ตอนที่ 162 ซูชิง (3)

ผู้ใดบ้างที่ไม่รู้ ตอนนี้ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานอวี้กุ้ยเฟย หลายวันมานี้ล้วนเสวยอาหารในตำหนักอวี้กุ้ยเฟย

เมื่อฮ่องเต้ทำเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้ตอนวันตรุษจีน ตระกูลใดบนโต๊ะไม่มีเต้าหู้ ถือเป็นเรื่องที่เสียเกียรติอย่างมาก

ดังนั้น เต้าหู้หนึ่งคันรถที่ไปส่งเมืองหลวงล้วนเป็นสิ่งที่ตระกูลใหญ่ต่างๆ แย่งกันซื้อ ทุกครั้งเต้าหู้ยังไปไม่ถึง ก็ถูกสั่งจองจนหมด ซูชีจึงให้เถ้าแก่หลี่หยุดส่งเต้าหู้ที่ส่งไปเมืองอื่น ให้ส่งมายังเมืองหลวงเท่านั้น แต่ว่ากำลังผลิตของโรงงานมั่วเชียนเสวี่ยในตอนนี้ ทุกวันก็ผลิตได้เพียงหนึ่งพันจินเท่านั้น ทว่าคนที่กินมีจำนวนมาก ส่งผลให้เต้าหู้ที่ส่งไปจึงยังคงไม่พอต่อความต้องการ

ความหมายของพี่ใหญ่คือให้เขารีบเอาสูตรมา ตระกูลซูของพวกเขาจะได้เปิดโรงงานเต้าหู้ในเมืองหลวง เช่นนั้นก็สามารถได้ใจคนเร็วขึ้น

ประชาชนถือเรื่องอาหารการกินเป็นสิ่งสำคัญทัดเทียมสวรรค์ และหากสามารถส่งอาหารให้ทุกๆ จวน เช่นนั้นก็สามารถสอดส่อง สืบข่าวได้อย่างแนบเนียน…

ดังนั้น เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งนัก

เขากำลังเคร่งเครียดว่าจะเอ่ยปากเช่นไรเพื่อไปขอซื้อสูตรนี้กับมั่วเชียนเสวี่ย จดหมายที่พี่ใหญ่ตอบกลับมาคือให้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สูตรทำเต้าหู้…

แม้ว่าเรื่องนี้เขาจะไม่ทำ พี่ใหญ่ก็ย่อมส่งคนมาจัดการ เมื่อถึงเวลานั้นทุกอย่างคงปั่นป่วนไปหมด

เมื่อถึงเวลานั้น ร่องรอยของหนิงเซ่าชิงก็จะถูกเปิดเผย เมื่อพิจารณาเหตุการณ์แล้วต้องกลับเมืองหลวง หลังจากนั้น…

ซูชีทอดถอนหายใจ เขาตัดสินใจเก็บสูตรเอาไว้ เรื่องบางเรื่องใช้คำพูดไม่อาจกระจ่างชัด ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะฝากคำขอบคุณผ่านอาอู่ เมื่อมีโอกาสเขาจะอธิบายด้วยตนเอง

อาอู่เห็นซูชีรับสูตรเอาไว้ แล้วมองไหดีเกลือนั่น แล้วนิ่งเงียบ เขาจึงไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใดๆ แล้วนำจดหมายของหนิงเซ่าชิงยื่นให้เขา

“นี่คือจดหมายที่เจ้านายของข้าต้องการส่งให้คุณชายซูชี หวังว่าคุณชายเจ็ดจะทำให้ดีขอรับ”

ซูชีคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหนิงเซ่าชิงต้องส่งของกำนัลแทนคำขอบคุณมาเป็นแน่ คนอย่างเขาไม่มีวันรับน้ำใจจากตน เช่นเดียวกับเมื่อคราวก่อน ตนช่วยเขาเชิญหมอ เขาก็ช่วยวางแผนให้กิจการของไป๋อวิ๋นจวีเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อคราวก่อน เขาสามารถรับเอาไว้ได้ เพราะความรู้สึกที่เขามีต่อมั่วเชียนเสวี่ยยังไม่ได้มากมาย เขารู้สึกว่าเช่นนี้ไม่นับเป็นอะไร ถึงขั้นที่ว่าภายในใจของเขารู้สึกว่าการทำเช่นนี้ยุติธรรมอย่างมาก

ทว่า ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจยอมรับของกำนัลล้ำค่านี้ได้ เหตุเพียงเพราะ สำหรับเขาแล้วเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหนิงเซ่าชิง เป็นเรื่องระหว่าง…เขากับนาง

สูตรของมั่วเชียนเสวี่ย เขาสามารถรับเอาไว้ นั่นเป็นเพราะภายในใจยังมีความถวิลหา

ด้วยเหตุนี้ ซูชีไม่แม้แต่จะอ่านเนื้อความในจดหมาย คลี่พัดออกมา แล้วป้องจดหมายนั้นกลับไป พูดด้วยรอยยิ้ม “องครักษ์อาอู่กลับไปบอกนายของเจ้า ซูชีไม่ขาดเหลือสิ่งใด”

“เจ้านายบอกแล้วว่า คุณชายซูไม่ขาดเหลือสิ่งใด ทว่าตระกูลซูยังขาดเหลือ ของสิ่งนี้สำหรับตระกูลซูแล้วสำคัญยิ่งนัก เป็นสิ่งที่คุณชายใหญ่ถวิลหาแม้ในยามหลับฝัน หากคุณชายเจ็ดไม่ดูเสียหน่อยต้องเสียใจแน่นอนขอรับ”

เมื่อได้ฟัง รอยยิ้มบนใบหน้าของซูชีนิ่งค้าง เก็บพัด เขารู้ฐานันดรศักดิ์ที่แท้จริงของหนิงเซ่าชิงแล้ว ย่อมรู้ว่าคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหนิงไม่เคยพูดจาโอ้อวด

เป็นของล้ำค่าสำหรับตระกูลซู? เป็นสิ่งที่พี่ใหญ่ถวิลหาแม้ในยามหลับฝัน? หรือว่าจะเป็น…

ซูชีรับจดหมาย เปิดสัญญาออกมา ตกตะลึงทันที “เจ้านายของเจ้ายินดีที่จะยกสัดส่วนครึ่งหนึ่งของเหมืองแร่นี้ให้จริงๆ หรือ”

ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่า เหมืองแร่นี้ตกเป็นของบุคคลลึกลับสองคน คิดไม่ถึงว่าคนหนึ่งจะเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหนิงผู้เลื่องชื่อ

เขาเก็บซ่อนได้ดีจริงๆ

อาอู่สีหน้านิ่งงัน “แน่นอนว่ายินดียกให้ แต่คุณชายซูต้องรับปากก่อนว่าจะไม่เปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ว่าเจ้าของเดิมครึ่งหนึ่งของเหมืองแร่นี้เป็นเจ้านายข้า”

สิ่งยั่วยวนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ คุณชายเจ็ดจะปฏิเสธได้อย่างไร! ขอเพียงคุณชายเจ็ดรับสัญญานี้ไว้ เขาก็ถือว่าทำภารกิจสำเร็จแล้ว

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ขอเพียงคุณชายเจ็ดรับสัญญานี้ไว้ ก็ต้องกลับไปเมืองหลวงเพื่อหารือกับตระกูลของเขา ขอเพียงเขากลับเมืองหลวง ชีวิตนี้อาจจะไม่ได้กลับเทียนเซียงอีกก็เป็นได้ เจ้านายก็จะรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย…

แน่นอน ในจดหมายเจ้านายเขียนเอาไว้อย่างกระจ่างชัด คือการโอนให้ ไม่ใช่การให้อย่างเสียเปล่า

เหมืองแร่นี้ ขอเพียงเจ้านายยอมโอนให้ ก็ถือเป็นน้ำใจยิ่งใหญ่คับฟ้าแล้ว

ซูชีลำบากใจยิ่งนัก ด้านหนึ่งคือพี่ใหญ่ ด้านหนึ่งคือ ‘ความชอบธรรม’ ที่เขาไม่ต้องการให้จบลง เขายังต้องการ ‘สู้’ เพื่อนาง…

ตระกูลซูของพวกเขามีอำนาจทางการทหารมายาวนาน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งคืออาวุธที่ดี แร่ที่เหมืองแร่นี้มีก็คือเหล็กกล้าที่ใช้สำหรับหลอมอาวุธ

เห็นชัดว่าสำหรับคนตระกูลซูแล้วของสิ่งนี้สำคัญยิ่งนัก เหมืองแร่เช่นนี้ต้องอยู่ในการครอบครองของตนจึงจะวางใจได้ หากอยู่ในมือของผู้อื่นทำให้ตระกูลซูกินไม่ได้นอนไม่หลับ คล้ายถูกคนนำเชือกเงินมาผูกคอ

เพื่อเหมืองแร่นี้ ไม่เพียงแต่พี่ใหญ่ที่ออกเดินทางไปทั่วสารทิศ แม้กระทั่งลูกพี่ลูกน้องและน้องชายซึ่งเป็นบุตรอนุที่มีความทะเยอทะยานล้วนเคยเข้าไปข้องเกี่ยว ทำทุกวิถีทาง สุดท้ายเหมืองแร่นี้กลับตกอยู่ในมือของคนลึกลับสองคนนั้น

ในตระกูลใหญ่ไม่ค่อยมีความรักใคร่สนิทสนม ทว่าแตกต่างจากเขา ท่านแม่ให้กำเนิดพวกเขาสองคนพี่น้อง ตั้งแต่เล็กจนโตพี่ใหญ่ปกป้องตนอย่างดี ไม่เคยเอาหน้าที่ความรับชอบของตระกูลมากดทับตน ขอเพียงตนมีความสุข ใต้นภาแห่งนี้สามารถไปได้ทุกแห่งหน

ครั้งนี้ หากไม่ใช่เพราะท่านย่าต้องการให้เขาหมั้นหมาย เขาก็ไม่มีวันหลบมาอยู่ที่นี่

หลังจากอาอู่กลับไป ซูชีเขียนสูตรขึ้นหนึ่งฉบับให้เถ้าแก่หลี่ สั่งบ่าวรับใช้ซึ่งเป็นบุตรของเขาไปลองทำก่อน หากทำไม่เป็น พรุ่งนี้จะส่งไปเรียนที่โรงงานเต้าหู้ของหนิงเหนียงจื่อ หลังจากทำเป็นแล้วค่อยรีบส่งตัวเขาไปในเมืองหลวง

หลังจากสั่งเถ้าแก่หลี่เสร็จ เขานำสัญญานั้นพกติดตัวแล้วรีบเดินทางกลับเมืองหลวงทันที สัญญานี้คือเรื่องใหญ่ ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เขาไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้

อาลู่ติดตามอยู่ด้านหลัง ในมือของเขาไม่มีของล้ำค่าใด กอดเต้าหู้ยี้ไหหนึ่งเอาไว้

นี่คือเต้าหู้ยี้ที่เมื่อเดือนก่อนหนิงเหนียงจื่อสั่งให้เสี่ยวฉีจื่อส่งมา ได้ยินเสี่ยวฉีจื่อบอกว่าหนิงเหนียงจื่อทำด้วยตนเอง ตั้งแต่มีเต้าหู้ยี้นี้ นายท่านก็กินข้าวได้มากขึ้น

ดังนั้น ไม่ว่าจะไม่เอาสิ่งใด ก็ต้องห้ามลืมเอาเต้าหู้ยี้ไหนี้มาด้วย

ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยไปถึงทิงเฟิงเฉวียน อาซานเพิ่งไปไม่นาน หลังจากเขาบอกทั้งสามเรื่องที่เจ้านายมอบหมายลุงอวี๋เสร็จแล้ว ก็ลอบเข้าจวนตระกูลเจี่ยนทันที

ลุงอวี๋ เถ้าแก่แห่งทิงเฟิงเฉวียนได้ยินว่าฮูหยินจะมา จึงออกมาต้อนรับตั้งแต่เช้า

รถม้าของมั่วเชียนเสวี่ยเพิ่งถึง ลุงอวี๋ก็ให้การต้อนรับ หลังจากเชิญมั่วเชียนเสวี่ยเข้าไปนั่งด้านใน ทั้งสองถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันสองสามประโยค หลังจากนั้นลุงอวี๋ก็พูดเข้าเรื่อง

“หลังซอยในตลาดทางด้านนั้น มีสตรีวัยกลางคนเรียกตนเองว่ามู่หมัวมัวเปิดร้านค้าทาส คอยอบรบสาวใช้ให้ตระกูลใหญ่ๆ ข้าน้อยไปดูมาหลายครั้งแล้ว และถามพ่อบ้านในตระกูลใหญ่หลายคน สาวใช้จากที่แห่งนั้นได้รับการอบรมมาดี มีมารยาท ข้าน้อยจะพาฮูหยินไปดูก่อน หากไม่ผ่าน เช่นนั้นค่อยหาร้านอื่น”

มั่วเชียนเสวี่ยย่อมพยักหน้าตอบรับ แม้นางจะเดินในเมืองเทียนเซียงหลายครั้งแล้ว ทว่าไม่เคยได้ยินร้านค้าทาสมาก่อน ลุงอวี๋สามารถดูแลหอสุราได้เรียบร้อยเช่นนี้ สายตาย่อมหลักแหลม

ร้านค้าทาสของมู่หมัวมัวอยู่ด้านหลังซอย ไม่ต้องนั่งรถม้า ใช้เวลาเพียงครู่หนึ่งก็ไปถึงด้านนอกร้านค้าทาสนั่น