ตอนที่ 152 เป็นความลับ

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

​ป่าไผ่​ใน​ค่ำคืน​ฤดูร้อน​ ​ทั้ง​เงียบ​และ​สงบ​ ​ถึงแม้​จะ​มีสา​ยลม​โชย​มา​เสียงดัง​ซ่า​เป็นครั้งคราว​ ​ก็​ทำให้​คน​รู้สึก​สุขกาย​สบายใจ​ดี

​ฝีเท้า​ที่​รีบเร่ง​ของ​เฉินลั​่ว​ค่อยๆ​ ​หยุด​ลง

​ที่​ชอบ​ดอก​ไห่​ถัง​ ​รูปลักษณ์​ที่​สวยงาม​ของ​มัน​ก็​เป็นหนึ่ง​ใน​เหตุผล​เหล่านั้น​อย่างนั้น​หรือ

​เมื่อ​กลับ​ถึง​บ้าน​ ​เป็นครั้งแรก​ใน​ชีวิต​ที่​เฉินลั​่ว​ยืน​มอง​สำรวจ​รูปลักษณ์​ของ​ตัวเอง​อย่างละเอียด​อยู่​หน้า​กระจก

​ดวงตา​สว่าง​สุกใส​ ​จมูกโด่ง​เป็น​สัน​ ​มุม​ปาก​จีบ​ ​ดู​เคร่งขรึม​เล็กน้อย​ ​หาก​ถาม​ว่า​มีต​รง​ไหน​แตกต่าง​ ​ก็​คง​เป็น​หน้าตา​เขา​ที่​ค่อนข้าง​สมมาตร​กว่า​ผู้อื่น​ ​ด้าน​ซ้าย​กับ​ด้าน​ขวา​ไม่​แตกต่าง​กัน​ ​คล้าย​ออกมา​จาก​พิมพ์​เดียวกัน​ก็​ไม่​ปาน

​นี่​ก็​นับเป็น​ความงาม​ด้วย​หรือ

​เฉินลั​่ว​ไม่ใช่​คนที​่​จะ​มานั​่ง​พินิจ​หน้าตา​ของ​ตัวเอง​อย่างละเอียด​ ​ยิ่ง​มอง​กลับ​ยิ่ง​รู้สึก​ว่า​คนใน​กระจก​ดู​แปลกหน้า​เล็กน้อย​ ​ไม่​เหมือน​คนที​่​อยู่​ใน​ความทรงจำ​ของ​เขา​เลย

​ใน​ความทรงจำ​ของ​เขา​ ​เขา​เป็น​คน​หน้าตา​ดี​ ​มักจะ​ได้รับ​คำชม​จาก​ผู้อาวุโส​และ​บรรดา​สตรี​อยู่​เสมอ​ ​ตัว​ขาว​อวบอ้วน​ ​น่ารัก​น่า​ชัก​ ​ไร้เดียงสา​มีชีวิตชีวา​ ​แต่​ตอนนี้​ ​ดวง​หน้า​ของ​เขา​มี​เพียง​ความ​เย็นชา​และ​ความเหนื่อย​ล้า​ ​ความ​ไม่แยแส​และ​ความ​ไม่ชัด​เจน​ถูก​กักขัง​เอาไว้​อย่างมิดชิด

​เขา​กลายเป็น​เช่นนี้​ตั้งแต่​เมื่อไร​?

​เฉินลั​่ว​ไม่​อยาก​มอง​ตัวเอง​ที่อยู่​ใน​กระจก​ผู้​นั้น​อีก

​เขา​หมุน​กาย​ไป​นอนลง​บน​เตียง​ ​สิ่ง​ที่​เข้ามา​ทักทาย​สายตา​คือ​ถุง​หอม​สีแดง​สด​ทอ​ลายเมฆ​มงคล​สีทอง​ที่​ห้อย​ลงมา​จาก​มุม​ยอด​ของ​กรอบ​เตียง

​บน​พู่​ยาว​ห้อย​ลูกปัด​สีเขียว​มรกต​เอาไว้​เม็ด​หนึ่ง​ ​เหมือน​มุก​ที่​ติด​อยู่​บน​กระโปรง​จีบ​หม่า​เมี​่​ยน​ของ​หวัง​ซี

​หวัง​ซี​เอง​ก็​รู้สึก​ว่า​เขา​รูปงาม​อย่างนั้น​หรือ

​ใน​หัว​ของ​เขา​ปรากฏ​ภาพ​หวัง​ซี​ถือ​กล้องส่องทางไกล​ ​พาด​ตัว​อยู่​บน​ยอด​ภูเขา​จำลอง​ดู​เขา​รำ​กระบี่

​เฉินลั​่ว​ถึงขั้น​จินตนาการ​ถึง​สีหน้า​ชื่นชม​บน​ใบหน้า​นาง​ตอนที่​เขา​ทะยาน​ตัว​ขึ้น​สู่​กลางอากาศ​ได้

​เขา​พลัน​ลุกขึ้น​มานั​่​งอย​่า​งกะ​ทัน​หัน

​ไม่​ถูก​!

​หวัง​ซีพูด​โกหก​แล้ว

​ศาลา​บน​ยอด​ภูเขา​จำลอง​ที่​สวนดอกไม้​ด้านหลัง​ของ​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​นั้น​ ​ต่อให้​ใช้​กล้องส่องทางไกล​ ​ก็​ไม่มีทาง​เห็นท่า​ทาง​ที่​เขา​รำ​กระบี่​อยู่​ใน​ป่าไผ่​อย่างชัดเจน​ได้

​หาไม่​แล้ว​สวนดอกไม้​ด้านหลัง​ของ​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​คง​ไม่​ถูก​ห้าม​ไม่​ให้​คน​เข้าไป​อยู่​ง่ายดาย​ขนาด​นั้น

​เขา​ยัง​จำได้​ว่า​ตอน​เขา​เป็น​เด็ก​ ​เด็กสาว​เหล่านั้น​ชอบ​มา​เล่น​ที่​สวนดอกไม้​ด้านหลัง​ของ​จวน​หย่ง​เฉิง​เป็น​ที่สุด​ ​เพราะ​คิด​ว่า​จะ​มองเห็น​ศาลา​กวาง​ร้อง​ที่​เขา​อาศัย​อยู่

​ต่อมา​หลังจากที่​ทุกคน​ค้นพบ​ว่า​มองเห็น​เพียง​หลังคา​สีเทา​ที่​ถูก​ปกคลุม​ด้วย​ป่า​ผืน​หนึ่ง​เท่านั้น​ ​ถึง​ได้​ค่อยๆ​ ​ลืม​สวนดอกไม้​ด้านหลัง​ของ​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​ไป​เสีย

​นี่​หวัง​ซีกำ​ลัง​หลอก​เขา​ ​เพื่อ​ปลอบใจ​เขา​อย่างนั้น​หรือ

​เฉินลั​่ว​เดินไปเดินมา​อยู่​ใน​ห้อง​ ​คล้าย​มี​แมว​ตัว​หนึ่ง​กำลัง​ข่วน​หัวใจ​อยู่​ก็​ไม่​ปาน​ ​ไม่​อาจ​สงบใจ​ลงมา​ได้​ไป​ชั่วขณะ

​เช่นนั้น​ที่หวัง​ซี​บอกว่า​เขา​รูปงาม​ ​ก็​คง​กำลัง​หลอก​เขา​ด้วย​กระมัง​!

​ใน​หัว​ของ​เขา​มีเสียง​หนึ่ง​บอกว่า​หวัง​ซี​ไม่ใช่​คน​เช่นนั้น​ ​นาง​เอาแต่ใจ​มาก​ ​แต่​ก็​ไม่ได้​เย้ยหยัน​เขา​ ​ไม่จำเป็น​ต้อง​ทำ​เช่นนี้​ ​แต่​อีก​เสียง​หนึ่ง​กลับ​บอกว่า​ ​นาง​เป็น​คน​เช่นนั้น​นั่นแหละ​ ​ปาก​พ่อค้า​ ​หลอกลวง​ผู้คน​เก่ง​นัก​ ​แม้น​นาง​ไม่ใช่​พ่อค้า​ ​แต่​ก็ได้​รับ​อิทธิพล​มาจาก​ครอบครัว​ ​อ้า​ปาก​ก็​พูดจา​เลื่อนเปื้อน​แล้ว​ ​ทั้งหมด​ล้วน​เป็นคุณ​ลักษณะ​ประจำ​ครอบครัว​ ​ตอน​พวกเขา​อยู่​ด้วยกัน​ ​ก็​มี​หลาย​ต่อ​หลายครั้ง​ที่นาง​ชอบ​หลอก​เขา

​อย่า​คิด​ว่า​เขา​ไม่รู้

​ปากหวาน​พูดจา​น่าฟัง​เหลือเกิน​ ​แต่​ดวงตา​กลับ​แวววาว​ ​ไม่มี​อาการ​สับสน​หรือ​ขาดสติ​แม้แต่​นิดเดียว

​ขณะที่​เฉินลั​่ว​คิด​อยู่​นั้น​ ​ก็​เริ่ม​รู้สึก​หงุดหงิด​งุ่นง่าน​ใจ​ขึ้น​มา

​เช่นนั้น​ตกลง​หวัง​ซี​ได้​แอบดู​เขา​รำ​กระบี่​จริง​หรือไม่

​เฉินลั​่ว​เปิด​หน้าต่าง​ออก

​พระจันทร์​ดุจ​จาน​เงิน​ ​ห้อย​ตัว​สูงตระหง่าน​อยู่​กลาง​ท้อง​นภา​ ​สาด​แสงส่อง​ลานบ้าน​กว้าง​สว่างไสว​ ​ดอก​อวี​้​จาน​ชู​ช่อ​ ​กลีบดอก​ยิ่ง​ดู​ขาวนวล​มากขึ้น​ ​บดบัง​หิน​ที่​ก่อ​เป็น​กระถางดอกไม้​ด้าน​ข้าง​จน​มิด

​เฉินลั​่ว​หัวใจ​กระตุก

​เขา​ลืม​ไป​ได้​อย่างไร​ ​หาก​หวัง​ซีพาด​ตัว​อยู่​บน​กำแพง​ใต้​ต้น​หลิว​ตรง​ที่​ที่​นัด​เจอ​เขา​บ่อยๆ​ ​ตรงนั้น​ ​ไม่​เพียง​มองเห็น​เขา​รำ​กระบี่​เท่านั้น​ ​ยัง​มองเห็น​แม้กระทั่ง​ว่า​เขา​สวม​อาภรณ์​สี​อะไร​ด้วยซ้ำ

​และ​ถ้า​มี​กล้องส่องทางไกล​อีก​หนึ่ง​กระบอก​…

​“​ช่าง​โง่เง่า​จริงๆ​!​”​ ​เฉินลั​่ว​เดิน​ย่ำ​ฝีเท้า​กลับไปกลับมา​อยู่​ใน​ห้อง​ไป​ด้วย​ ​พึมพำ​ด่า​ตัวเอง​ไป​ด้วยว่า​ ​“​ทั้งๆที่​รู้​ว่า​ปากของ​นาง​ไร้​ซึ่ง​ความจริง​ ​เหตุใด​ยัง​เชื่อ​ว่านา​งม​อง​เห็น​ตน​จาก​ศาลา​บน​ยอด​ภูเขา​จำลอง​ที่​สวนดอกไม้​ด้านหลัง​ของ​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​อยู่​อีก​!​ ​เห็นชัด​ว่านาง​เห็น​เขา​จาก​ลานบ้าน​ที่นา​งอา​ศัย​อยู่​ ​ไม่แน่​ว่า​อาจ​ค้นพบ​ตอนที่​นาง​พาด​ตัว​แอบดู​อยู่​บน​กำแพง​ก็​เป็นได้​…​”

​คิด​มาถึง​ตรงนี้​ ​เฉินลั​่ว​ตัวสั่น​ ​หยุด​ฝีเท้า​ลง

​ถ้าหาก​เป็น​เช่นนั้น​จริง​ ​เช่นนั้น​คนที​่​แอบ​สอดส่อง​เขา​จาก​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​ ​คนที​่​ถูก​เขา​ยิง​ธนู​ใส่​ ​และ​คนที​่​ดึง​ดาบ​ที่​เป็นการ​เตือน​เล่ม​นั้น​ออก​ไป​ผู้​นั้น​ ​ก็​คือ​หวัง​ซี​แล้ว​!

​“​โง่​เกินไป​แล้ว​จริงๆ​!​”​ ​เฉินลั​่​วงึ​มงำ​ด่า​ตัวเอง​ ​นั่ง​ตัวอ่อน​ปวกเปียก​อยู่​บน​แหย่ง​หลัวอั​่​นอย​่าง​หมดสภาพ

​เพราะเหตุนี้​หวัง​ซี​ถึง​ได้​ปรากฏตัว​ที่​งาน​วัน​คล้าย​วันเกิด​ของ​มารดา​เขา​ ​เพราะเหตุนี้​ดาบ​เก้า​ห่วง​เล่ม​นั้น​ถึง​อันตรธาน​หาย​ไป​ ​และ​เพราะเหตุนี้​พวกเขา​ถึง​ได้​บังเอิญ​เจอกัน​ที่​สวนป่า

​เสียแรง​ที่​พวกเขา​ล้วน​คิด​ว่า​ติดหนี้​บุญคุณ​นาง

​เห็นชัด​ว่านาง​ไป​ทำ​เรื่อง​ชั่วร้าย​แต่กลับ​ได้รับ​ความดี​ความชอบ​!

​หวัง​ซี​ผู้​นี้​!

​เฉินลั​่​วกัด​ฟัน​กรอด

​ถึงกับ​กล้า​ดึง​ดาบ​ของ​เขา​เพื่อ​อวดอ้าง​อำนาจ​กับ​เขา​!

​คอย​ดู​ว่า​เขา​จะ​จัดการ​นาง​อย่างไร

​ตอนที่​คิด​นั้น​ ​เฉินลั​่ว​คิด​ว่าการ​จัดการ​หวัง​ซีคง​เป็นเรื่อง​ง่ายดาย​เรื่อง​หนึ่ง​ ​แต่​เมื่อ​ตรึกตรอง​อย่างละเอียด​แล้ว​ ​ใน​หัว​สมองกลับ​ว่างเปล่า​ ​ไม่รู้​ว่า​จะ​ใช้​วิธี​อะไร​ไป​จัดการ​นาง​ดี

​จะ​ทุบตี​ก็​ย่อม​ทำไม​่​ได้​ ​นาง​เป็น​เด็กสาว​ ​มือ​เท้า​ของ​เขา​นั้น​ ​ไม่พูดถึง​เรื่อง​ที่​ยก​หิน​หนัก​สามสิบ​ต้าน​ด้วยมือ​ข้างเดียว​ได้​ ​แค่​ผลัก​นาง​เบา​ๆ​ ​ครั้งหนึ่ง​ ​คาด​ว่านา​งก​็​รับ​ไม่ไหว​แล้ว​ ​อีก​อย่าง​บุรุษ​ทุบตี​สตรี​นั้น​ ​ขี้ขลาด​เกินไป​ ​และ​ไม่สมควร​เป็น​คน​เกินไป​แล้ว

​หรือ​จะ​ด่า​?​ ​ถ้า​ต่อว่า​แรง​เกินไป​มิ​เท่ากับ​ว่าความ​สัมพันธ์​ระหว่าง​ทั้งสอง​คน​จะ​ขาดสะบั้น​ไป​ด้วย​หรือ​ ​แต่​ถ้า​พูด​เพียง​ผิวเผิน​…​เขา​นึกถึง​ปาก​เล็ก​ๆ​ ​ของ​นาง​ ​แค่​ตอน​ไม่มี​เรื่อง​อะไร​นาง​ยัง​คุย​เจื้อยแจ้ว​คนเดียว​ได้​ ​นับประสา​อะไร​กับ​ตอน​มีเรื่อง

​เขา​ไม่น่า​จะ​เถียง​ชนะ​นาง​ได้

​เฉินลั​่​วนึก​ถึง​ริมฝีปาก​ของ​หวัง​ซี​ริม​นั้น​ขึ้น​มา

​แดง​ปลั่ง​และ​แวววาว​ ​มุม​ปาก​มักจะ​ยกขึ้น​น้อย​ๆ​ ​คล้าย​มุม​ของ​กระจับ​ ​เวลา​พูด​จะ​เผย​ฟัน​ขาวสะอาด​ไร้​รอยด่าง​ดำ​ดุจ​เมล็ดข้าว​ออกมา​ให้​เห็น

​นี่​ต่างหาก​ถึง​จะ​เป็นความ​งาม​ที่แท้​จริง​!

​เฉินลั​่ว​คิด​ ​ดวง​หน้าร้อน​ผ่าว​ขึ้น​มา​โดย​ไม่ทราบ​สาเหตุ​ ​ใน​ใจ​ประหม่า​เหลือ​จะ​กล่าว

​กลางคืน​ถึงกับ​เก็บ​เอา​ไป​ฝัน

​ใน​ความฝัน​มัน​ดู​พิลึก​แปลกประหลาด​และ​มีสีสัน​ฉูดฉาด​ ​หลังจาก​ตื่นขึ้น​มาก​็​ไม่รู้​ว่า​ฝัน​เห็น​อะไร​บ้าง​ ​เหลือ​เพียง​ความรู้สึก​หอมหวาน​อบอุ่น​ ​บรรยากาศ​ที่​คลุมเครือ​และ​รอย​เหนียว​มีกลิ่น​คาว​ที่​กางเกง​รอย​หนึ่ง​เท่านั้น

​เขา​ไม่ได้​เป็น​เช่นนี้​มากี​่​ปี​แล้ว​นะ​?

​เฉินลั​่​วทำ​หน้า​เยียบ​เย็น​ลุกขึ้น​จาก​เตียง​ ​กระทั่ง​รับประทาน​มื้อ​เช้า​เสร็จ​ ​นั่งลง​หน้า​โต๊ะ​หนังสือ​ที่​ห้องทำงาน​แล้ว​ ​เขา​ถึง​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​เมื่อวาน​เขา​ส่ง​เทียบ​เข้า​วัง​ไป​ขอ​เข้าเฝ้า​ฮ่องเต้​

​แต่​จนถึง​บัดนี้​ ​เขา​ก็​ยัง​ไม่ได้​คิด​เลย​ว่า​เมื่อ​เข้าเฝ้า​ฮ่องเต้​แล้ว​จะ​พูด​อย่างไร​ ​พูด​อะไร​บ้าง​ ​เรื่อง​อะไร​ที่​ต้อง​พูด​ให้​ชัดเจน​ ​และ​เรื่อง​อะไร​ที่​ไม่​ควร​ไป​แตะต้อง

​นอกจากนี้​ ​เขา​ยัง​ไม่ได้​คิด​เลย​ว่า​จะ​จัดการ​หวัง​ซี​อย่างไร​ดี

​เฉินลั​่​วรู​้​สึก​ว่า​ดวง​หน้า​ของ​ตัวเอง​ร้อนผ่าว​ขึ้น​มา​อีกครั้ง

​หวัง​ซี​ ​หวัง​ซี​ ​น้ำค้าง​แห่ง​รุ่งอรุณ​ ​ซี​หมายถึง​รุ่งอรุณ​หรือ​รุ่งสาง​ ​คนใน​บ้าน​ของ​นาง​หวัง​ให้​นาง​มี​อนาคต​ที่​สดใส​เหมือน​แสง​แรก​แห่ง​รุ่งอรุณ​อย่างนั้น​หรือ​ ​หรือ​บางที​ ​นาง​อาจจะ​แค่​ถือกำเนิด​ตอน​รุ่งสาง​พอดี​ก็​เป็นได้

​แต่​ก็​น่าจะ​ไม่ใช่​!

​พี่ชาย​ใหญ่​ของ​นาง​มีนาม​ว่า​ ​‘​เฉิน[1]’​ ​พี่ชาย​รอง​ของ​นาง​ชื่อ​อะไร​นะ​?​ ​‘​เซิ​่ง[2]’​ ​หรือเปล่า​?​ ​นาง​มีชื่อ​เรียง​ต่อ​จาก​บุตรชาย​ของ​บ้าน​ได้​ ​แสดงว่า​ผู้อาวุโส​ใน​บ้าน​ไม่​เพียง​มีความหวัง​ใน​ตัวนาง​เท่านั้น​ ​ยัง​ต้อง​โปรดปราน​นาง​และ​รัก​นาง​มาก​เป็นแน่​ ​ไม่เช่นนั้น​นาง​ก็​คง​ไม่​กลายเป็น​คนที​่​ดูเหมือน​ได้รับ​การ​เลี้ยงดู​มา​อย่าง​ประคบประหงม​ ​แต่​ความจริง​เป็น​คนที​่​ไม่​กลัว​อะไร​แม้แต่​อย่าง​เดียว​เช่นนี้​…

​***​

​ตอนที่​หม่า​ซาน​เดิน​เข้ามา​ใน​ห้องทำงาน​ของกอง​พลม้า​ทะยาน​ซ้าย​ ​ก็​เห็น​เฉินลั​่ว​ใน​ชุด​อี้​ส่าน​คอป​้า​ยด​้า​นล​่าง​เป็น​กระโปรง​จีบ​สีแดง​สด​ทอ​ลาย​สีทอง​นั่ง​ตัวตรง​อยู่​บน​เก้าอี้​มี​เท้าแขน​ ​ดวงตา​ทั้งคู่​จับจ้อง​อยู่​ที่​แท่น​ห้อย​พู่กัน​บน​โต๊ะ​ที่​แขวน​พู่กัน​สั้น​บ้าง​ยาว​บ้าง​เอาไว้​อย่างใจ​ลอย

​เขา​ตะลึงงัน

​หลานชาย​ของ​ฮ่องเต้​ผู้​นี้​ ​สมัยก่อน​ยัง​ดูร​่า​เริง​ไร้เดียงสา​อยู่​บ้าง​ ​ทว่า​หลาย​ปี​มานี​้​ยิ่ง​อยู่​กลับ​ยิ่ง​เฉียบแหลม​สงวนท่าที​มากขึ้น​ ​ดวง​หน้า​ไม่​แสดง​ความรู้สึก​ ​ทำให้​คน​มอง​ไม่​ออก​ว่า​กำลัง​คิด​อะไร​อยู่​บ้าง​ ​การแสดง​ความรู้สึก​ออกมา​ให้​เห็น​เช่นนี้​ ​เขา​ไม่เห็น​มานา​นมาก​แล้ว

​คิด​ๆ​ ​แล้วก็​รู้สึก​คิดถึง​เรื่อง​เก่า​อยู่​บ้าง​เล็กน้อย

​หม่า​ซาน​ถอนใจ​กล่าว​อยู่​ใน​ใจ​ ​คิดถึง​วัตถุประสงค์​ที่​ฮ่องเต้​ให้​เขา​เดินทาง​กลับ​ขึ้น​มา​อีกครั้ง​ ​เขา​พลัน​รู้สึก​ว่า​เด็ก​ๆ​ ​เหล่านี้​ช่าง​น่าสงสาร​นัก​ ​เพลิดเพลิน​กับ​ลาภ​ยศ​มามาก​ ​ไม่รู้​ว่า​เมื่อไร​จะ​ต้อง​พบ​กับ​ความขมขื่น​ที่​ไม่มีใคร​เคย​พานพบ​มาก​่อน

​เขา​อด​จัด​อาภรณ์​เล็กน้อย​ไม่ได้​ ​กระแอม​ไอ​เบา​ๆ​ ​ครั้งหนึ่ง​ ​เผย​รอยยิ้ม​ถ่อมตน​ ​นอบน้อม​และ​ใจดี​ที่​กลายเป็น​ความสามารถ​ติดตัว​เขา​ไป​แล้ว​ออกมา​ ​เอ่ย​เสียง​ไม่​ดัง​และ​ไม่เบา​ครั้งหนึ่ง​ว่า​ ​“​ใต้เท้า​”

​เฉินลั​่ว​เงยหน้า​ขึ้น​มา​ ​เห็น​ว่า​เป็น​หม่า​ซาน

​ใน​ใจ​ของ​เขา​ราวกับ​มีสาย​ฟ้า​ฟาด​ผ่าน​อย่าง​ฉับพลัน

​หม่า​ซาน​คือ​คนสนิท​จริงๆ​ ​ของ​ฮ่องเต้​ ​เวลานี้​เขา​ควร​อยู่​ปลอบขวัญ​ทหาร​ที่​หมิ่น​หนาน​ ​ทว่า​กลับมา​ปรากฏตัว​ ณ​ ​ที่ทำการ​ของ​เขา​อย่างกะทันหัน

​ทั้งที่​เขา​ส่ง​คน​ไป​จับตาดู​ความเคลื่อนไหว​ของ​ฮ่องเต้​นาน​แล้ว​ ​กลับ​ไม่รู้​ว่า​หม่า​ซาน​เดินทาง​กลับ​จิง​เฉิง​มาตั​้ง​แต่​เมื่อใด​ ​ยัง​มาป​รากฏ​ตัว​ใน​วัง​หลวง​อย่าง​ปุบปับ​อีกด้วย

​ฮ่องเต้​ต้องการ​ทำ​อะไร​?

​ดวงตา​ตระหนก​ ​ทว่า​ใบหน้า​กลับ​เผย​ความประหลาดใจ​ที่​พอดิบพอดี​ออกมา​ ​กล่าวว่า​ ​“​ซาน​กง​กง​ ​ท่าน​กลับ​ถึง​จิง​เฉิง​ตั้งแต่​เมื่อไร​ ​เหตุใด​ข้า​ถึง​ไม่ได้​ยิน​ข่าวคราว​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​ ​ท่าน​ช่าง​ไปมา​ไร้​ร่องรอย​เกินไป​แล้ว​!​”

​หม่า​ซาน​ยิ้ม​ตาหยี​ ​ไม่​ตอบ​อะไร

​เขา​บอก​ได้​หรือว่า​เป็น​บัญชา​ของ​ฮ่องเต้​?

​เฉินลั​่ว​เข้าใจ​ดี​ ​ย่อม​ไม่​คิด​จะ​ให้​เขา​ตอบ​จริงๆ​ ​แต่​ลุกขึ้น​เดิน​เข้าไป​หา​อย่าง​เป็นกันเอง​และ​กระตือรือร้น​ ​กล่าวว่า​ ​“​ท่าน​รีบ​นั่งลง​ก่อน​!​ ​หลาย​วันก่อน​ข้า​ไป​ไถ​ชา​หลง​จิ​่ง​ของ​ซี​หู​ชั้นดี​มาจาก​ใต้เท้า​ซูด​้วย​ ​วันนี้​ท่าน​ลอง​ชิม​ฝีมือ​การชงชา​ของ​ข้า​ดู​สักหน่อย​”

​เขา​เรียนรู้​การอด​ทน​อดกลั้น​ใน​ยาม​คับขัน​ได้​นาน​แล้ว​ ​หาก​หม่า​ซาน​ไม่​พูด​ ​เขา​ก็​แสร้งทำ​เป็น​ไม่รู้​เรื่อง​ได้​เหมือนกัน

​หม่า​ซาน​เป็น​คน​มาหา​เขา​ด้วยตัวเอง​ ​เขา​มิได้​เป็น​คน​ไปหา​หม่า​ซาน​เสียหน่อย

​หม่า​ซาน​ไม่​อ้อมค้อม​กับ​เขา​อย่างที่​คาด​เอาไว้​จริงๆ​ ​เพียง​ไม่นาน​ก็​แจ้ง​วัตถุประสงค์​การ​มา​ของ​ตน​ ​“​ไอ​โย​ ​ไม่ได้​เด็ดขาด​ ​จะ​ให้​เจ้า​ชงชา​ให้​ข้า​ด้วยตัวเอง​ได้​อย่างไร​ ​พวกเรา​ยัง​ต้อง​รับ​บัญชา​องค์​เหนือ​หัว​อยู่​ ​ฮ่องเต้​ทรง​ให้​ข้ามา​เรียกตัว​เจ้า​ไป​คุย​ที่​ห้อง​ทรงพระ​อักษร​ ​รอ​เจ้า​ออกมา​จากไป​เข้าเฝ้า​ฮ่องเต้​แล้ว​ ​พวกเรา​ค่อย​หา​เวลา​มานั​่ง​ชิม​ชาด​้ว​ยกัน​”

​บัญชา​ฮ่องเต้​อยู่​เหนือ​ทุกสิ่ง

​เฉินลั​่​วรับ​คำ​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ได้​ ​มุ่งหน้า​ไป​ห้อง​ทรงพระ​อักษร​พร้อม​หม่า​ซาน​ ​ทว่า​ใน​ใจ​กลับ​ขบคิด​อย่างรวดเร็ว​ว่า​เมื่อ​เจอ​ฮ่องเต้​แล้ว​ควร​พูด​อะไร​บ้าง​ ​เขา​ควร​แสดง​เป็น​เด็ก​ที่​ตรงไปตรงมา​ผู้​หนึ่ง​ ​หรือ​ควร​แสดง​เป็น​ขุนนาง​ที่​หนักแน่น​มั่นคง​ผู้​หนึ่ง​ดี​?

​ฮ่องเต้​ไม่มีทาง​อยาก​แต่งตั้ง​องค์​ชาย​ใหญ่​เป็นไท​่​จื่อ​ด้วยใจจริง​อย่างแน่นอน

​ถึงแม้​มารดา​ผู้ให้กำเนิด​ของ​องค์​ชาย​ใหญ่​จะ​เป็น​ภรรยา​ร่วม​ผูก​ผม​ของ​ฮ่องเต้​ ​แต่​หลังจากที่​ฮ่องเต้​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​แล้ว​ ​กลับ​พระราชทาน​อิสริยยศ​ให้​มารดา​ของ​องค์​ชาย​ใหญ่​เป็น​กุ้ย​เฟ​ยมิ​ใช่​หยวน​โฮ​่ว[3] ​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ​ว่า​กันตา​มกฎ​แล้ว​องค์​ชาย​ใหญ่​จึง​หลุด​จาก​การ​เป็น​โอรส​องค์​โต​จาก​ชายา​เอก​กลายเป็น​โอรส​องค์​โต​จาก​อนุชา​ยา​แทน

​ตั้งแต่​อดีตกาล​มากา​รสื​บท​อด​วงศ์ตระกูล​ล้วน​ให้ความสำคัญ​กับ​ ​‘​บุตรชายคนโต​จาก​ภรรยา​เอก​’​ ​บุตรชายคนโต​จาก​ภรรยา​เอก​มาก​่อ​นบุ​ตร​ชาย​คนโต​เสมอ

​นี่​ก็​เป็นสาเหตุ​ที่​สถานะ​ของ​องค์​ชาย​ใหญ่​เป็น​ที่​ถกเถียง​กัน​ ​เขา​ไม่​อาจ​ช่วงชิง​ตำแหน่ง​เพื่อ​ตัวเอง​ได้​อย่าง​เต็มปาก

​บัดนี้​ฮ่องเต้​ผลัก​องค์​ชาย​ใหญ่​ออกมา​ ​โดย​ไม่​พระราชทาน​อิสริยยศ​ให้​มารดา​ของ​เขา​ก่อน​ ​ไม่​เหมือน​ต้องการ​รับรอง​นาม​ของ​เขา​ ​แต่​เหมือน​ต้องการ​ให้​เขา​ออก​ไปรั​บมี​ดมา​กก​ว่า

​ไม่รู้​ว่า​องค์​ชาย​ใหญ่​คิด​อย่างไร

​ขณะที่​เฉินลั​่ว​คิด​นั้น​ ​ฝีเท้า​หยุดชะงัก​ลง​เล็กน้อย

​เขา​ลืม​ตอ​อันนี้​ไป​ได้​อย่างไร

​หาก​บอกว่า​ฮ่องเต้​ขุด​หลุม​ฝัง​เขา​ ​แต่​องค์​ชาย​ใหญ่​กลับ​ถูก​ฝัง​อย่าง​โหดเหี้ยม​มากกว่า​เสียอีก

​คำ​โบราณ​กล่าว​ได้ดี​ ​ศัตรู​ของ​ศัตรู​คือ​มิตร​ของ​เรา​ ​เขา​ลืม​องค์​ชาย​ใหญ่​ไป​ใช่​หรือไม่​ ​ควรจะ​ลอง​ถาม​ความคิดเห็น​ของ​องค์​ชาย​ใหญ่​ดู​สักหน่อย​หรือไม่​นะ​?

​เฉินลั​่ว​ยิ้มน้อย​ๆ​ ​ตาม​หม่า​ซาน​ก้าว​เข้าไป​ใน​ห้อง​ทรงพระ​อักษร

​ฮ่องเต้​ทรง​มีพ​ระ​ชนมา​ยุ​ประมาณ​ห้าสิบ​พรรษา​ ​ถนอม​วรกาย​เป็น​อย่างดี​ ​เมื่อก่อน​ดูแล​้ว​เหมือน​คน​อายุ​สามสิบ​ปี​เท่านั้น​ ​แต่​ครึ่ง​ปี​ให้​หลัง​มานี​้​ ​โรคหัวใจ​กำเริบ​บ่อย​ ​เพียง​ไม่นาน​ก็​ดูเหมือน​แก่​ขึ้นไป​ยี่สิบ​ปี​ ​เผย​ความทรุดโทรม​ไร้​ชีวิตชีวา​ของ​คน​วัย​นี้​ออกมา​ให้​เห็น

​เฉินลั​่ว​ถวายบังคม​ฮ่องเต้​ ​พระองค์​พยัก​พระพักตร์​ ​ตรัส​ประโยค​หนึ่ง​ว่า​ ​“​เจ้า​มา​แล้ว​”​ ​ให้​ขันที​ที่​ถวาย​การปรนนิบัติ​อยู่​ข้าง​กาย​ยก​เก้าอี้​มา​ให้​เฉินลั​่ว​ ​ตรัส​ว่า​ ​“​นั่งลง​มาคุ​ยกัน​เถอะ​!​”

​ฮ่องเต้​ยังคง​เหมือนปกติ​ ​ท่าที​ที่​ปฏิบัติ​กับ​เฉินลั​่​วอ​ย่าง​สบาย​ๆ​ ​นั้น​เผย​ความใกล้ชิด​ออกมา​หลาย​ส่วน

​…………………………………………………………….

[1]เฉิน ​หมายถึง​ ​รุ่งเช้า

[2]เซิ​่ง ​หมายถึง​ ​แสงอาทิตย์

[3]หยวน​โฮ​่ว ​ฮองเฮา​ที่​เป็น​ภรรยา​คน​แรก

ตอนต่อไป