บทที่ 175 โอนย้ายสิทธิบัตร

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 175 โอนย้ายสิทธิบัตร

โจวเม่าและไป๋เยี่ยลองคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เสียไป ทั้งค่าอุปกรณ์และค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายมหาวิทยาลัย ก็พบว่าพวกเขาใช้เงินไปเจ็ดแสนกว่าหยวนแล้ว นั่นทำให้พวกเขารู้ซึ้งถึงต้นทุนของการทำวิจัยอีกครั้งหนึ่ง

ทว่าโจวเม่าก็อาสาเป็นผู้จ่ายเงินเอง แต่ท้ายที่สุดทั้งหมดนั่นก็เป็นทรัพยากรของทางมหาวิทยาลัยอยู่ดี ต่อให้จ่ายเงินไปหลายแสนหยวนก็ใช้ว่าจะใช้งานตามอำเภอใจได้

แน่นอนว่าไป๋เยี่ยไม่ได้เสียเงินแม้แต่หยวนเดียว ทว่าโจวเม่าก็บอกว่าให้ไป๋เยี่ยโอนสิทธิบัตรให้ได้ก่อนแล้วค่อยนำเงินมาคืนเขาก็ได้

โจวเม่าเป็นคนที่น่าสนใจมาก เขาดูไม่เหมือนนักวิจัยแต่ดูเหมือนนักธุรกิจมากกว่าด้วยซ้ำ

ทั้งโจวเม่าและไป๋เยี่ยลงนามกันในสัญญา เพราะไป๋เยี่ยเป็นผู้ค้นพบสารดังกล่าว ส่วนโจวเม่าเป็นเพียงผู้ร่วมทดลองเท่านั้น เขาจึงได้รับค่าสิทธิบัตรเพียงสามส่วน ในขณะที่ไป๋เยี่ยได้รับเจ็ดส่วน โจวเม่ายังคงทำประโยชน์จากสิ่งนี้ได้อยู่ จึงขอรับช่วงต่อเรื่องการขอสิทธิบัตรและการโอนย้ายสิทธิบัตรต่อไป

โจวเม่าคุ้นเคยกับการยื่นขอสิทธิบัตรจนกลายเป็นทักษะติดตัวเขา หลังจากที่ลงนามกันแล้วเขาก็ไปจัดการเรื่องสิทธิบัตรและติดต่อกับบริษัทยาให้

ไป๋เยี่ยยังมีหลายเรื่องที่ต้องทำ ไม่กี่วันที่ผ่านมามีการถ่ายรูปรับปริญญาและจัดงานเลี้ยงขึ้นหลายครั้ง แต่ไป๋เยี่ยไม่ได้เข้าร่วมเลยแม้สักครั้ง

พรุ่งนี้คลาสของเขาจะถ่ายรูปรับปริญญากัน พ่างจื่อจึงคอยช่วยไป๋เยี่ยจัดการเรื่องชุดรับปริญญา

ดูเหมือนว่าเครื่องแบบพวกนี้จะมีกลิ่นหลงเหลือจากรุ่นพี่เมื่อปีที่แล้ว ไป๋เยี่ยจึงได้แต่ถอนหายใจและนำมันไปซัก

วันต่อมาเพื่อนๆ ในคลาสต่างพากันไปถ่ายรูปด้วยกัน ทว่าไป๋เยี่ยกลับรู้สึกว่าพ่างจื่อดูเหม่อลอยแปลกๆ

ไป๋เยี่ยถึงกับผงะกับภาพตรงหน้า เขาไม่เคยเห็นพ่างจื่อเป็นแบบนี้เลย จึงรีบดึงพ่างจื่อเข้ามาถาม “พ่างจื่อ นายเป็นอะไรไหม”

พ่างจื่อถอนหายใจ “เป็นสิ…ฉันคงถูกคัดออกแล้วละ”

คัดออก หมายความว่าไง ไป๋เยี่ยถามอย่างสงสัย “คัดออกอะไร”

“ฉันรู้สึกว่าตัวเองหมกมุ่นกับการแข่งขันนวัตกรรมยังไงก็ไม่รู้ ผลการแข่งขันระดับมณฑลจะออกพรุ่งนี้แล้ว ถ้าฉันผ่านเข้าไปได้ก็คงผ่านแบบคาบเส้นแหละ” พ่างจื่อถอนหายใจ

คราวนี้ไป๋เยี่ยจึงนึกได้ถึงการแข่งขันนวัตกรรม เรายังมีโควต้าเหลืออยู่นี่นา!

“หมายความว่าไง ทีมของนายจะไม่เข้ารอบระดับมณฑลเหรอ แล้วนายเอาอะไรไปแข่งน่ะ แอปประเมินหมออะไรนั่นอะเหรอ”

พ่างจื่อพยักหน้า “ฉันลองแก้ไขข้อบกพร่องที่เราช่วยกันดูตอนนั้นแล้วทำ ‘แอปเลือกหมอ’ ขึ้นมาแทน นายจะเลือกไปหาหมอตามอาการป่วยได้ ก่อนหน้านี้ฉันวิ่งวุ่นทั่วเมืองไท่หยวนเลย บวกกับได้แม่ช่วยไว้อีก จนตอนนี้ฉันแทบจะทำฐานข้อมูลหมอในจิ้นซีขึ้นมาได้แล้ว เฮ้อ…น่าเสียดายชะมัด”

ไป๋เยี่ยตบบ่าพ่างจื่อ “ถ่ายรูปก่อน เย็นนี้ค่อยคิดว่าจะเอาไงต่อ”

เช้าวันรุ่งขึ้น โจวเม่านัดไป๋เยี่ยมาพบกับตัวแทนบริษัทยาแห่งหนึ่ง ซึ่งว่ากันว่าเป็นบริษัทยาที่กำลังจะเปิดตัวสู่สาธารณะ ว่ากันว่าบริษัทนี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองหลวงและมีทุนทรัพย์จำนวนมากอีกด้วย

โจวเม่าพูดขึ้นทั้งรอยยิ้ม “บริษัทยาแห่งนี้มีชื่อว่าบริษัทเภสัชกรรมจื่ออวิ๋น ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่บริษัทยาชั้นนำในประเทศ แต่ก็เป็นบริษัทที่มีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดมากในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทนี้น่ะเชี่ยวชาญเรื่องการสกัดยาจีนมาก แต่ไม่กี่ปีมานี้ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางของบริษัทไปเน้นการพัฒนายารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดกับการดูแลสุขภาพและความงามแทน ได้ยินมาจากวงในว่าจะเปิดตัวปีหน้าหรือหลังจากนั้น”

“สรรพคุณหลักของสารสกัดตังเซียมคือฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยชะลอความแก่ลงได้ ลุงว่ามันน่าจะสอดคล้องกับแนวทางและแนวโน้มการพัฒนายาของบริษัทนั้น ลุงเลยนัดผู้จัดการฝ่ายการตลาดของทางนั้นมาลองคุยดูก่อน”

สถานที่นัดหมายคือสำนักงานของบริษัทเภสัชกรรมจื่ออวิ๋นในมณฑลจิ้นซี ซึ่งเป็นสำนักงานขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนชั้นสิบสองของอาคารกรีนแลนด์เซ็นทรัลพลาซ่า

ทันทีที่ทั้งคู่เดินเข้ามา ไป๋เยี่ยก็ถึงกับชะงักไป!

เมิ่งอวิ๋นซี?

โจวเม่ากล่าวทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับ ผู้จัดการเมิ่ง”

เมิ่งอวิ๋นซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นไป๋เยี่ย ทว่าเธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา “สวัสดีค่ะ ผอ.โจว เชิญนั่งได้เลยนะคะ เดี๋ยวดิฉันไปรินน้ำให้”

หลังจากแนะนำกันและกันแล้ว โจวเม่าก็ยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้เมิ่งอวิ๋นซี “ผู้จัดการเมิ่งครับ นี่คือยาตัวใหม่ที่ผมบอกคุณไว้เมื่อสองวันก่อน เป็นสารสกัดจากยาแผนจีนซึ่งมีสรรพคุณชะลอความแก่ได้ เมื่อเปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบันแล้ว ข้อดีของยาชนิดนี้ก็คือเป็นสารที่ออกฤทธิ์ชัดเจนมากและต้านสารอนุมูลอิสระในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมลองทำการทดลองเปรียบเทียบกับยาต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นในท้องตลาดดูแล้วพบว่ายาตัวนี้มีผลข้างเคียงน้อยกว่ามาก แล้วก็จากการศึกษาความเป็นพิษของตัวยาในระยะสั้นก็พบว่าไม่มีปัญหาอะไรครับ”

โจวเม่าเป็นมืออาชีพมาก เขาสนใจการโอนย้ายสิทธิบัตรเป็นพิเศษ ทำให้เขาค่อนข้างมีชื่อเสียงในตลาดและบริษัทยาจำนวนมาก อีกทั้งผลิตภัณฑ์ที่เขานำเสนอให้แต่ละบริษัทนั้นยังแตกต่างกันออกไปอีกด้วย ทว่าโจวเม่าก็ตามหาผู้ซื้อที่เหมาะกับสิทธิบัตรที่ต้องการโอนย้ายได้เสมอ

ระหว่างการเจรจา โจวเม่าอธิบายข้อดีและข้อเสียของผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน ทั้งยังคิดไว้แล้วว่าสิทธิบัตรเหล่านั้นจะใช้ประโยชน์อะไรในอนาคตได้อีกบ้าง

“ผมแนะนำให้คุณฟังคร่าวๆ แล้ว คิดว่าไงบ้างครับ ผู้จัดการเมิ่ง” โจวเม่ายิ้มพลางมองเมิ่งอวิ๋นซีผู้มีท่าทีสงบนิ่ง

เมิ่งอวิ๋นซีกล่าวอย่างยิ้มๆ “ผอ.โจวแนะนำได้กระจ่างมากค่ะ แม้แต่คนธรรมดาอย่างดิฉันยังเข้าใจได้ แต่ถึงอย่างไรในท้องตลาดก็มียาต้านอนุมูลอิสระมากมายที่ฉันจำหน่ายได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าโอนย้ายสิทธิบัตรใดๆ อยู่นะคะ ผอ.โจวลองบอกความแตกต่างของผลิตภัณฑ์นี้กับยาต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ มาให้ดิฉันฟังก่อนได้ไหมคะ”

ทั้งโจวเม่าและไป๋เยี่ยศึกษาเรื่องนี้ไว้แล้ว ทั้งยังเตรียมตัวตอบคำถามนี้มาอย่างดี “ผมจะไม่ลงรายละเอียดเรื่องความปลอดภัยของสารสกัดตังเซียมแล้วกันนะครับ เพราะก็ได้รับการตรวจสอบมาตั้งหลายปีแล้ว สารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ ออกฤทธิ์แค่กับเนื้อเยื่อบางประเภท ในขณะที่ตัวยานี้ออกฤทธิ์กับเนื้อเยื่อทุกประเภท…คุณสมบัติอีกอย่างก็คือตัวยาของเราออกฤทธิ์ผ่านการทาบนผิวหนังได้ ไม่จำเป็นต้องรับประทาน…”

“นอกจากนี้ ผมคิดว่ามันยังมีสรรพคุณต่อความงามและการดูแลสุขภาพด้วย ซึ่งยังต้องรอติดตามผลการวิจัยต่อไป ผมแนะนำให้คุณเมิ่งตัดสินใจหลังจากนำตัวยาไปให้ฝ่ายเทคโนโลยีตรวจสอบดูนะครับ”

การสนทนาดำเนินไปอย่างราบรื่น ทว่าก่อนที่จะเดินทางกลับกัน จู่ๆ เมิ่งอวิ๋นซีก็ถามคำถามหนึ่งขึ้นมา “ผอ.โจวเป็นผู้คิดค้นยาตัวนี้เองเหรอคะ”

โจวเม่าชะงักไปก่อนจะส่ายหัวแล้วตอบคำถาม “ไม่ใช่ครับ ผมไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอก ผู้คิดค้นตัวจริงก็อยู่ตรงหน้าคุณนั่นแหละ จะเป็นใครไปได้นอกจากไป๋เยี่ยล่ะ”

เมิ่งอวิ๋นซีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยพลางจ้องไปหาไป๋เยี่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ไม่คิดเลยว่าคุณจะเก่งขนาดนี้! ผอ.โจวคะ จริงๆ ฉันรู้จักกับไป๋เยี่ยมานานแล้วน่ะค่ะ ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เดี๋ยวฉันจะเอาตัวยานี้กลับไปให้ทางบริษัทของเราตรวจสอบให้ดีเองค่ะ”