ตอนที่ 172 ตั้งครรภ์

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 172 ตั้งครรภ์

วิธีของเซียวอี้เป็นไปได้!

มีทางเป็นไปได้อย่างมาก

เซียวฮูหยินดีใจอย่างยิ่ง นางรั้งให้เซียวอี้อยู่ทานอาหารในจวน

เซียวอี้ตอบรับอย่างดีใจด้วยคำว่า “การเคารพเทียบไม่ได้กับทำตามคำสั่ง”

เยียนอวิ๋นเกอราวกับมองเห็นความดีใจที่ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

แต่เมื่อจ้องมองเข้าไป เขายังคงทำหน้าบึ้งตึง ท่าทางดุดันเหมือนเคย

ความดีใจนั้นเหมือนเป็นเพียงภาพลวงตา

เยียนอวิ๋นฉวนเดินทางมารับรองแขกในจวนท่านหญิง

เมื่อเขาเข้ารับราชการ จึงมีการฝึกฝนมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีคุณสมบัติที่ดี รับรองแขกเหรื่อได้อย่างเชี่ยวชาญ!

แต่ละคำเต็มไปด้วยความห่วงใย แต่ละประโยคล้วนพูดได้อย่างถูกใจแขก ทำให้ผู้ฟังสดชื่นราวกับอาบลมในฤดูใบไม้ผลิ

เซิ่นซูเหวินออกจากจวนไปพบเจอสหาย ไม่อยู่ในจวนเวลานี้

หลังจากงานเลี้ยงจบสิ้น เยียนอวิ๋นฉวนที่มารับรองแขกกลับมึนเมา

เซียวอี้ที่เป็นแขกยิ้มมุมปาก สีหน้ามีสติ

“ไม่คิดว่าพี่อวิ๋นฉวนจะดื่มสุรามากไม่ได้ เป็นความผิดของข้า ควรจะห้ามไม่ให้เขาดื่มมาก”

ประโยคนี้เมื่อพูดออกมาจากปากของเซียวอี้แล้วดูไม่จริงใจเอาเสียเลย

เยียนอวิ๋นเกอรับสั่งบ่าวรับใช้ ให้พยุงเยียนอวิ๋นฉวนไปพักในเรือนแขก

ก่อนจะพูดกับเซียวอี้ “ข้าส่งท่านออกจากจวน!”

“ขอบพระคุณคุณหนูสี่!”

เขาพูดด้วยท่าทางสุภาพเหมือนเป็นบุรุษผู้สง่างาม

ระหว่างทาง เยียนอวิ๋นเกอกล่าวขอบคุณเสียงเบา “ขอบพระคุณท่านที่ช่วยคิดหาวิธี ท่านแม่ข้าคิดถึงท่านพี่ใหญ่อย่างมาก หากสามารถพบเจอกันในเมืองหลวงคงเป็นเรื่องที่โชคดี!”

“เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ! คุณหนูสี่ไม่ต้องเกรงใจกับข้า!” เซียวอี้ยิ้ม

เยียนอวิ๋นเกอเหลือบมองเขา “ข้าไม่รู้ว่าท่านมีแผนการอย่างใด อีกทั้งข้าก็ไม่รู้ว่าภายในใจท่านคิดอย่างใด ข้าเพียงอยากบอกว่าอย่าทำร้ายท่านพี่ของข้า ยิ่งอย่าได้ทำร้ายท่านแม่ของข้า พวกนางเป็นครอบครัวของข้า หากท่านบังอาจหลอกใช้ประโยชน์จากพวกนาง ข้าย่อมจะตามไปเอาชีวิตท่าน ไม่ว่าท่านจะอยู่สุดหล้าฟ้าเขียวหรือไม่”

เซียวอี้ชะงักฝีเท้าลง พลันพูดด้วยความจริงจัง “เจ้าวางใจ ข้าเซียวอี้ขอสาบานตรงนี้ ข้าไม่มีทาง…”

“ข้าไม่เชื่อคำสาบาน!” เยียนอวิ๋นเกอพูดขัดเขา “ข้าดูเพียงการกระทำของท่าน ไม่ฟังว่าท่านจะพูดสิ่งใด”

เซียวอี้หัวเราะออกมา “สิ่งที่เจ้าพูดคือสิ่งที่ข้าคิด วาจานั้นไร้ประโยชน์ มนุษย์เชี่ยวชาญในการโกหกแต่กำเนิด ฟังวาจาของผู้อื่น สู้ดูที่การกระทำเสียดีกว่า โชคดีอย่างมากที่ความคิดของเจ้ากับข้าเหมือนกัน ดูท่าทางพวกเราจะมีจุดที่คล้ายคลึงกันมากมาย”

เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้วใส่เขา “พวกเราสามารถร่วมมือกันต่อไป นอกจากความร่วมมือแล้ว ข้าหวังว่าระหว่างพวกเราจะไม่มีเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกัน”

“เพราะเหตุใด มีสหายมากย่อมมีหนทางมาก” เซียวอี้ไม่เข้าใจ

เยียนอวิ๋นเกอพูดอย่างจริงจัง “ท่านอันตรายเกินไป”

เซียวอี้ขมวดคิ้ว “ยุคสมัยนี้เต็มไปด้วยความอันตรายทุกหนแห่ง”

เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า “ถึงแม้จะมีความอันตรายมากมาย แต่อันตรายส่วนใหญ่ล้วนสามารถควบคุมและหลีกเลี่ยงได้ แต่ท่านเป็นผู้ที่ไม่อาจควบคุมได้”

สำหรับอันตรายที่ไม่อาจควบคุมได้ การหลีกหนีให้ไกลเป็นวิธีที่ดีที่สุด

เซียวอี้จ้องมองนาง สายตาของเขาลึกล้ำเหมือนบ่อน้ำโบราณ หากจ้องมองนานก็ราวกับจะจมลงไป

เขาจริงจังอย่างมาก “สักวันหนึ่งเจ้าจะเปลี่ยนแปลงความคิด”

เยียนอวิ๋นเกอก็จริงจังอย่างมากเช่นเดียวกัน “ท่านจะเล่นกับไฟ ไม่มีผู้ใดแทรกแซง แต่อย่าได้มาเล่นบนหัวข้า ข้าไม่เล่นด้วย!”

เซียวอี้เผยยิ้มเห็นฟัน อบอุ่นอย่างมาก

หิมะราวกับละลายไปชั่วขณะ!

เขาถาม “หากข้ามาเยือนอีกในคราวหน้า เจ้าอยากได้ของขวัญใด ข้านำมาให้เจ้า”

เรื่องสนทนาเปลี่ยนประเด็นไปอย่างรวดเร็วจนทำให้คนรับมือไม่ทัน

เยียนอวิ๋นเกอกุมหน้าผากด้วยความเหนื่อยใจ

“ข้าไม่ต้องการสิ่งใดทั้งสิ้น!”

“เจ้าชอบรวบรวมเมล็ดพันธุ์ คราวหน้าข้านำเมล็ดพันธุ์มาให้เจ้า ดีหรือไม่”

สิ่งนี้สามารถมีได้

เยียนอวิ๋นเกอลืมวาจาก่อนหน้านี้ของตนเอง แม้จะต้องตบหน้าตนเองก็ไม่สนใจ

นางพยักหน้าระรัว “เมล็ดพันธุ์ไม่เลว มีมากย่อมเป็นประโยชน์”

เซียวอี้เม้มปากยิ้ม “ย่อมไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง ขอตัว!”

ฤดูใบไม้ผลิยังไม่ผ่านไป บรรยากาศแห่งความปีติยินดียังคงเหมือนเคย!

หลิงฉางเฟิงนัดเยียนอวิ๋นฉวนดื่มสุรา

ทั้งสองคนแทนตนเป็นพี่น้อง สนิทสนมกันอบ่างมาก

“ได้ยินว่าพี่อวิ๋นฉวนกำลังกลัดกลุ้มกับเรื่องงานแต่งหรือ”

หลิงฉางเฟิงถามด้วยความเป็นห่วง

เยียนอวิ๋นฉวนพยักหน้า พลันถอนหายใจ “พี่ฉางเฟิงคงรู้ถึงความลำบากของข้าดี ถึงแม้ท่านพ่อจะโปรดปรานข้า แต่ในสายตาอของคนภายนอก ข้าเป็นเพียงบุตรที่กำเนิดจากอนุภรรยา ตระกูลที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ล้วนไม่ยอมหมั้นหมายบุตรสาวที่กำเนิดจากภรรยาเอกในตระกูลให้ข้า เฮ้อ…”

เขาเองก็กลุ้มใจอย่างมากเรื่องคู่ครอง ทำได้เพียงใช้เหล้าบรรเทาความทุกข์ใจ

หลังจากดื่มสุราลงไปหนึ่งจอกก็รู้สึกแสบร้อนที่คอ

หลิงฉางเฟิงรินสุราให้ พูดอย่างใจเย็น “พี่อวิ๋นฉวนมีความสามารถโดดเด่น ในราชสำนักมีขุนนางอายุน้อยจำนวนน้อย หากเรียกท่านว่าชายหนุ่มที่มีความสามารถก็ไม่เกินจริง บรรดาตระกูลที่ดูถูกพี่อวิ๋นฉวนนั้นล้วนเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์คับแคบ ไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขา พี่อวิ๋นฉวนก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกท้อแท้เพราะพวกเขาปฏิเสธท่าน พูดตามความจริง จากความสามารถและนิสัยของพี่อวิ๋นฉวน ท่านก็สามารถแต่งงานคุณหนูของตระกูลหลิงได้”

เมื่อได้รับการยอมรับ เยียนอวิ๋นฉวนจึงรู้สึกดีใจอย่างมาก

แต่ว่าเขายังคงต้องเอ่ยอย่างถ่อมตน

เขาโบกมือระรัว “พี่ฉางเฟิงอย่าได้ล้อข้าเล่นเลย ตระกูลหลิงของพวกท่านเป็นตระกูลใหญ่ส่วนน้อยที่มีอยู่ในปัจจุบัน คุณหนูในตระกูลอยู่ดีกินดีมาแต่เด็ก มีความรู้ความสามารถที่โดดเด่น บุตรชายที่กำเนิดจากอนุภรรยาอย่างข้าจะกล้าอาจเอื้อมได้อย่างใด”

หลิงฉางเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของพี่อวิ๋นฉวน ตระกูลหลิงของพวกเราไม่ได้ดูเพียงชาติตระกูล แต่ยิ่งให้ความสำคัญกับนิสัยและความสามารถ ข้ามีหญิงผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง มารดาผู้ให้กำเนิดของนางเสียไปแล้ว นางอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของท่านแม่ใหญ่แต่เล็ก รูปลักษณ์งดงาม ความสามารถดีเลิศ มีชื่อเสียงโด่งดังในบ้านเกิดของข้า มีคนเดินทางมาสู่ขอมากมาย

แต่ผู้ใหญ่ในตระกูลอยากตามหาชายหนุ่มผูเมีความสามารถให้นางเสมอมา ดังนั้นจึงล่าช้ามาจนถึงทุกวันนี้ ข้ารู้จักบุรุษมากมาย คบหาสหายจำนวนมาก แต่ดูไปดูมา มีเพียงพี่อวิ๋นฉวนคู่ควรกับน้องสาวของข้าที่สุด แม้แต่ท่านพ่อก็แอบพูดลับหลัง น่าเสียดายที่พี่อวิ๋นฉวนไม่ใช่บุตรเขยของตระกูลหลิง”

เยียนอวิ๋นฉวนผงะไปด้วยความเหลือเชื่อ “พี่ฉางเฟิงไม่ได้ล้อเล่นหรือ”

หลิงฉางเฟิงทำหน้าจริงจัง “เรื่องแบบนี้ ข้าจะกล้าล้อเล่นได้อย่างใด เฮ้อ เพียงแค่เสียดาย…”

ใช่ เพียงแค่เสียดายที่ตระกูลเยียนปรองดองกับตระกูลหลิงไปแล้ว เยียนอวิ๋นฉวนไม่มีโอกาสแต่งงานกับคุณหนูตระกูลหลิง

หากทั้งสองตระกูลยังคงอยากปรองดองต่อ ทำได้เพียงรอรุ่นถัดไป

เยียนอวิ๋นฉวนมีทั้งความดีใจทั้งความกลุ้มใจ เขายกจอกสุราขึ้นมาดื่มอย่างดุดัน

หลิงฉางเฟิงส่ายหน้าด้วยความเสียดาย “หากข้าไม่ได้แต่งงานกับอวิ๋นเพ่ย พี่อวิ๋นฉวนก็ไม่ต้องคลาดกับบุพเพสันนิวาสที่ดีเช่นนี้ ท่านกับน้องสาวข้าคงไร้วาสนาต่อกัน น่าเสียดายเสียจริง!”

“ไม่ต้องพูดอีกแล้ว!” เยียนอวิ๋นฉวนยิ้มอย่างขมขื่น เขาเศร้าโศกอย่างมาก

หลิงฉางเฟิงยกจอกสุราขึ้น “ข้าคารวะพี่อวิ๋นฉวน ข้าชื่นชมนิสัยและการกระทำของท่านจากใจ ข้าไม่อาจเทียบท่านได้ จริงสิ ข้ามีข่าวดีที่ต้องบอกท่าน อวิ๋นเพ่ยตั้งครรภ์แล้ว เพียงแต่อายุครรภ์ยังน้อย ดังนั้นจึงยังไม่ได้ประกาศ วันนี้ข้าได้ดื่มสุรากับพี่อวิ๋นฉวน ดีใจอย่างมาก ท่านอยู่ร่วมฉลองกับข้าก่อน”

เยียนอวิ๋นฉวนส่งเสียงด้วยความดีใจ “น้องอวิ๋นเพ่ยมีครรภ์แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องน่ายินดี! ยินดีด้วย ยินดีด้วย!”

เขารีบยกจอกสุราขึ้น เพื่อฉลองร่วมกับหลิงฉางเฟิง

ทั้งสองคนพลางกินอาหารดื่มสุรา พลางสนทนาสัพเพเหระ

หลิงฉางเฟิงพูดขึ้น “อายุครรภ์ยังน้อย ครรภ์ยังไม่แข็งแกรง ไต้ฟูกำชับให้บำรุงครรภ์ให้ดี เวลานี้ข้าบอกให้ไปทางซ้าย ข้าก็ไม่กล้าไปทางขวา กลัวทำให้นางโกรธ ท่านก็รู้ อวิ๋นเพ่ยใจแคบ เรื่องเล็กน้อยก็อาละวาดได้ครึ่งวัน หากมีเรื่องใดที่ไม่ตามใจนาง นางก็จะรู้สึกหดหู่

ไต้ฟูบอกว่านางต้องปล่อยวาง อย่าได้คิดมาก ต้องพยายามรักษาอารมณ์ที่มีความสุข แต่ข้าเห็นว่านับจากนางตั้งครรภ์ นางยิ่งคิดมากขึ้น หากเป็นเช่นนี้ ข้ากังวลเสียจริงว่าหากเกิดเรื่องใดขึ้นตอนให้กำเนิดจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมหนึ่งร่างสองชีวิต…

ถุ้ยๆ ดูปากของข้า! พี่อวิ๋นฉวนอย่าได้ใส่ใจคำพูดของข้า ข้าดพียงแค่พูดจาเหลวไหล อวิ๋นเพ่ยย่อมต้องให้กำเนิดบุตรได้อย่างปลอดภัย ปลอดภัยทั้งมารดาทั้งบุตร”

“อ่อ!”

เยียนอวิ๋นฉวนมึนหัวเล็กน้อย เขายกจอกสุราขึ้นตามสัญชาติญาณ

ทั้งสองคนชนจอกสุรากัน

หลิงฉางเฟิงแสดงท่าทางเป็นสามีที่ดีผู้เป็นห่วงภรรยา “นิสัยของอวิ๋นเพ่ย ใช่ว่าข้าตั้งใจตำหนินาง แต่นิสัยนางไม่ไหวเอาเลยเสียจริง นิสัยของนางร้ายเกินไป อีกทั้งยังดื้อรั้น เรื่องเล็กน้อยก็ร้องห่มร้องไห้ อาละวาดจนคนทั้งจวนอยู่อย่างไม่สงบ สิ่งที่ไต้ฟูกำชับนางเอาไว้ หลังจากฟังแล้วก็ลืม แต่ก่อนเป็นอย่างใด เวลานี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่คำนึงถึงเด็กในท้องแม้แต่น้อย

ข้าเองก็กลัดกลุ้ม เกลี้ยกล่อมก็ไร้ผล ข้าเป็นห่วงนางเสียจริง หากนางยังดื้อรั้นแบบนี้ต่อไป นางรับได้ แต่เด็กจะรับได้หรือ หากเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางขึ้นมา หากเด็กหลุดไป ผู้ใหญ่ในตระกูลคงจะโบยข้าจนตายอย่างแน่นอน!”

เขากลัดกลุ้มอย่างมาก ดื่มสุราด้วยอารมณ์ที่ไม่ดี

เยียนอวิ๋นฉวนยิ่งมึนหัวมากขึ้น “ไม่ร้ายแรงเหมือนที่ท่านพูดหรอก! สตรีมากมายตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตร ส่วนใหญ่ล้วนปลอดภัย ข้าเชื่อว่าอวิ๋นเพ่ยก็จะราบรื่นเช่นเดียวกัน”

“หวังว่าจะเป็นอย่างที่ท่านพูด! เพียงแต่จากนิสัยของอวิ๋นเพ่ย จะราบรื่นได้จริงหรือ”

หลิงฉางเฟิงจ้องมองเขา สายตาราวกับมีพลังดึงดูด

เยียนอวิ๋นฉวนอ้าปาก ลำคอแหบแห้ง ไม่อาจพูดออกมาได้แม้แต่ประโยคเดียว

หลิงฉางเฟิงพูดอีกครั้ง “ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตกับอวิ๋นเพ่ยอย่างดี แต่นางไม่เชื่อใจข้า เอาแต่อาละวาดทั้งวัน บางเวลาข้าก็กำลังคิด หากข้าไม่ได้แต่งงานกับนาง แต่เป็นผู้อื่น เรื่องต่างๆ คงไม่เหมือนเดิม หากนางเกิดอุบัติเหตุ เฮ้อ…ไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้ว”

เยียนอวิ๋นฉวนผงะ

หากเยียนอวิ๋นเพ่ยเกิดอุบัติเหตุจะเป็นอย่างไร

หมายความว่าเขาจะมีโอกาสได้แต่งงานกับคุณหนูตระกูลหลิงแล้วใช่หรือไม่

ไม่ๆ…

เขาไม่อาจคิดเช่นนี้ได้

เขารีบสะบัดหัวเพื่อสลัดความคิดที่เหลวไหลนี้ออกไป

ทั้งสองคนดื่มสุรากินอาหารจนมึนเมา

กลางดึก เยียนอวิ๋นฉวนนอนอยู่บนเตียง ฤทธิ์ของสุรากระตุ้นทำให้ปวดหัวจนนอนไม่หลับ

คอแห้งจนอึดอัดอย่างมาก

เขาขี้เกียจจะเรียกบ่าวรับใช้มาปรนนิบัติ จึงคลำหัวเตียงแล้วลุกออกจากเตียงด้วยตนเอง

บนโต๊ะมีน้ำชา อากาศที่หนาวเย็นทำให้ชาร้อนกลายเป็นชายเย็นไปแล้ว

เขาไม่พิถีพิถัน รินชาหนึ่งแก้วกลอกเข้าปาก ความเย็นซาบซ่านไปทั่วหัวใจ ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นเทา

เมื่อไปดื่มสองแก้วติดต่อกัน เขาปีนขึ้นเตียงแล้วนอนลงอีกครั้ง

แย่แล้ว!

รู้สึกไม่สบายยิ่งกว่าเดิม

ชาเย็นกระตุ้นทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนอย่างทรมาน

อีกทั้งการดื่มสุราที่มากเกินไป ทำให้เขานอนไม่หลับตลอดคืน

เช้าในวันต่อมา บ่าวรับใช้พบความผิดปกติ จึงรีบรายงานพ่อบ้าน

ทั้งเชิญไต้ฟู ทั้งต้มน้ำ

เมื่อไต้ฟูตรวจดูอาการแล้ว ก็พบว่าเพียงแค่ท้องเสียและอารมณ์เศร้าหมอง

ไต้ฟูจ่ายยาให้ กำชับให้เขาดื่มวันละสามมื้อ

ก่อนจะกำชับให้เขาเปิดใจให้กว้าง มีเรื่องใดที่คิดไม่ตกก็รีบปล่อยวาง อย่าได้ทำลายสุขภาพร่างกาย

เมื่อส่งไต้ฟูจากไปและดื่มยาแล้ว ในที่สุดเยียนอวิ๋นฉวนก็ไม่ทรมานมากเพียงนั้นอีก

เขานอนอยู่บนเตียงด้วยอามรณ์ที่ขุ่นมัว

หวังกุนซือถามเขา “นายน้อยกลัดกลุ้มเรื่องใดกัน สามารถบอกข้าได้หรือไม่”

เยียนอวิ๋นฉวนมองเขา กัดฟันพูดเสียงต่ำ “เมื่อคืนดื่มสุรากับหลิงฉางเฟิง เขาพูดบางอย่างกับข้า…”