไปเมืองภาพยนตร์ซีซือ ว่าแต่คุณมาทำอะไรแถวนี้?”

“ผมเพิ่งออกมาจากบ้านเพื่อน แต่แถวนี้ไม่มีรถบัสประจำทางเลย” โจวอี้ยิ้ม

“เถ้าอย่างนั้น เรา….” เฉินอันฉีหันไปมองแท็กซี่ที่เธอเพิ่งนั่งมาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เรากำลังจะไปเมืองภาพยนตร์ซีซือ เราจะผ่านสถานีรถข้างหน้า คุณต้องการติดรถไปที่นั่นไหม?”

“ตกลง!” โจวอี้พยักหน้าอย่างมีความสุข

“งั้นก็มาเลย…” เฉินอันฉียิ้ม แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอก็พบว่าแขนซ้ายของโจวอี้ดูผิดปกติเล็กน้อย

เลือด?

“มีอะไรเหรอ?” โจวอี้มองตามสายตาของอีกฝ่ายและมองไปที่แขนซ้ายของเขา

“คุณบาดเจ็บ?” เฉินอันฉีถาม

“นิดหน่อยน่ะ” โจวอี้ไม่ได้ซ่อนมันไว้ แม้ว่าเขาจะฆ่าเกาอู๋ได้สำเร็จ แต่เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บจากคมดาบของคู่ต่อสู้ และยังมีบาดแผลเล็กน้อยบนร่างกายของเขา

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะออกมา เขาได้ห้ามเลือดเบื้องต้นไว้แล้ว แต่เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยังคงย้อมเสื้อของเขาให้เป็นสีแดง

“ให้ฉันดูหน่อย!” เฉินอันฉีรีบคว้าแขนของโจวอี้และพยายามถอดเสื้อโค้ทของเขาออก

“เฉินอันฉี ไม่เป็นไร ผมแค่บาดเจ็บเล็กน้อย” โจวอี้ผลักมือของเธอออกไปพลางยิ้มและส่ายหัว

“ไม่!” เฉินอันฉีโน้มตัวเข้าใกล้โจวอี้และสูดจมูกฟุดฟิด ก่อนจะกล่าวว่า “บาดแผลของคุณคงจะร้ายแรงมาก ฉันได้กลิ่นเลือดที่รุนแรงจากคุณ”

“ได้กลิ่นงั้นหรือ?” โจวอี้ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ฉันเป็นคนมีประสาทรับกลิ่นดีกว่าคนทั่วไปสามถึงสี่เท่า ฉันได้กลิ่นหลายอย่างในตัวคุณ นอกจากกลิ่นควันแล้ว คุณมีกลิ่นเลือดที่แรงมาก” เฉินอันฉีพูด “ฉันกล้าพูดได้เลยว่า คุณมีบาดแผลมากกว่าหนึ่งแห่ง”

“…”

โจวอี้ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

เขาไม่คิดเลยว่าเฉินอันฉีจะมีพรสวรรค์ในการดมกลิ่นมากกว่าสุนัขตำรวจในละครทีวีซะอีก!

“หมอโจว คุณยังไม่ได้รักษาแผลของคุณเลยเหรอ?” เฉินอันฉีถาม

“ผมห้ามเลือดแล้ว”

“แผลที่หลัง คุณยังไม่ได้ห้ามเลือดใช่ไหม?”

“เอ่อ…” โจวอี้พูดไม่ออก

“ถอดเสื้อคลุมออกเร็ว ๆ เดี๋ยวฉันจะ… เอ๊ะ ไม่ ไม่ ไม่สิอย่าเพิ่งถอด ฉันไม่มีเครื่องมือสำหรับฆ่าเชื้อโรคและเย็บแผลที่นี่ หรือแม้กระทั่งผ้าก๊อซสำหรับปิดแผล เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ตอนที่เราไปถึงสถานีหน้า เราจะพาคุณไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อน…”

“เฉินอันฉี อย่ากังวลไป บาดแผลของผมมันเกิดตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตอนนี้มันไม่เป็นอะไรแล้ว คุณแค่พาผมไปส่งที่สถานีข้างหน้าก็พอ แล้วผมจะไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง” โจวอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อ..อืม…ถ้างั้นไปขึ้นรถก่อน!” เฉินอันฉีลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจับมือโจวอี้แล้วเดินไปที่รถแท็กซี่ข้างหน้า

เธอต้องการช่วยโจวอี้

เนื่องจากโจวอี้ช่วยเธอมามากตอนที่อยู่โรงเรียนสอนขับรถ เธอจึงไม่สามารถเพิกเฉยได้ในเวลานี้

หลี่ลี่เฟิงและหม่าเซียวลี่มองไปที่คนสองคนด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน

หลี่ลี่เฟิงขมวดคิ้วและเผยแววตาเย็นชา เขามองไปที่โจวอี้ด้วยความเกลียดชังที่ซ่อนอยู่ในแววตาของเขา ในขณะที่หม่าเซียวลี่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดวงตาของเธอจับจ้องที่ใบหน้าและมือของโจวอี้และเฉินอันฉี

“อันฉี ผู้ชายหล่อ ๆ คนนี้เป็นใคร” หม่าเซียวลี่ถามขึ้นทันทีหลังจากที่ทั้งสองเดินเข้ามาใกล้