บทที่ 149 รู้สึกซาบซึ้งใจ
บทที่ 149 รู้สึกซาบซึ้งใจ
หม่าเซียวลี่รู้จักเฉินอันฉีมาหลายปีแล้ว แต่เธอไม่เคยเห็นเฉินอันฉีอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนมาก่อน ดังนั้นเวลานี้เธอจึงอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก
“จับมือกันขนาดนี้ แนะนำเราหน่อยได้ไหม?” หม่าเซียวลี่กล่าว
“ฮะ?” เฉินอันฉีเพิ่งตระหนักว่าเธอกำลังจับมือโจวอี้อยู่
ทันใดนั้น ความตื่นตระหนกและความเขินอายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามของเธอ เธอรีบปล่อยมือโจวอี้และพูดอย่างติด ๆ ขัด ๆ ว่า “น…นี่คือหมอโจว แพทย์ของโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง เขาเพิ่งออกมาจากบ้านเพื่อนของเขาและหารถโดยสารไม่ได้ ดังนั้นไปส่งเขากันเถอะ! ไปที่สถานีข้างหน้า”
“อุ๊ยจริงเหรอ! เฉินอันฉี ทำไมเดี๋ยวนี้หมอหล่อขนาดนี้!” หม่าเซียวลี่หัวเราะ
“เสี่ยวลี่ อย่าพูดไร้สาระ” เฉินอันฉีเหลือบมองโจวอี้อย่างรวดเร็ว และเมื่อพบว่าอีกฝ่ายสงบปากสงบคำแล้ว เธอจึงอุ่นใจขึ้นเล็กน้อย
“รบกวนด้วยครับ” โจวอี้พยักหน้าให้หม่าเซียวลี่และหลี่ลี่เฟิง
“ไม่รบกวนเลย ๆ โธ่คุณสนิทกับอันฉีแบบนี้แท้ ๆ ไม่ต้องเกรงใจไป ไปกันเถอะ! ไปคุยต่อกันในรถ!” หม่าเซียวลี่ผลักแฟนหนุ่มของตัวเองอออกไป เมื่อเธอกลับไปที่ประตูรถแท็กซี่ เธอผลักให้หลี่ลี่เฟิงแฟนหนุ่มของเธอไปนั่งที่เบาะข้างคนขับแทน
“หม่าเซียวลี่ นี่เธอกำลังทำอะไร?” หลี่ลี่เฟิงรู้สึกโกรธเล็กน้อย
“นี่นายมองไม่ออกรึไง ในที่สุดอันฉีก็เจอคนรักของเธอ นายจะให้พวกเขานั่งแยกกันงั้นเหรอ นายควรนั่งเบาะหน้า ส่วนเราสามคนนั่งข้างหลัง!” หม่าเซียวลี่พูดอย่างโกรธเคือง
แท้จริงแล้วเธอรู้บางสิ่งอยู่ในใจ!
ที่ผ่านมาเธอมักจะไม่แสดงออก แต่เธอรู้ดีว่าเมื่อเธอเปิดโปงสิ่งที่หลี่ลี่เฟิงคิดอยู่ในใจ พวกเขาอาจจะเลิกรากันทันที
แต่เธอไม่อยากเลิก
แม้ว่าเธอจะรู้ว่าหลี่ลี่เฟิงไม่ใช่คู่รักที่ดี แต่สิ่งที่เธอต้องการตอนนี้ไม่ใช่คู่ที่ดี แต่เป็นคนจ่ายค่ามื้ออาหารทุกมื้อตลอดช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัยของเธอ และผู้ชายที่ดูดีก็สามารถฆ่าความเหงาได้ด้วย
“แล้วทำไมเธอไม่นั่งเบาะหน้าเองล่ะ!” หลี่ลี่เฟิงแอบกัดฟันกรอด เขาคิดว่าหม่าเซียวลี่เป็นผู้หญิงโง่และพยายามจับผู้หญิงที่เขาแอบรักไปใส่ไว้ในอ้อมแขนของผู้ชายคนอื่น
“นายเป็นแฟนของฉัน แต่นายกลับเสียใจที่ไม่ได้นั่งกับอันฉีเหรอ?” หม่าเซียวลี่หรี่ตามอง
“นี่เธอ…” หลี่ลี่เฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็จำใจไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ
จากนั้นทุกคนก็ขึ้นรถ
หม่าเซียวลี่และโจวอี้นั่งข้างหน้าต่าง ขณะที่เฉินอันฉีนั่งเบาหลังตรงกลาง
“ฉันไม่ได้นั่งเบียดโดนแผลของคุณใช่ไหม” เฉินอันฉีถามด้วยเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” โจวอี้ส่ายหัวเบา ๆ
“ดีแล้ว!” เฉินอันฉีรู้สึกโล่งใจ
อย่างไรก็ตาม การนั่งเคียงข้างกับโจวอี้และโน้มตัวเข้าใกล้เช่นนี้ส่งผลให้เฉินอันฉีรู้สึกดี
เธอไม่เคยนั่งใกล้ผู้ชายจนแทบตัวติดกันแบบนี้
เมื่อนึกถึงมือของโจวอี้ที่เธอเพิ่งจะได้จับ หัวใจของเฉินอันฉีก็เต้นแรงขึ้นมา เธอบิดร่างกายของเธออย่างผิดปกติ พยายามทำตัวให้ห่างจากโจวอี้ แต่หม่าเซียวลี่อีกด้านหนึ่งกลับไม่ให้เธอออกห่างจากโจวอี้ได้สำเร็จแถมยังเข้าใกล้กันมากขึ้น
“หมอโจว คุณรู้จักอันฉีได้ยังไง? คุณชอบเพื่อนของฉันจริง ๆ เหรอ?” หม่าเซียวลี่ถามด้วยความสงสัย
“หม่าเซียวลี่ อย่าพูดเรื่องไร้สาระ…” เฉินอันฉีรู้สึกเขินอายมากขึ้นและรีบหยุดเพื่อนของเธอไว้
“ชอบ! ผู้หญิงสวย ๆ มีใครไม่ชอบบ้าง?” โจวอี้ยิ้มและพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้านั่นแฟนของคุณหรือเปล่า? ถ้าเขาไม่อยู่ที่นี่ ผมก็กล้าพูดเหมือนกันว่าผมชอบคุณ!”
หลี่ลี่เฟิงในที่นั่งเบาะข้างคนขับหันศีรษะควับมาทันทีและมองที่โจวอี้ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
“ฮ่า ฮ่า ถึงฉันจะสวยเทียบอันฉีไม่ได้ แต่คุณตลกมากเลยหมอโจว” หม่าเซียวลี่ผลักแฟนของเธอและพูดอย่างมีความสุข
ส่วนเฉินอันฉีหน้าแดงก่ำและกระสับกระส่ายมากขึ้น
“ผมไม่ได้ล้อเล่น ผมชอบผู้หญิงสวย ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมชื่นชอบสิ่งที่สวยงาม” โจวอี้มองไปที่หลี่ลี่เฟิงแสดงท่าทีเป็นศัตรูกับเขา ชายหนุ่มยิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “แต่! ความชอบนั้นห่างไกลกับความรักมาก เฉพาะคนที่รักกันเท่านั้นที่เหมาะสมที่จะอยู่ด้วยกัน ผมกับเฉินอันฉีจึงเป็นแค่เพื่อนกัน อย่าเข้าใจผิด”
“แค่เพื่อน?” หม่าเซียวลี่ถาม
“ใช่ มันเป็นความชอบแบบเพื่อน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเป็นแฟน อย่างเช่นผมก็ชอบคนขับรถที่แอบมองผมอยู่เหมือนกัน ผมว่าเขาอ้วน ๆ น่ารัก แต่ผมไม่จำเป็นต้องมีเซ็กซ์กับเขา จริงไหม” โจวอี้กล่าวติดตลก
“ฮ่า…” หม่าเซียวลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แม้แต่คนขับรถอ้วนยังขบขันกับคำพูดของโจวอี้
เฉินอันฉีรู้สึกว่าโจวอี้เป็นคนตลกและอดยิ้มไม่ได้ ความรู้สึกระกระอ่วนของเธอก็เจือจางลงเช่นกัน
จากนั้นทุกคนก็สนทนนากัน
โจวอี้ได้รู้ว่าทั้งสามคนผ่านการสัมภาษณ์กับทีมงานละครโทรทัศน์ วันนี้พวกเขากำลังไปที่เมืองภาพยนตร์ซีซือเพื่อเข้าร่วมการถ่ายทำละคร
ยี่สิบนาทีต่อมา
รถแท็กซี่แล่นเข้าไปในถนนที่พลุกพล่านข้างหน้าและหยุดที่ข้างถนน
โจวอี้ขอบคุณทุกคนในรถ แต่หลังจากที่ลงจากรถและกำลังจะจากไป เขาเห็นว่าเฉินอันฉีคุยกับหม่าเซียวลี่สองสามคำ จากนั้นเธอก็ลงจากรถตามมา
“เฉินอันฉี ผมไม่เป็นไรมาก หลังจากนี้ผมจะไปโรงพยาบาลเพื่อจัดการกับบาดแผล เร็วเถอะ รีบไปทำธุระ!” โจวอี้ยิ้ม
“ไม่เป็นไร ฉันตกลงกับหม่าเซียวลี่ว่าพวกเขาควรไปที่นั่นก่อน และฉันจะพาคุณไปรักษาที่โรงพยาบาลเพื่อจัดการกับบาดแผลแล้วค่อยตามไปสมทบทีหลัง ธุระของฉันไม่ได้เร่งด่วนอะไร กองถ่ายจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้!” เฉินอันฉีกล่าว
“ไม่…” โจวอี้กำลังจะปฏิเสธ แต่พบว่าแท็กซี่ได้เคลื่อนออกไปแล้ว
“หมอโจว ฉันรู้สึกขอบคุณที่คุณดูแลฉันมากตอนที่อยู่ที่โรงเรียนสอนขับรถ ฉันอยากจะหาโอกาสที่จะขอบคุณคุณเสมอ ตอนนี้คุณได้รับบาดเจ็บ ถ้าฉันจากไปโดยไม่สนใจ ฉันจะรู้สึกไม่สบายใจ”
“เอาล่ะ สาวน้อย ผมประทับใจในความใจดีของคุณ” โจวอี้ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
ใจจริงเขาไม่อยากเข้าโรงพยาบาลใกล้ ๆ แถวนี้ เขาวางแผนที่จะไปโรงพยาบาลของเขาเองและขอให้เหลียนซานช่วยทำแผลให้แทน แต่ผู้หญิงคนนี้กลับดื้อรั้น ร้องขอให้เขาไปโรงพยาบาลใกล้ ๆ นี้
เฉินอันฉีกับโจวอี้ไปที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ นี้
แพทย์วัยกลางคนนั่งอยู่ในห้องให้คำปรึกษา เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวและแว่นตา เขามองไปที่โจวอี้ แต่เมื่อเห็นเฉินอันฉี เขาก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
สวยอะไรเบอร์นี้!
ฉินเส้าหัวชมเชยในใจ จากนั้นก็มองไปที่โจวอี้อีกครั้งและถามว่า “คุณเป็นคนไข้ใช่ไหม?
“ผมบาดเจ็บนิดหน่อย ก็เลยมาที่นี่เพื่อทำแผล” โจวอี้ยิ้ม
“บาดเจ็บตรงไหน” ฉินเส้าหัวถาม