ตอนที่ 121 ถ้อยคำมากมาย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 121 ถ้อยคำมากมาย
“คุณหนูใหญ่วางใจเถิดเจ้าค่ะ บ่าวทราบดี” ชุนเถาพยักหน้า

“พี่คาดว่าวันที่สิบที่เราเคลื่อนขบวนศพ ชุนเหยียนคงต้องทำเรื่องสนุกๆ ให้พวกเราดูอย่างแน่นอน”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับน้องสาวทั้งสอง

ไม่ว่าเหลียงอ๋องหรือชุนเหยียน หากต้องการลงมือย่อมต้องทำในวันที่จวนเจิ้นกั๋วกงวุ่นวายที่สุดอย่างแน่นอน

เมื่อกระจายข่าวออกไปว่าจะเคลื่อนขบวนศพในวันที่สิบ เหลียงอ๋องอาจติดต่อชุนเหยียนล่วงหน้า ให้นางถือโอกาสในวันที่ทุกคนในจวนเจิ้นกั๋วกงยุ่งวุ่นวายมากที่สุด สร้างปัญหาขึ้น!

หรือไม่ เหลียงอ๋องก็อาจติดต่อชุนเหยียนในวันที่สิบ ให้นางหาวิธีนำจดหมายเข้าไปวางในห้องหนังสือของท่านปู่ในวันนั้นเลย

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนต้องลงมือในวันที่สิบอย่างแน่นอน

ป้ายวิญญาณแผ่นสีดำสลักอักษรสีทองโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ในโถงทำพิธีท่ามกลางแสงเทียนที่สะบัดพลิ้วไปมา

ไป๋ชิงเหยียนมองดูป้ายวิญญาณของท่านปู่และท่านพ่อ ภาวนาว่าหากวิญญาณของพวกท่านมีจริงขอให้คุ้มครองให้นางจัดการเหลียงอ๋องผู้ชั่วช้าคนนั้นให้ได้ในวันที่สิบด้วย เช่นนี้ นางจะได้เดินทางไปหนานเจียงอย่างสบายใจ

วันที่เก้า ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่าง

องค์หญิงใหญ่เรียกหาบรรดาลูกสะใภ้เพื่อกล่าวเรื่องของไป๋ชิงเสวียน

ไส้ตะเกียงของตะเกียงที่วางอยู่บนแท่นสูงถูกปรับจนสว่าง เปลวไฟสะบัดไปมาอยู่ในฝาครอบแก้ว สะท้อนจนห้องทั้งห้องสว่างจ้า อีกทั้งสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่อ่อนล้าซีดเซียวขององค์หญิงใหญ่อย่างชัดเจน

องค์หญิงใหญ่นอนไม่หลับทั้งคืน ครุ่นคิดอยู่นานก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีผลสรุป

อย่างไรก็ต้องมีคนโยนชามกระเบื้องในพิธีเคลื่อนขบวนศพในวันพรุ่งนี้

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่ชอบลูกอนุผู้นี้ ข้าเองก็ไม่ชอบ ทว่า เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้ารอง เป็นบุรุษคนเดียวที่เหลืออยู่ของตระกูลไป๋” องค์หญิงใหญ่ค่อยๆ กล่าวขึ้น “รับลูกอนุกลับมาในครั้งนี้ ข้าจะไม่เก็บแม่ของเขาไว้แล้ว ให้เขาอยู่ข้างกายข้า ข้าจะเป็นคนอบรมสั่งสอนเขาเอง หากลูกสะใภ้รองยินดีก็รับเขาเป็นบุตรของตัวเอง หากไม่ยินดี ต่อไปพวกเจ้ากลับไปซั่วหยาง เขาอยู่กับข้าที่นี่ เมื่อมองไม่เห็นก็คงไม่รู้สึกหงุดหงิดใจ”

ลูกสะใภ้ทุกคนมององค์หญิงใหญ่โดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น ฟังองค์หญิงใหญ่กล่าวนิ่งๆ

“เมื่อเคลื่อนขบวนศพเสร็จในวันพรุ่งนี้ ข้าจะเข้าวังไปสละตำแหน่งเจิ้นกั๋วกง ไม่มีทางให้ตำแหน่งเจิ้นกั๋วกงตกเป็นของลูกอนุผู้นั้นแน่นอน ถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเรายอมถอยจริงๆ หากสวรรค์มีตาให้ลูกสะใภ้ห้าคลอดลูกชายออกมา เมื่อเขาเติบใหญ่ค่อยให้เขาสอบเป็นขุนนาง ตระกูลไป๋ยอมถอยในวันนี้เพื่อสะสมชื่อเสียงที่ดีงาม ภายภาคหน้าต้องเป็นกำลังสำคัญให้เขาอย่างแน่นอน!”

“ในเมื่อท่านแม่ตัดสินใจดีแล้วก็รับกลับมาเถิดเจ้าค่ะ!” ต่งซื่อกล่าว

ต่งซื่อเป็นลูกสะใภ้ขององค์หญิงใหญ่มาหลายปี นางรู้จักองค์หญิงใหญ่ดี องค์หญิงใหญ่กล่าวออกมาเช่นนี้แสดงว่านางตัดสินใจดีแล้ว โน้มน้าวไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด

อีกอย่าง วันนั้นไป๋ชิงเหยียนบุตรสาวของนางก็บอกไว้แล้ว ตระกูลไป๋เผชิญปัญหา บุตรอนุผู้นั้นจึงหลบหนีไป เมื่อฮ่องเต้มีพระราชโองการสั่งลงโทษซิ่นอ๋องลงมา บุตรอนุผู้นั้นต้องกลับมาอย่างแน่นอน นางเตรียมใจไว้แล้ว

“เช่นนั้นก็เอาตามนี้! ข้าจะให้เจี่ยงหมัวมัวเตรียมรถไปรับคนกลับมา หลังจากวันพรุ่งนี้พวกเจ้าและพวกเด็กๆ จะได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่แล้ว” นิ้วมือเย็นเฉียบขององค์หญิงใหญ่กำลูกประคำในมือแน่น ใบหน้ายังคงส่อแววเมตตาดั่งเช่นเคย “ช่วงนี้ลำบากพวกเจ้าแล้ว!”

ไป๋จิ่นจื้อพาน้องสาวอีกสามคนไปเปลี่ยนให้ไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นซิ่วและไป๋จิ่นถงไปพักผ่อน

เมื่อกลับมาถึงเรือนชิงฮุย ไป๋ชิงเหยียนล้างหน้าเสร็จไม่รีบไปพักผ่อนกลับถามถึงอาการของจี้ถิงอวี๋ในวันนี้ เมื่อทราบว่าจี้ถิงอวี๋ฟื้นแล้วแต่ร่างกายยังอ่อนแอเพราะเสียเลือดมากเกินไป หญิงสาวจึงเบาใจลง

“คุณหนูใหญ่เฝ้าวิญญาณมาทั้งคืนแล้ว รีบไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ” ชุนเถาเห็นเส้นเลือดฝอยแดงก่ำในดวงตาของไป๋ชิงเหยียน รู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก

หญิงสาวส่ายหน้า ยืนอยู่หลังโต๊ะหนังสือ อยากเขียนคำไว้อาลัยให้บรรดาท่านปู่ท่านพ่อของนาง ทว่าเมื่อจับพู่กันขึ้นมากลับเขียนไม่ออก

นางมีถ้อยคำมากมายอยากจะบอกบรรดาท่านปู่ แต่ล้วนเป็นถ้อยคำที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ทำได้เพียงบอกอยู่ในใจเท่านั้น

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม

ชุนเถาล้างมือที่เปื้อนหมึกของไป๋ชิงเหยียนจนหมดเกลี้ยงแล้วปรนนิบัตินางเข้านอน จากนั้นจึงเดินออกมาจากห้องอย่างเงียบเชียบ

ชุนเหยียนที่ได้กลับมายังเรือนชิงฮุยกล่าวทักทายถงหมัวมัว เมื่อเห็นชุนเถาเดินออกมาก็รีบถลาเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม “ชุนเถา ข้ากลับมาอยู่กับเจ้าแล้ว”

“ชู่ว…” ชุนเถาทำท่าจุ๊ปากให้ลดเสียง เมื่อนึกได้ว่าคุณหนูใหญ่สั่งให้นางแสร้งทำเป็นสนิทสนมกับ

ชุนเหยียน ชุนเถาจึงจูงชุนเหยียนไปหยุดอยู่ด้านหนึ่ง เอ่ยเสียงเบา “คุณหนูเหนื่อยมาทั้งคืนเพิ่งได้พักผ่อน เจ้าลดเสียงลงหน่อย ในเมื่อกลับมาแล้วก็อย่าทำสิ่งใดที่เป็นการทำร้ายคุณหนูใหญ่อีก มิเช่นนั้นข้าคนแรกเลยที่จะไม่ไว้ชีวิตเจ้า”

ชุนเหยียนกอดแขนของชุนเถาพลางกล่าว “ข้าจำได้ว่าคุณหนูใหญ่บอกว่าเจ้าขอร้องแทนข้า ข้าอยากขอบคุณเจ้าหลายครั้งแล้วแต่เจ้ามัวแต่ยุ่งอยู่”

ชุนเถารู้สึกสะอิดสะเอียนมากแต่ก็ต้องอดทนไว้ “พรุ่งนี้ที่จวนคงวุ่นวายมาก ร่างกายของเจ้ายังไม่แข็งแรงก็อยู่แต่ในห้องไม่ต้องออกมา ไม่เช่นนั้นอาจเกะกะผู้อื่น แล้วก็อย่าโผล่หน้าไปให้คุณหนูใหญ่เห็น!”

ถ้อยคำนี้หากเป็นยามปกติ ชุนเหยียนต้องชักสีหน้าใส่ชุนเถาอย่างแน่นอน ทว่าวันนี้กลับรับคำด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ข้ารู้แล้ว! ถงหมัวมัวให้ข้าพักอยู่กับเด็กสมองช้าอิ๋นซวงนั่น แต่ข้าอยากพักกับเจ้าเพื่อรำลึกความหลังมากกว่า เมื่อเสร็จเรื่องใหญ่ของจวนแล้ว เจ้าช่วยไปบอกชุนซิ่งให้เปลี่ยนห้องกับข้าได้หรือไม่”

ชุนเถายิ้มเย็นในใจ ที่พักของนางคือที่พักของสาวใช้ใหญ่ระดับหนึ่ง ชุนเหยียนคิดว่านางโง่หรืออย่างไรกัน ปากบอกว่าคิดถึงความหลัง แต่ความจริงคงอยากได้เกียรติของสาวใช้ใหญ่ระดับหนึ่งต่างหาก

“ไว้ค่อยว่ากันเถิด!” ชุนเถาแกะมือของชุนเหยียนที่เกาะแขนของนางอยู่ออก “ข้ายังมีเรื่องต้องไปจัดการแทนคุณหนูใหญ่ เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด”

กล่าวจบ ชุนเถาเดินออกไปจากเรือนชิงฮุย

ชุนเหยียนก็ไม่ได้โกรธเคือง นางนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่พวกคนต่ำต้อยซึ่งเคยดูถูกรังแกนางพวกนั้นได้ยินว่านางจะได้ย้ายกลับเรือนชิงฮุย ท่าทีเบิกตาโพลงอย่างตกตะลึง ทำให้นางรู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก

ชุนเถาเป็นคนซื่อบื้อ จะปราดเปรียวว่องไวเท่านางได้อย่างไรกัน

เมื่อคุณหนูใหญ่หายโกรธนางแล้ว นางจะกลับไปเป็นสาวใช้ใหญ่ระดับหนึ่งข้างกายของคุณหนูใหญ่

ชุนเหยียนกลับมาที่เรือนชิงฮุย ถงหมัวมัวเห็นว่านางยังได้รับบาดเจ็บอยู่จึงไม่ได้มอบหมายงานให้นาง สั่งเพียงให้นางช่วยสอนกฎระเบียบให้อิ๋นซวง อิ๋นซวงทำความเคารพชุนเหยียนอย่างเชื่อฟัง

ทว่า เมื่อชุนเหยียนมองเห็นอิ๋นซวงก็รู้สึกหงุดหงิด นางนอนแผ่อยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน ชี้นิ้วสั่งให้อิ๋นซวงเทน้ำให้ เดี๋ยวก็สั่งให้อิ๋นซวงแกะเมล็ดทานตะวันให้ เดี๋ยวก็สั่งให้อิ๋นซวงนวดขาให้นาง

ไม่ว่าชุนเหยียนสั่งให้ทำสิ่งใดอิ๋นซวงก็ทำตามอย่างคนโง่ ชุนเหยียนจึงรู้สึกดีกับอิ๋นซวงขึ้นมาหน่อย

ช่วงกลางวัน ถงหมัวมัวเข้ามาถามอิ๋นซวงว่าเรียนกฎระเบียบไปถึงไหนแล้ว อิ๋นซวงตอบอย่างใสซื่อ “เรียนการเทน้ำให้นาง แกะเมล็ดทานตะวันให้นาง…”

อิ๋นซวงนึกอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวสำทับ “แล้วก็นวดขาให้นางเจ้าค่ะ!”

ชุนเหยียนหน้าแดงก่ำ เมื่อเห็นถงหมัวมัวมีสีหน้าเคร่งขรึมลงจึงรีบตวาดอย่างร้อนตัว “เจ้ากล่าวเหลวไหลอันใด ข้าให้เจ้าเทน้ำให้ข้าแค่ครั้งเดียว เจ้าต้องฟ้องถงหมัวมัวด้วยอย่างนั้นหรือ ถงหมัวมัว ข้ามิกล้าสอนกฎระเบียบให้นางแล้วเจ้าค่ะ!”

แม้อิ๋นซวงจะสมองช้า แต่นางก็เป็นคนเจ้าอารมณ์คนหนึ่ง นางถลึงตาถลาเข้าไปด้านหน้าพลางผลักชุนเหยียนที่ยังบาดเจ็บอยู่จนล้มลงไปบนพื้น “รินน้ำให้แปดครั้ง มิใช่ครั้งเดียว!”