บทที่ 161 กดเส้นลมปราณกักขัง

พลิกชะตาหมอยา

จ้านเป่ยเซียวเลิกคิ้วเมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น แต่โชคดีที่เขาหูดีเลยได้ยินชัดเจน เขาจึงยืนขึ้นและเดินไปข้างหน้าทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สองวันนี้ก็พักผ่อนอย่างสงบ และอย่าไปซนที่ไหนล่ะ”

เฟิ่งชิงหัวเม้มริมฝีปาก “เจ้าคิดว่าข้าทำจากแป้งหรือ? หากขยับเล็กน้อยก็จะแตกหักได้ง่ายๆ? อย่ารู้น้อยเห็นน้อยจึงเห็นเรื่องธรรมดาเป็นเรื่องประหลาด”

ขณะที่พูดก็จะลุกจากเตียง เพิ่งเอียงไปข้างหน้าก็ถูกจ้านเป่ยเซียวกดเส้นลมปราณ นางตัวแข็งอยู่กับที่

เฟิ่งชิงหัวพูดอย่างกระวนกระวาย “จ้านเป่ยเซียว เจ้ารีบปล่อยข้าลงมา ข้ายังมีเรื่องด่วน!”

“มีเรื่องด่วนอะไร ข้าส่งคนไปจัดการ” จ้านเป่ยเซียวกล่าว

“เรื่องนี้ข้าทำได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีใครช่วยข้าได้”

นางยังต้องไปที่จวนเฉิงเซี่ยงเพื่อรับเจ้าแม่ของนางออกมาตั้งถิ่นฐานใหม่ หากถูกหนานกงจี๋รู้เข้าและย้ายเจ้าแม่ของนางไปที่อื่น งั้นก็จะล้มเหลวเพราะขาดเรื่องบางอย่างเพียงเล็กน้อย

“เจ้าพูดออกมา ถ้าคนอื่นทำไม่ได้ ข้าจะไปทำเอง!”

เฟิ่งชิงหัวโพล่งออกมา “เจ้าก็ทำไม่ได้เช่นกัน!”

“มีอะไรในโลกนี้ที่ข้าทำไม่ได้? ข้าไม่เชื่อ บอกข้าสิ! ถ้าข้าทำไม่ได้ ข้าจะแก้มัดให้เจ้าทันที” จ้านเป่ยเซียวนั่งลงข้างเตียง มองไปที่เฟิ่งชิงหัวด้วยความดูถูกและดูเหมือนว่าข้าทำได้ทุกอย่าง

เฟิ่งชิงหัวพูดด้วยความโกรธ “ข้าจะเข้าห้องน้ำ! เจ้าช่วยได้รึ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของจ้านเป่ยเซียวก็เปลี่ยนไป และมุมตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะกระตุก

เฟิ่งชิงหัวพูดต่อ “ทำได้หรือไม่ เจ้ายังเข้าห้องน้ำแทนข้าได้รึ? รีบแก้จุดเส้นลมปราณของข้า ไม่งั้นข้าจะฉี่รดบนที่นอน!”

จ้านเป่ยเซียวหายใจเข้าลึก ๆ อุ้มเฟิ่งชิงหัวไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินไปที่ห้องน้ำที่อยู่ด้านหลัง

เฟิ่งชิงหัวอึ้ง “เจ้าทำอะไร?”

“เจ้าขอให้ข้าพาเจ้าไปเข้าห้องน้ำไม่ใช่รึ?” จ้านเป่ยเซียวพูดอย่างมั่นใจ แต่สายตาไม่ได้มองไปที่เฟิ่งชิงหัวและสีหน้าของเขาดูอึดอัดเล็กน้อย แต่มองไม่เห็นเพราะหน้ากากบังอยู่

เฟิ่งชิงหัวโกรธ “ข้าพูดว่าเข้าห้องน้ำแทน ไม่ใช่พาข้าไป ปล่อยข้านะ!”

ทันทีที่พูดจบ นางก็ขึ้นไปนั่งบนถังแล้ว จ้านเป่ยเซียวแก้จุดเส้นลมปราณของนางและพูดว่า “ข้ารอเจ้าอยู่ข้างนอก อย่าเล่นตุกติก”

ในใจของเฟิ่งชิงหัวผ่อนคลายลง ในห้องน้ำมีหน้าต่าง ซึ่งเชื่อมต่อกับสวนหลังเรือน นางเพียงแค่ต้องออกไปในขณะที่จ้านเป่ยเซียวไม่ได้ให้ความสนใจ

เมื่อเห็นจ้านเป่ยเซียวยืนอยู่นอกเฟอร์นิเจอร์ป้องกันลมหรือบดบังสายตา เฟิ่งชิงหัวพูดอย่างไม่พอใจ “เจ้าอยู่ใกล้มากขนาดนี้ ข้าประหม่า”

จ้านเป่ยเซียวพูดโดยไม่หันกลับมามอง “เหตุใดเจ้าถึงเรื่องมากเช่นนี้?”

แต่เขาก็ยังก้าวไปข้างหน้าสองก้าว

“ก้าวไปข้างหน้าอีก หูของเจ้าดีมาก เจ้าสามารถได้ยินทุกอย่างถ้าเจ้าตั้งใจฟัง!”

จ้านเป่ยเซียวหันศีรษะกลับมาถลึงตาด้วยความโกรธ “เจ้าคิดว่าข้าคือคนแบบไหน?”

“เร็วเข้า ข้าไม่ไหวแล้ว!” เฟิ่งชิงหัวตะโกนใส่เขา “หันกลับไป ปิดหู อย่าดูหรือฟัง!”

จ้านเป่ยเซียวที่เป็นถึงเจ้าอ๋อง จะทำสิ่งนี้ได้อย่างไร เขาเดินกลับไปที่ด้านนอกสุดทันที

เมื่อเห็นแบบนี้ เฟิ่งชิงหัวก็เปิดหน้าต่างและกระโดดออกไปทันที แต่นางเพิ่งถึงพื้น ทหารอารักขาในชุดดำทั้งหมดได้ล้อมสวนของนางไว้หมดแล้ว พวกเขาทั้งหมดจ้องมองมาที่นางด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เฟิ่งชิงหัวหันกลับหลังและเห็นจ้านเป่ยเซียวเดินมาหานางอย่างโมโห นางวิ่งไปอีกฝั่งทันที ก่อนที่นางจะก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มก็จับนางแบกไว้บนไหล่ แล้วหันหลังกลับไปในห้องภายใต้สายตาของทุกคน

เมื่อเฟิ่งชิงหัวถูกโยนลงบนเตียง นางก็เด้งกลับมาทันที จุดฝังเข็มเส้นปราณของนางก็ถูกกดอีกครั้ง ครั้งนี้ นางไม่สามารถพูดได้และทำได้เพียงมองชายตรงหน้าด้วยความโกรธ

“ข้ารู้ดีว่านิสัยของเจ้านั้นเปลี่ยนแปลงยาก” จ้านเป่ยเซียวพูดอย่างเย็นชาและเดินออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามอง เห็นได้ชัดว่าจะไม่สนใจนาง

เฟิ่งชิงหัวนอนอยู่บนเตียงด้วยร่างแข็งทื่อและมองไปที่มุ้งเหนือศีรษะด้วยความรู้สึกกังวล

เมื่อเห็นท้องฟ้ามืดลงทีละน้อย และในที่สุดก็กลายเป็นความมืด เฟิ่งชิงหัวยังคงไม่สามารถทะลุผ่านจุดเส้นลมปราณที่ถูกกดไว้ได้

ขณะนี้ในห้องทำงาน จ้านเป่ยเซียวนั่งอยู่หลังโต๊ะเพื่อฟังรายงานของหลิวหยิ่งในเรื่องเล็กน้อยทีละเรื่อง

“ข้าน้อยเพิ่งได้รับคำตอบจากทางฉีเป่าเจ โดยบอกว่ามีคนมารับเงินที่เหลือแล้ว โม่เหลิงใช้ข้ออ้างว่าไม่สามารถระดมทุนได้ไม่ทัน ได้จัดห้องให้อยู่”

“ให้เขาอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน” จ้านเป่ยเซียวพูดด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน

“ข้าน้อยเกรงว่านี่จะทำลายชื่อเสียงของหอไล่ตามเมฆานะพ่ะย่ะค่ะ? ใช้ข้ออ้างเรื่องเงินไม่พอก็ไม่เหมาะสมแล้ว หากให้อยู่อีกหลายวัน ไม่ว่าจะเป็นข้ออ้างอะไรก็ตามก็จะส่งผลกระทบต่อฉีเป่าเจจนถึงหอไล่ตามเมฆาอย่างแน่นอน ถ้า…”

“ข้าเคยพูดเมื่อใดว่าเป็นข้ออ้าง ในเมื่อเป็นการลอกเลียนมาจากผู้อื่น เหตุใดจึงต้องให้หน้า จับตัวพวกเขาโดยตรง รออาการบาดเจ็บของพระชายาอ๋องหายดีแล้วลจึงไปดูว่าใช่หรือไม่”

“แต่ถ้าพระชายาอ๋องดูผิดและแขกเอะอะโวยวาย ชื่อเสียงของฉีเป่าเจก็ไม่อาจรับประกันได้” หลิวหยิ่งกังวล

“เป็นไปไม่ได้”

“พ่ะย่ะค่ะ” หลิวหยิ่งไม่กล้าถามเจ้านายว่าประโยคนี้เป็นเพราะเชื่อใจพระชายาอ๋องหรือเชื่อใจฉีเป่าเจ

“นอกจากนี้ ไทเฮาเหนียงเหนียงยังเชิญเจ้าและพระชายาอ๋องเข้าวังด้วยกัน” ขณะพูดหลิวหยิ่งอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ

“เรื่องอะไร?”

“เพราะเจ้าอ๋องสิบสองได้ยินข่าวลือจากชาวบ้านและรู้สึกว่าเจ้าถูกดูถูกจึงไปขอร้องกับไทเฮายกเลิกสมรสแทนเจ้า ข่าวลือก็คือพระชายาอ๋องปีนกำแพงและถูกเจ้าอ๋องทุบขาหัก” หลิวหยิ่งพูดอย่างยำลำบากและศีรษะก็ก้มต่ำลงเรื่อย ๆ ในที่สุดก้มหน้าจนแตะโดนหน้าอกหน้าอกและไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น

อากาศเย็นในห้องทำงานค่อยๆ ควบแน่น และคงอยู่เป็นเวลานาน เมื่อหลิวหยิ่งคิดว่าเขากำลังจะหายใจไม่ออก เขาได้ยินเสียงเยาะเย้ยของชายหนุ่มดังมาจากเหนือศีรษะ

“เจ้าคิดว่าข้าควรไปหรือไม่?”

หลิวหยิ่งไม่กล้าพูด แต่ไม่พูดก็ไม่ได้ จึงพูดโดยไม่รู้ตัวว่า “เจ้าอ๋องและพระชายาอ๋องรักใคร่กัน เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ไม่ใช่…”

จากนั้น หลิวหยิ่งก็คิดขึ้นมาได้ว่าในตอนนี้พระชายาอ๋องมีปัญหาในการเดินจริงๆด้วย ถ้านางเข้าวัง นางก็จะกลายเป็นเรื่องเล่าน่ะสิ?

แต่ถ้าไม่ไปก็เกรงว่าตามนิสัยของไทเฮาแล้ว เรื่องที่จะตามมาก็จะปวดหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ

“เอาล่ะ เหออานอยู่ในจวนอ๋องนานพอแล้ว จวนอ๋องไม่เลี้ยงคนเกียจคร้าน ส่งนางไปให้ไทเฮาเพื่อชดเชยความผิด สำหรับชิงอิง อายุไม่น้อยแล้ว ถึงเวลาเริ่มเตรียมเรื่องเลือกชายาแล้ว” จ้านเป่ยเซียวพูดเสียงเรียบ

ดวงตาของหลิวหยิ่งเป็นประกาย “พ่ะย่ะค่ะ!”

ด้านกลยุทธ์ ไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้านาย ดูเหมือนว่าในช่วงเวลาต่อไปนี้ ไทเฮาจะไม่มีเวลามายุ่งเรื่องของจวนอ๋องเฉินแล้ว

แต่ต่อไปนี้ เจ้าอ๋องสิบสองจะมีเรื่องต้องยุ่งแล้ว

“เตรียมอาหารแล้วนำมาที่ห้อง”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หลิวหยิ่งประหลาดใจ เงยหน้าขึ้นก็เห็นทิศทางที่สายตาของเจ้านายมองผ่านหน้าต่าง ในใจก็เข้าใจ

เมื่อจ้านเป่ยเซียวเข้ามาในห้องพร้อมกล่องอาหาร เฟิ่งชิงหัวทะลุจุดเส้นลมปราณใช้ได้พอดี เลือกนกตัวหนึ่งมาเพื่อส่งข้อความออกไป

ตอนนี้เห็นจ้านเป่ยเซียวเข้ามา นางก็กลอกตาขาวและหลับตา ก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มดังขึ้นข้างหู “เจ้ารู้ผิดหรือไม่?”

เฟิ่งชิงหัวไม่พอใจทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้ “ข้าทำอะไรผิด?”

“ถ้าไม่ผิด เหตุใดข้าถึงลงทษเจ้าไม่ให้ทานอาหาร?”

“อะไรนะ?” เฟิ่งชิงหัวงุนงง ปรากฎว่านางถูกลงโทษหรือนี่ แต่นางไม่รู้สึกเลยจริงๆ เหอะเหอะ

เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงหัวไม่พูด จ้านเป่ยเซียวจึงพูดต่อ “ถ้าเจ้ารู้ว่าเจ้าทำผิด คราวหน้าก็อย่าทำอีก ลุกขึ้นมาทานอาหาร”

ขณะที่เขาพูดนั้น เขาก็แก้จุดเส้นลมปราณของเฟิ่งชิงหัว ในขณะที่เขากำลังจะชักมือกลับมาก็เฟิ่งชิงหัวคว้าไว้ เงยหน้าขึ้นแล้วกัดลงบนข้อมือของเขาอย่างแรง