บทที่ 150 ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล
บทที่ 150 ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล
โจวอี้ถอดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นบาดแผลที่น่าตกใจบนหน้าอก แขน และหลัง เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมถูกฟันมาสองสามครั้ง ผมห้ามเลือดแล้ว ช่วยผมทำความสะอาดแผลแล้วเย็บ และแค่พันผ้าพันแผลไว้ก็พอ”
“เนี่ยนะอาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ?” ฉินเส้าหัวถามอย่างประชดทันทีที่เห็นบาดแผล
“อืม!” โจวอี้พยักหน้า
เฉินอันฉีที่อยู่ข้าง ๆ มองที่บาดแผลของโจวอี้
ทันใดนั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
แผลที่โดนฟันทั้งสามแผลนั้นยาวมาก มันดูน่ากลัวและมีเลือดออกมาเยอะ
แต่ทำไมเขาถึงทำตัวเหมือนไม่เป็นอะไรเลย?
โดยเฉพาะบาดแผลที่หลัง ตอนที่นั่งรถมา หลังของเขาจะต้องพิงเบาะ บาดแผลจะต้องถูกกดทับแน่ ๆ มันจะต้องเจ็บปวดมากเลยไม่ใช่เหรอ?
จู่ ๆ เฉินอันฉีก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
คนคนนี้ต้องเข้มแข็งถึงขนาดไหนกันถึงสามารถทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดจากบาดแผลแบบนี้ได้ และยังพูดได้หัวเราะได้อีกด้วย?
ฉินเส้าหัวมองไปที่เฉินอันฉีซึ่งกำลังแสดงสีหน้าไม่น่ามอง จากนั้นก็เบนสายตากลับมาที่โจวอี้และพูดว่า “คุณนี่เหลือเกินจริง ๆ คุณบาดเจ็บมากขนาดนี้แต่กลับทำหน้าทำตาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่มาด้วยกันกับคุณคือแฟนของคุณใช่ไหม? เอาล่ะ ผมจะเขียนบิลค่ารักษาพยาบาลและรายการค่ารักษาให้คุณแฟนคุณเป็นคนไปจ่าย แล้วเดี๋ยวผมจัดการเรื่องแผลให้ทีหลัง”
“เดี๋ยวก่อน คุณบอกว่าจะเขียนบิลค่ารักษาพยาบาล?” โจวอี้ถามขึ้นทันที
“ใช่! คุณบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ต้องนอนโรงพยาบาล!” ฉินเส้าหัวกล่าวอย่างจริงจัง
“ไม่ ไม่ ไม่” โจวอี้รีบโบกมือและยิ้มอย่างขมขื่น “อันที่จริงผมเป็นหมอด้วย ผมรู้ว่าอาการบาดเจ็บนี้ไม่มีอะไรมาก แค่ช่วยผมทำแผลอย่างเดียวก็พอ”
“ไร้สาระ! คุณเป็นหมออะไรที่ไหน คิดว่ารู้เรื่องการรักษาพยาบาลดีกว่าหมออย่างผมงั้นเหรอ!” ฉินเส้าหัวถามด้วยความโกรธ
“ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นหมอเก่งแค่ไหน แต่ผมก็เป็นหมอในแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง และผมเคยรักษาผู้บาดเจ็บหลายคนมาแล้ว!” โจวอี้อธิบาย
“อย่าโม้! คุณเป็นหมอแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงงั้นเหรอ? คุณล้อเล่นหรือไง? คุณรู้ไหมว่าหมอที่สามารถทำงานที่นั่นได้ล้วนเป็นแพทย์อาวุโสมากประสบการณ์ คุณอายุเท่าไหร่? อายุถึงยี่สิบห้ารึยังก็ไม่รู้!” ฉินเส้าหัวส่ายหัวด้วยความไม่เชื่อและคิดว่าโจวอี้กำลังพูดเรื่องโกหก
โจวอี้ฟังคำพูดของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกหมดหนทาง
เขาขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงกับคนที่ตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก
“หมอฉิน คุณแค่ต้องฆ่าเชื้อบาดแผลของผมแล้วเย็บพันแผล ผมไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล” โจวอี้บอก
“บอกแล้วไงไอ้หนุ่ม ทำไมถึงชอบเถียงนัก ผมในฐานะหมอจะทำแบบนั้นได้ยังไง แผลมันลึกมาก โดยเฉพาะที่แขน แค่มองก็เห็นถึงกระดูกแล้ว! จะทำยังไงถ้าหากติดเชื้อ จะทำยังไงถ้ามันมีอาการอักเสบและมีหนอง ผมบอกได้เลยว่ามันจะเกิดผลร้ายแรงมากหากมันติดเชื้อไปถึงกระดูก…” ฉินเส้าหัวโกรธ
“หยุด” โจวอี้ยกมือขึ้นขัดจังหวะอีกฝ่ายและพูดว่า “หมอฉิน คุณมีคนรู้จักที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงไหม?”
“แน่นอนว่ามี เพื่อนร่วมรุ่นเรียนของผมหลายคนอยู่ในแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง… ว่าแต่ คุณบอกว่าทำงานที่แผนกผู้ป่วยนอกใช่ไหม? ส่วนไหนที่ประจำอยู่ล่ะ?” ฉินเส้าหัวถามด้วยความโกรธ
“คลินิกที่ปรึกษา”
“คลินิกที่ปรึกษา? งานภายในแผนกผู้ป่วยนอกคุณยังไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง แต่กลับกล้ามาหลอกผมเนี่ยนะ แผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงมีที่ไหนกัน ไอ้คลินิกที่ปรึกษาอะไรเนี่ย?” ฉินเส้าหัวตบโต๊ะ
“คุณ…” โจวอี้เริ่มอารมณ์เสียเล็กน้อย
เขามาที่นี่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ไม่ใช่มาถูกดุด่า!
แม้ว่าอีกฝ่ายจะใจดี แต่เขาไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล นับประสาอะไรกับการมาถูกหมออีกคนด่าฉอด ๆ
“หมอฉิน ฉันสามารถยืนยันได้ว่าเขาคือโจวอี้ แพทย์ในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงจริง ๆ” ทันใดนั้นเฉินอันฉีก็ยกมือขึ้นและพูดอย่างระมัดระวัง
“ยืนยันได้? สาวน้อย เธอถูกผู้ชายคนนี้หลอกเข้าแล้วล่ะ!” ฉินเส้าหัวกล่าวด้วยความโกรธ
“หมอฉิน คุณสามารถโทรหาเพื่อนร่วมรุ่นเรียนของคุณและถามพวกเขาว่ามีคลินิกที่ปรึกษาในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีจินหลิงจริงไหม และถามพวกเขาว่ารู้จักหมอโจวอี้หรือเปล่า”
“ได้! ผมอยากรู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนนี้มีชื่อเสียงแค่ไหน”
ฉินเส้าหัวโกรธมาก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันทีและกดโทรออก
ไม่นานก็มีคนรับสาย
“เหลียนซาน ผมรบกวนคุณไหมตอนนี้?” ฉินเส้าหัวถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“ไม่ คุณมีอะไรงั้นเหรอ”
“ผมอยากจะถามว่ามีหมอชื่อโจวอี้ในโรงพยาบาลของคุณไหม หมอโจวอี้ที่อายุราวยี่สิบต้น ๆ” ฉินเส้าหัวถาม
“ฉินเส้าหัว ทำไมคุณถามถึงหมอโจว?”
“คุณหมายความว่ายังไง มีจริงเหรอ?” ฉินเส้าหัวรู้สึกประหลาดใจ
“แน่นอน! ตอนนี้ฉันทำงานเป็นผู้ช่วยหมอโจว! อันที่จริงเขาเป็นกึ่ง ๆ อาจารย์ของฉันด้วยซ้ำ” เหลียนซานกล่าว
“จริงเหรอ คุณไม่ได้ล้อผมเล่นนะ ทำไมเขาถึงยังเด็กขนาดนี้… เดี๋ยวก่อน ผมจำได้แล้ว คุณ…คุณ…” ฉินเส้าหัวพูดขึ้นพลางชี้ไปที่โจวอี้ก่อนจะพูดไม่ออกอีก
“ใช่!”
เขาจำได้แล้ว!
ว่ากันว่ามีหมออายุน้อยผู้เก่งกาจมาก ๆ มาที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง และแม้แต่โรงพยาบาลก็ยังจัดตั้งให้อีกฝ่ายตั้งห้องให้คำปรึกษา
และเพราะหมอหนุ่มคนนี้ ทางโรงพยาบาลจึงได้ออกแถลงการณ์ถึงโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ในจังหวัด
ไม่ว่าโรงพยาบาลไหนที่มีผู้ป่วยรักษายาก ถ้ารักษาในโรงพยาบาลนั้นไม่ได้ก็ให้ส่งตัวมาที่จินหลิงเพื่อให้ได้รับการรักษาจากหมอโจวผู้เก่งกาจ
คนคนนี้จริง ๆ เหรอ?
โจวอี้เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของฉินเส้าหัวมา จากนั้นเขาก็กดปุ่มเปิดลำโพงและพูดว่า “หมอเหลียน ผมโจวอี้นะ”
“หมอโจว ทำไมคุณถึงอยู่กับฉินเส้าหัว? คุณไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลเหรอ” น้ำเสียงประหลาดใจของเหลียนซานดังขึ้น
“เปล่าครับ ผมได้รับบาดเจ็บโดยบังเอิญ และเป็นเพราะผมค่อนข้างจะอยู่ใกล้ที่นี่ ผมจึงมาที่นี่เพื่อรับการรักษา แต่ว่าหมอฉินคนนี้ยืนกรานให้ผมนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล ผมจึงบอกเขาว่าผมเป็นหมอและรู้ว่าอาการบาดเจ็บของผมไม่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่นี่ แต่ผลก็คือเขาไม่เชื่อเลย…” โจวอี้เล่าสถานการณ์ให้อีกฝ่ายฟังอย่งละเอียด
“หมอโจว คุณบาดเจ็บงั้นเหรอ? สาหัสไหม? คุณบาดเจ็บตรงไหน? คุณอยู่โรงพยาบาลของฉินเส้าหัวใช่ไหม? ฉันจะไปที่นั่นทันที” เหลียนซานถามซ้ำ ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรนมาก
“ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง คุณไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ แค่อธิบายกับเพื่อนของคุณและพูดให้เขายอมรักษาผมแบบเบื้องต้นตามที่ผมบอกก็พอ” โจวอี้กล่าวอย่างเร่งรีบ
“ได้เลย ๆ เอามือถือของคุณไปให้เขา แล้วฉันจะบอกเขาทันที” เหลียนซานกล่าว
ตอนนี้ฉินเส้าหัวแน่ใจแล้วว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาคือโจวอี้ หมอหนุ่มมหัศจรรย์ที่โด่งดังอย่างมากในวงการแพทย์ของมณฑลเจียงซูเมื่อไม่นานมานี้
เมื่อเห็นโจวอี้ยื่นโทรศัพท์มือถือของเขากลับมา เขาก็ดูกระอักกระอ่วนและอับอาย
“แค่ก ๆ เหลียนชาน ผมได้ยินสิ่งที่คุณพูดหมดแล้ว ผมจะทำตามที่หมอโจวพูดทันที ไม่ต้องย้ำหรอก” ฉินเส้าหัวพูดอย่างเขินอาย
“คุณต้องรักษาบาดแผลหมอโจวให้ดี อย่าประมาท” เหลียนซานดูเหมือนจะคิดว่าคำแนะนำนั้นไม่เพียงพอและเธอก็ขู่ไปตรง ๆ “ฉันขอเตือนคุณก่อน คุณต้องจริงจัง ฉันหวังว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะดีขึ้นในไม่ช้า เพื่อที่ฉันจะได้เรียนวิชาแพทย์จากเขา! ถ้าคุณทำพลาด ฉันจะไปทุบหน้าต่างบ้านของคุณทุกวัน”
“ผมจะทำให้ดีที่สุด” ฉินเส้าหัวสัญญา
นอกจากนี้เขายังรู้สึกได้ว่าหมอโจวคงมีตำแหน่งที่สูงส่งในใจของเหลียนซาน
มันคือความเคารพ และมันคือความชื่นชม
เขารู้จักนิสัยของเหลียนซานดี เธอเป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองและถือตัวอยู่เสมอ ดังนั้นการที่เธอยอมรับว่าตัวเองเป็นนักเรียนของหมอโจว มันก็ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าโจวอี้นั้นยอดเยี่ยมมากในด้านการแพทย์