ตอนที่ 122 ทุกอย่างที่ทำมาเสียเปล่า

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 122 ทุกอย่างที่ทำมาเสียเปล่า
อิ๋นซวงยังจำได้ดี ครั้งแรกชุนเหยียนหาว่าน้ำที่นางรินให้เย็นเกินไป ครั้งที่สองร้อนเกินไป…จนครั้งที่แปดชุนเหยียนถึงบอกว่าใช้ได้

ชุนเหยียนถลึงตาใส่อิ๋นซวง มองไปทางถงหมัวมัวด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “หมัวมัวดูนางสิเจ้าคะ!”

ถงหมัวมังเกือบหลุดขำออกมา นึกว่าอิ๋นซวงผลักชุนเหยียนล้มลงบนพื้นแล้ว จะกล่าวสิ่งใดเสียอีก ที่แท้กลับแก้ต่างว่ารินน้ำถึงแปดครั้งมิใช่ครั้งเดียว

ทว่า เรื่องที่ควรตำหนิก็ต้องตำหนิ ถงหมัวมัวตำหนิอิ๋นซวงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“อยากจะกล่าวก็กล่าวเฉยๆ ลงมือทำร้ายคนได้อย่างไรกัน! เจ้าจะทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าคุณหนูใหญ่หรืออย่างไร เอาเถิด มิต้องเรียนกฎระเบียบที่นี่แล้ว ได้ยินชุนเถาบอกว่าเจ้าพละกำลังดี มาช่วยเป็นลูกมือให้ข้าก็แล้วกัน ไปเถิด!”

ชุนเหยียนมองดูถงหมัวมัวพาอิ๋นซวงจากไปโดยที่ไม่ได้มอบหมายงานให้นางทำ นางเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาในทันที กลับมาถึงเรือนชิงฮุยก็โดนเมินเช่นนี้ นี่มันเรื่องอันใดกัน

ชุนเหยียนอยากจะเดินตามไป ทว่า เมื่อครู่อิ๋นซวงผลักโดนแผลเก่าของนาง ตอนนี้นางเจ็บเอวจนลุกขึ้นไม่ไหว

“แม่นางชุนเหยียน มีคนมาหาท่านที่หน้าประตูเรือนกล่าวว่าเมื่อเช้าตอนที่ท่านย้ายกลับมาที่เรือน ท่านลืมของไว้จึงตั้งใจนำมาคืนท่านเจ้าค่ะ” สาวใช้ที่นอนร่วมห้องเดียวกันกลับมาที่ห้องพลางเอ่ยบอกชุนเหยียนยิ้มๆ

เมื่อเห็นว่าชุนเหยียนประคองเอวเดินหน้าบึ้งออกไปด้านนอกโดยไม่กล่าวขอบคุณสักคำ สาวใช้ผู้นั้นชักสีหน้าในทันที หยิบตะกร้าไม้ไผ่สำหรับใส่อุปกรณ์เย็บปักถักร้อยเขวี้ยงไปยังทางที่ชุนเหยียนเดินออกไปอย่างโมโหพลางด่าออกมา

“ถุย คิดว่าตัวเองยังเป็นสาวใช้ใหญ่ข้างกายของคุณหนูใหญ่หรืออย่างไรกัน!”

เมื่อชุนเถาเดินออกมาก็เห็นหญิงชราแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูเรือน แววตาของนางหวาดระแวงขึ้นมาทันที “ข้าลืมสิ่งใดไว้หรือ”

“แม่นางชุนเหยียน!” หญิงชราทำความเคารพนางอย่างยิ้มแย้ม “ข้าโดนไหว้วานให้มาบอกว่าองครักษ์ของจวนเหลียงอ๋องต้องการพบท่านเจ้าค่ะ เขามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับท่าน”

ชุนเหยียนตะลึง นางรู้สึกเจ็บบาดแผลบริเวณที่โดยโบยซึ่งยังไม่หายดีขึ้นมาอีกครั้ง ทว่า เจ็บใจยิ่งกว่า นางกัดปากแน่น ดวงตาแดงก่ำ หลายวันมานี้เหลียงอ๋องติดต่อนางไม่ได้ ต้องทรงร้อนพระทัยมากแน่ๆ!

ทว่า นางเพิ่งได้กลับมาอยู่ที่เรือนชิงฮุย หากไปพบคนของเหลียงอ๋องในตอนนี้แล้วตอนจับได้ ถงหมัวมัวต้องโบยนางจนตายแน่ๆ

“ข้า…ข้าพักรักษาตัวอยู่หลายวัน มีงานในเรือนชิงฮุยต้องทำอีกมากมาย ปลีกตัวไปไม่ได้จริงๆ มีเรื่องอันใดรบกวนเจ้ามาบอกข้าที ข้าไม่ออกไปแล้ว!”

ชุนเหยียนรีบล้วงเงินออกมาจากหน้าอกแล้วยัดใส่มือของหญิงชรา

หญิงชราชั่งน้ำหนักเงินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไปแทนแม่นางเอง”

เกาเซิงที่รออยู่นอกจวนไม่ได้พบกับชุนเหยียน ได้ยินหญิงชรากล่าวเพียง

“ช่วงที่แม่นางชุนเหยียนพักรักษาตัว เรือนชิงฮุยมีงานมากมายรอให้แม่นางชุนเหยียนจัดการ แม่นางชุนเหยียนปลีกตัวออกมาไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ มีเรื่องอันใดท่านบอกบ่าวมาได้เลยเจ้าค่ะ แม้บ่าวจะไม่รู้หนังสือ แต่บ่าวช่วยส่งสารแทนท่าน และแม่นางชุนเหยียนได้แน่นอนเจ้าค่ะ!”

เกาเซิงฟังจบก็เม้มปากแน่น กลับจวนเหลียงอ๋องไปโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น เขารายงานเรื่องนี้ให้เหลียงอ๋องทราบ

“ข้ากลัวว่าในจวนเจินกั๋วกงจะมีองครักษ์ลับอยู่ กลัวจะแหวกหญ้าให้งูตื่นจนทำลายแผนการขององค์ชาย จึงมิได้บุกเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ”

แม้ครั้งนี้เกาเซิงจะไม่ได้พบชุนเหยียน ทว่า การไปจวนเจิ้นกั๋วกงในรอบนี้ก็ไม่ถือว่าเสียเปล่า อย่างน้อยก็รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนเห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่า ยอมให้ชุนเหยียนกลับไปเรือนชิงฮุยอีกครั้ง เช่นนี้…ชุนเหยียนคงลงมือได้ง่ายดายขึ้น

เกาเซิงเห็นสีหน้าที่ซีดเผือดของเหลียงอ๋องตึงเครียดจึงเอ่ยเสียงเบา

“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ เราจะรอช้ากับเรื่องนี้ไม่ได้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ หลิวฮ่วนจางได้ยินว่าคนในตระกูลของเขาถูกจับกุมก็เริ่มอยู่ไม่สุข บัดนี้เขาปลอมตัวเข้ามาในเมืองแล้วพ่ะย่ะค่ะ หากหลิวฮ่วนจางถูกจับขึ้นมาแต่จดหมายพวกนั้นยังไม่ได้อยู่ในจวนเจิ้นกั๋วกง ทุกอย่างที่เราทำมาจะเสียเปล่านะพ่ะย่ะค่ะ”

เหลียงอ๋องในชุดคลุมยาวคอเสื้อผ่าขวางสีม่วงนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ ขยำตัวอักษรฟู่[1]ที่เขียนได้ไม่สวยทิ้งไปอีกทาง โมโหที่หลิวฮ่วนจางไม่รู้จักแยกแยะความสำคัญจนไอออกมาสองสามครั้ง จนรู้สึกเจ็บตรงบาดแผลบริเวณหน้าอก

“องค์ชาย!” สีหน้าของเกาเซิงเคร่งเครียด “ข้าจะให้คนไปตามหมอมาพ่ะย่ะค่ะ”

เหลียงอ๋องยกมือขึ้นห้ามเกาเซิง มือหนึ่งกุมหน้าอก หลังจากสงบลงจึงเงยหน้าขึ้นมองเกาเซิงด้วยสายตานิ่งขรึม เอ่ยเสียงแหบพร่า

“ให้คนที่เฝ้าหลิวฮ่วนจางไปรับโทษเสีย ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ตาม”

“พ่ะย่ะค่ะ!” เกาเซิงกำหมัดรับคำสั่ง

เหลียงอ๋องเท้ามือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ ไม่อาจควบคุมโทสะที่มีอยู่ในใจได้ เขาทุบหยกขาวสำหรับทับกระดาษบนโต๊ะทิ้ง

ที่ชุนเหยียนไม่ยอมพบเกาเซิงน่าจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน เช่นนั้นคงต้องให้ถงจี๋ไป ถงจี๋เป็นบ่าวรับใช้ชายข้างกายของตน ชุนเหยียนต้องออกมาพบเขาแน่นอน

เมื่อคิดได้ดังนี้ เหลียงอ๋องตะโกนไปยังด้านนอกด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “เรียกถงจี๋เข้ามาหน่อย!”

ไม่นาน ถงจี๋ที่กำลังต้มยาให้เหลียงอ๋องก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างเร็วรวด “องค์ชาย ทรงเรียกบ่าวหรือขอรับ!”

“เอาจดหมายให้ถงจี๋!” เหลียงอ๋องตรัส

สิ้นเสียง เกาเซิงรีบนำจดหมายออกมาจากแผ่นอกแล้วยื่นส่งให้ถงจี๋

ถงจี๋รับจดหมายที่ปิดผนึกอย่างดีเหล่านั้นมาอย่างงุนงง มองไปทางเหลียงอ๋อง

“อีกเดี๋ยว…” เหลียงอ๋องกล่าวออกมาเพียงเท่านั้นแล้วเม้มปากลงอีกครั้ง วันนี้เกาเซิงไปหาชุนเหยียนมาแล้ว หากส่งถงจี๋ไปหาชุนเหยียนอีกครั้งจะเป็นที่สะดุดตามากเกินไป เขารีบแก้

“พรุ่งนี้จวนเจิ้นกั๋วกงมีพิธีเคลื่อนขบวนศพ เจ้าจงนำจดหมายพวกนี้ไปหาชุนเหยียน”

เหลียงอ๋องบอกกับถงจี๋ด้วยถ้อยคำที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ถงจี๋ฟังจบก็กำจนหมายในมือแน่น รู้สึกเสียดายแทนเจ้านายของตน

“พรุ่งนี้จวนเจิ้นกั๋วกงจะเคลื่อนขบวนศพ น่าจะวุ่นวายมาก เจ้าจงบอกกับชุนเหยียนว่าอย่าพลาดโอกาสนี้เด็ดขาด มิเช่นนั้นคงหาโอกาสดีๆ เช่นนี้ไม่ได้ไปอีกเป็นครึ่งปี กำชับให้นางนำจดหมายไปวางในห้องหนังสือของท่านกั๋วกงให้ได้”

เหลียงอ๋องเห็นถงจี๋ขมวดคิ้วจึงตวาดถามออกมาเสียงดัง ”เจ้าได้ยินที่ข้ากล่าวหรือไม่”

“องค์ชาย ครั้งที่แล้วคุณหนูใหญ่ไป๋นั่นหาว่าพระองค์เป็นคนถ่อย กล่าวว่ายินดีแต่งงานกับแมวกับหมาที่ใดก็ได้แต่จะไม่ยอมแต่งงานกับพระองค์เด็ดขาด เหตุใดพระองค์ถึงยังตัดพระทัยจากคุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ นอกจากหน้าตาแล้ว คุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นี้มิเห็นมีอันใดดีสักอย่าง! ทั้งยังมีบุตรยากอีกด้วย เหตุใดพระองค์ต้องทรงทำถึงเพียงนี้พ่ะย่ะค่ะ พระองค์เป็นถึงองค์ชายแห่งแคว้นต้าจิ้นผู้สูงศักดิ์ อยากได้สตรีเช่นใดก็ได้” ถงจี๋เอ่ยโน้มน้าวเจ้านายเสียงแผ่วเบา

“เจ้าอยากตัดสินใจแทนข้าแล้วหรืออย่างไร” เหลียงอ๋องกำลังโมโหเรื่องที่หลิวฮ่วนจางแอบเข้ามาในเมืองหลวงโดยพละการ น้ำเสียงจึงคมกริบอย่างอดไม่ได้

“นายท่าน!” ถงจี๋คุกเข่าลงบนพื้นทันที “ถงจี๋มิกล้าพ่ะย่ะค่ะ! ถงจี๋แค่รู้สึกไม่เป็นธรรมแทนนายท่านเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายของบ่าวเป็นถึงบุคคลผู้สูงศักดิ์ คุณหนูใหญ่ไป๋ผู้นั้นกล้าอวดดีต่อหน้าองค์ชายได้อย่างไรกัน บ่าวเกรงว่าองค์ชายยอมตื้อขอนางแต่งงานเช่นนี้ ภายภาคหน้านางอาจจะเหิมเกริมจนไม่เห็นหัวพระองค์ยิ่งกว่านี้พ่ะย่ะค่ะ!”

เหลียงอ๋องแข็งใจเอ่ยกับถงจี๋ที่คอยดูแลรับใช้ข้างกายของเขามาตั้งแต่เด็ก

“หากเจ้าจงรักภักดีต่อข้าก็จงทำเรื่องที่ข้ามอบหมายให้สำเร็จ! หากเจ้าทำไม่สำเร็จ…ก็เตรียมเก็บข้าวของจากไปได้เลย จวนเหลียงอ๋องของข้าคงไม่เก็บเจ้าไว้แล้ว!”

สีหน้าของถงจี๋ซีดเผือด เม้มปากแน่น น้ำตาคลอ พยายามกลั้นไม่ให้ร้องไห้ออกมา รู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก

“ออกไปได้แล้ว!” เหลียงอ๋องเห็นท่าทีของถงจี๋ น้ำเสียงจึงอ่อนลงเล็กน้อย

[1]ฟู่ แปลว่า เป็นรอง