บทที่ 223 เกี้ยวเจ้าสาว
บทที่ 223 เกี้ยวเจ้าสาว
ฉู่เหินยิ้มเยาะเมื่อเห็นกลุ่มคนที่ยืนอยู่บนพรม จากนั้นเขาก็หยิบเอาลูกศรระดับ 5 ออกมา เขารู้ว่าลูกศรระดับ 4 ใช้กับพวกขั้นครึ่งก้าวสู่ผู้พิชิตดาราไม่ได้ผล ดังนั้นเขาจึงเตรียมลูกศรระดับ 5 ออกมาทันที
เพื่อไม่ให้เสียเวลา ฉู่เหินใช้พลังกิเลนเกือบทั้งหมดที่เขามี ทั้งยังดึงพลังกิเลนที่อยู่ในธรรมชาติมาอีกด้วย ทั้งหมดถูกรวมเอาไว้ในธนู เขายิงออกมา ทันทีความเร็วของลูกศรมากจนไม่มีใครมองทัน
แต่ทว่าอีกฝ่ายทั้งหมดแม้จะยืนอยู่กับที่ แต่พวกเขาก็รวบรวมพลังดวงดาวอยู่ตลอดและเล็งเป้าไปที่ฉู่เหินเรียบร้อยแล้ว พวกเขายืนห่างจากฉู่เหินไปมาก ทว่าพวกเขาที่อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ผู้พิชิตดาราจะไม่มีวิชาโจมตีระยะไกลได้ยังไงล่ะ
ชายชราที่อยู่บนพรมสะบัดมือของเขาเบาๆ แล้วหุ่นเชิดจำนวนสิบกว่าตนก็ปรากฏออกมา จากนั้นพวกมันก็บินเข้าใส่ฉู่เหินอย่างไม่ลังเล ในตอนนั้นอาวุธในมือของพวกมันก็เปล่งประกายแล้วพุ่งเข้าใส่ฉู่เหินราวกับคลื่นยักษ์
แน่นอนว่าอีกสามคนก็ไม่อยู่เฉยๆ หญิงชราชักหน้าไม้อันเล็กออกมาลูกศรขนาดหนึ่งนิ้วมือพุ่งออกมาจากหน้าไม้
เช่นเดียวกับอีก 2 คนที่เหลือ คนหนึ่งโบกมือก็มีควันพิษขนาดใหญ่ลอยออกมา ทั้งยังเป็นควันพิษประหลาดที่มีความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่ทันไรก็ไล่ตามหุ่นเชิดเหล่านั้นทันแล้ว
คนสุดท้ายนั้นเลวร้ายที่สุด เขาเสกสิ่งที่คล้ายโซ่ตรวนออกมาแล้วขว้างมันไปทางฉู่เหินอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าจะรั้งไม่ให้ฉู่เหินหนีไปไหนได้
ทั้ง 4 เปิดฉากการโจมตีอย่างโหดเหี้ยม พวกเขาคิดพร้อมกันว่าฉู่เหินต้องตายอย่างแน่นอนในการโจมตีครั้งนี้ การโจมตีนั้นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วทั้งหน้าและหลัง พริบตาควันพิษก็ห่างตัวฉู่เหินไม่ถึง 10 เมตร!
ในเวลาเดียวกันลูกศรของฉู่เหินก็ถูกยิงออกไป มันตัดผ่านหมอกพิษอย่างรวดเร็ว และมุ่งตรงไปยังทั้ง 3 คนที่อยู่บนพรมโดยไม่มีอะไรสามารถขวางทางมันได้เลย
หลังจากที่ผ่านกลุ่มหมอกพิษมาได้ มันก็ทะลวงผ่านต่อไปยังโซ่ตรวนที่ลอยเข้ามา มันพุ่งทะลวงอย่างไม่หยุดยั้ง
ในเวลาเดียวกันมันก็กระทบกันลูกศรที่มาจากหน้าไม้ของหญิงชรา ตุ้ม! ทั้งโซ่และลูกศรระเบิดกระจายเป็นเสี่ยงๆ ส่วนที่แตกกระจายพุ่งเข้าใส่กลุ่มของหุ่นเชิด อย่างที่ได้บอกแม้ว่าพวกมันจะแข็งแกร่ง แต่พลังป้องกันของพวกมันต่ำยิ่ง
แทบไม่กี่อึดใจหุ่นพวกนั้นก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น ในตอนที่ถูกทำลาย
จอมยุทธ์ทั้ง 4 คนบนพรมยังไม่ทันตอบโต้ด้วยซ้ำ เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเร็วมาก!
ภายในเวลาสั้นๆ ทั้ง 4 ก็เข้าใจได้ในทันทีว่า ทำไมฉู่เหินรอดมาจนต้องให้พวกเขาลงมือเอง นี้แสดงให้เห็นว่าฉู่เหินครอบครองของวิเศษไว้ไม่น้อยแน่ อีกทั้งพวกเขายังมั่นใจว่าการโจมตีที่ทรงพลังนี้ ฉู่เหินไม่สามารถทำแบบนี้เป็นครั้งที่ 2 ได้แน่นอน
ดังนั้นทั้ง 4 เลือกที่จะไม่หลบ แต่ยืนป้องกันแบบตรงๆ พวกเขาเชื่อว่ากว่าจะมาถึงพวกเขาลูกศรก็คงหมดพลังไปแล้ว แต่หลังจากที่รับการโจมตีของลูกศร ทุกคนก็เละจนแทบจะหมดสภาพในทันที!!
ความเร็วของลูกศรนั้นแทบจะเร็วถึงขีดสุด พริบตาเดียวก็มาถึงตรงหน้าพวกเขาแล้ว ม่านพลังของพวกเขาดูเหมือนจะไม่อาจป้องกันลูกศรนี้ได้เลย
ลูกศรพุ่งแทงทะลุพรมตรงไปยังชายชราบนพรม จนเสียงดังกึกก้อง
ชายชราก็พบว่ามีรูขนาดใหญ่ปรากฏกลางอกของเขา เขาปากอ้าค้างคล้ายกับต้องการจะพูดบางอย่าง แต่ก็ทำได้เพียงนอนหมดสภาพอยู่อย่างนั้น
ลูกศรพุ่งผ่านร่างของชายชราแล้วทะลุไปหาชายชราอีกคนหนึ่งในจังหวะเดียวกัน ทว่าท้ายที่สุดก็เจาะเกราะป้องกันของอีกฝ่ายไม่ได้ พอชายชราเห็นดังนั้นก็บิดปากเตรียมจะพูดคำถากถางฉู่เหิน แต่ว่าทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังตามมา
มันกลายเป็นว่าลูกศรที่ฉู่เหินยิงออกมานั้นระเบิดอย่างรุนแรง เป็นเพราะเมื่อลูกศรไม่สามารถเจาะทะลุเป้าหมายได้มันจึงจะระเบิดออกมา แรงระเบิดนั้นรุนแรงมาก เทียบได้กับแรงระเบิดของภูเขาไฟทั้ง 3 ลูกก่อนหน้านี้เลย
การระเบิดนั้นทำให้บริเวณหน้าผาสั่นไหวไม่หยุด ภูเขารอบข้างที่ได้รับการกระทบกระเทือนหินถล่มลงมาก้อนแล้วก้อนเหล่า ไม่กี่อึดใจภูเขาลูกนี้ก็ถล่มไปมากถึงสามในสี่ส่วน เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ใช้พลังขั้นครึ่งก้าวสู่ผู้พิชิตดาราทำให้เขาต้องโจมตีรุนแรงและเด็ดขาดขนาดนี้
จากนั้นฉู่เหินก็ควบคุมร่มนภาให้ลอยออกไปไกลอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พลังดวงดาวของเขาเหลือไม่มากแล้ว จากการต่อสู้อย่างต่อเนื่องทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอมาก
การที่จะใช้ร่มนภาเขาต้องใชัพลังดวงดาวอย่างมหาศาลเพื่อจะควบคุมมัน เขาอยากให้ฉู่เฟิงพาตัวเองหนีไปแต่ร่มนภากลับไม่ฟังคำสั่งของฉู่เฟิงซะงั้น
แถมถ้าฉู่เฟิงออกมาตอนนี้จะต้องถูกอีกฝ่ายเล่นงานแน่ๆ แบบนั้นมันได้ไม่คุ้มเสีย
ร่างของฉู่เหินค่อยๆ หย่อนลงมาจากหน้าผา พร้อมๆหินทั้งหลายจากภูเขาที่ตกตามลงมาด้วย ต้องเข้าใจว่าภูเขาถล่มถึงสามในสี่ส่วน ในตอนนี้ทั้งซ้ายละขวาของฉู่เหินต่างเต็มไปด้วยก้อนหินที่ถล่มลงมาจำนวนมาก
พลังของเขาเหลือน้อยเต็มที แต่เมื่อเขาประมาณไปแป๊บเดียวก็ถูกก้อนหินที่ถล่มลงมากระแทกใส่หลังจนเขาต้องกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ ฉู่เหินรู้ดีว่าเขาสามารถหมดสติได้ตลอดเวลา ที่เขายังไม่สลบเพราะเขารู้ว่าถ้าสลบตรงนี้จะต้องโดนหินทับตายแน่ๆ
แต่การบาดเจ็บครั้งนี้ก็คุ้มค่า เพราะว่าเขาสามารถทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสทั้ง 4 คน หลังจากโดนก้อนหินกระแทก เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดขาทั้งสองข้างของเขาลงถึงพื้น ก่อนที่เขาจะรีบหลบหนีไปในทันที
ผ่านไปไม่ถึง 10 วัน การระเบิดครั้งใหญ่ 2 ครั้งซ้อนทำให้มีคนจำนวนมากสังเกตเห็น ผู้คนต่างอยากรู้รายละเอียดของเหตุการณ์แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้รู้ความจริงของเรื่องนี้
มีคนพบร่องรอยว่าส่วนหนึ่งนั้นเป็นฝีมือของฉู่เหิน ทำให้พวกที่ไล่ล่าคิดว่าเขาคงยังอยู่แถวนี้
แต่ก็ไม่มีใครได้พบเห็นฉู่เหิน พวกเขาพยายามดักสุ่มอยู่นานก็ไม่เจอจนพวกเขาได้แต่หวังว่าฉู่เหินจะปรากฏตัวออกมาให้พวกเขาได้ละเลงเลือดมันซะที
ฝั่งฉู่เหิน เขาไม่รู้ข่าวสารของโลกภายนอก เขาอยู่ในโพล่งต้นไม้เพื่อพักฟื้นอย่างสงบ หลังจากที่เขาฟื้นฟูร่างกายได้ประมาณ 3-4 ส่วนแล้ว ไม่ไกลจากจุดที่ฉู่เหินอยู่ประมาณ 40 ไมล์มีหมู่บ้านอยู่แถวนั้นที่นั่นมีปรากฏเป็นเกี้ยวเจ้าสาวกำลังเดินขบวนอยู่