บทที่ 171 เหตุผล

บทที่ 171 เหตุผล

อู๋ฝานเงยหน้าขึ้นมอง

ต่อให้เขาชินกับรูปโฉมอันน่าทึ่งเช่นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยมาบ้างแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังต้องตกตะลึงยามได้เห็นบุคคลตรงหน้า

รูปหน้าได้สัดส่วน คิ้วงดงาม ริมฝีปากอวบอิ่ม ทั้งแดงก่ำประหนึ่งลูกเชอร์รีสีสด เส้นผมราวกับน้ำตกที่พลิ้วไหวรวบมัดอยู่ด้านหลังของศีรษะ เพียงมองครั้งแรกก็ทำผู้คนรับรู้ได้ถึงความงามและความสามารถ

นับเป็นโชคดีที่อู๋ฝานได้พบเจอโฉมงามอย่างหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยบ่อย ดังนั้นแม้มีโฉมงามอีกคนอยู่ตรงหน้า ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเสียอาการแต่อย่างใด เพียงแค่นึกทึ่งในความงามของอีกฝ่าย ไม่นานก็กลับคืนอาการดังเดิม

“เฉินปิงเหยา?” อู๋ฝานมองแฟ้มแนะนำตัวเองซึ่งอีกฝ่ายส่งมาให้ ถัดจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ประวัติในแฟ้มดูดีมากเลยนะครับ”

ซึ่งก็ไม่ได้กล่าวเกินจริง

เฉินปิงเหยา อายุยี่สิบสี่ปี ประวัติการศึกษายอดเยี่ยมตั้งแต่เด็ก ได้รับทุนการศึกษามากมาย และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา ในระหว่างศึกษาในมหาวิทยาลัย เธอยังได้รับทุนการศึกษาจำนวนมากทุกปี และในปีสุดท้ายของการเรียน ก็ได้ฝึกงานที่โรงแรมระดับห้าดาว อีกทั้งตำแหน่งที่ฝึกงานก็คือผู้จัดการ

กล่าวได้ว่าแฟ้มประวัติของเฉินปิงเหยาดีพร้อมในทุกด้าน มีทั้งการศึกษาและประสบการณ์ อู๋ฝานจึงอดคิดไม่ได้ว่าเหตุใดคนมีพรสวรรค์เช่นอีกฝ่าย ถึงเหลือรอดมาถึงร้านของตนได้

แม้ว่าชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจในร้านของตนเอง รวมถึงเชื่อขนาดที่ว่าในอนาคตร้านนี้จะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ แต่สำหรับคนอื่นที่ไม่ทราบ ในความเห็นของพวกเขา ร้านนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าเมล็ดพันธุ์ที่กำลังจะแตกต้นอ่อน ยังถือได้ว่าเป็นช่วงเริ่มต้น อนาคตข้างหน้าไม่มีใครกล้าบอกได้อย่างแน่ชัดว่ามันจะเป็นอย่างไร

บางทีมันอาจปิดตัวลงหลังเปิดทำการไปได้สักระยะก็เป็นไปได้

“ผมขอถามหน่อยนะครับ เพราะอะไรถึงเลือกมาสมัครงานกับร้านของผมเหรอครับ?” อู๋ฝานเอ่ยคำถามขึ้นมา

อู๋ฝานไม่คิดว่าเฉินปิงเหยาจะเห็นความพิเศษใดจากร้าน และแน่นอนว่าไม่ใช่เสน่ห์อะไรในตัวเขาด้วยเช่นกัน

“เพราะฉันวางแผนที่จะเริ่มต้นจากศูนย์ค่ะ” เฉินปิงเหยาตอบรับด้วยสีหน้ามั่นใจ “ความฝันของฉันคือการสร้างร้านอาหารชั้นเลิศที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศหรือทั่วทั้งโลกด้วยมือของตัวเองค่ะ! ร้านของคุณกำลังจะเริ่มต้นธุรกิจ และตอนที่ฉันกำลังหาข้อมูลก็รู้สึกว่าเงื่อนไขพื้นฐานค่อนข้างดี คุณสมบัติของฉันก็ตรงตามนั้นด้วย ดังนั้นจึงมายื่นสมัครที่นี่ค่ะ”

แน่นอนว่าเธอเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม มีความมั่นใจในตัวเอง และความทะเยอทะยานอยู่ในใจ

กระทั่งตัวอู๋ฝานเองยังคิดเพียงว่าจะเปิดร้านให้เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งประเทศ ขณะที่เฉินปิงเหยามีความต้องการผลักดันภัตตาคารสู่แถวหน้าของโลก มันเป็นความทะเยอทะยานที่เหนือยิ่งกว่าของตัวเขาด้วยซ้ำ

แต่การมีความทะเยอทะยานก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย โดยเฉพาะหากอีกฝ่ายมีความสามารถที่เหมาะสม การมีความทะเยอทะยานย่อมทำให้เป็นแรงขับผลักดันที่ดี

“แนวคิดของคุณค่อนข้างดี ผมเองก็ต้องการจะทำให้ร้านของตัวเองไปถึงจุดนั้นครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “หวังว่าในอนาคตพวกเราจะได้ร่วมงานกันอย่างเต็มที่ และบรรลุเป้าหมายร่วมกันได้ครับ”

“ยินดีที่ได้ร่วมงานค่ะ” เฉินปิงเหยารับคำ และไม่มีความแปลกใจแม้แต่น้อยที่ตนเองได้รับการตอบรับ

หลังได้พนักงานตำแหน่งสำคัญที่สุดอย่างผู้จัดการแล้ว ต่อมาก็เหลือแค่เพียงบริกร พนักงานดูแลความปลอดภัย และส่วนอื่น ๆ เหล่านี้เป็นตำแหน่งงานที่มีความต้องการต่ำมาก แม้ว่าหลายคนไม่สนใจ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยื่นสมัคร ดังนั้นอู๋ฝานจึงใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งวันก็รับสมัครตำแหน่งงานได้ครบถ้วน

เรื่องรับสมัครคนก็จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นอู๋ฝานจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ จึงเตรียมจะเดินทางกลับ

“อู๋ฝาน?” ขณะที่อู๋ฝานกำลังจะออกไป ก็ได้ยินเสียงหนึ่งตะโกนเรียกตนเอง เขาจึงหันกลับมามอง ก่อนจะได้พบกับคนที่ตนเองไม่อยากเจอ

หม่าอิงเฟย เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมหาวิทยาลัยของอู๋ฝาน และเป็นหนึ่งในคนที่คอยตามจีบเจ้าเสวี่ยอี๋

ตอนที่ยังอยู่มหาวิทยาลัย มีหลายคนที่ชื่นชอบเจ้าเสวี่ยอี๋ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นถึงโฉมงามคนหนึ่ง ไม่แปลกหากจะเป็นที่นิยม และหม่าอิงเฟยคนนี้ก็เป็นหนึ่งในบรรดาคนดัง

หม่าอิงเฟยและอู๋ฝานถือเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน ทางบ้านของอีกฝ่ายเปิดบริษัท ปกติมักใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย ทั้งยังอารมณ์ร้อน คอยไล่ตามจีบเจ้าเสวี่ยอี๋อย่างออกหน้าและเล่นใหญ่ ไม่ว่าจะดอกไม้ ของขวัญ และเรื่องอื่น ๆ อีกหลายอย่าง แม้จะทำทั้งหมดนั้น เจ้าเสวี่ยอี๋ก็ไม่ได้ตอบรับการตามจีบแม้แต่ครั้งเดียว การตามจีบตลอดสี่ปีของหม่าอิงเฟยไม่ประสบความสำเร็จ

หลังเกิดเรื่องราวชวนอึดอัดใจอย่างการที่อู๋ฝานชอบเจ้าเสวี่ยอี๋ นอกจากเจ้าเซียวถิงแล้ว หม่าอิงเฟยก็เป็นอีกคนหนึ่งที่คอยเย้ยหยันชายหนุ่มจนถึงที่สุด

อู๋ฝานจึงไม่มีความประทับใจอันดีอะไรกับอีกฝ่าย

“นายจริงด้วย นึกว่าตาฝาดไปซะอีก” หม่าอิงเฟยเดินเข้ามาพร้อมพูด “อะไรกัน มาหางานงั้นเหรอ?”

ขณะที่อู๋ฝานกำลังจะตอบ หม่าอิงเฟยกลับเป็นฝ่ายพูดแทรกขึ้นมาแทน “ตอนนี้หางานไม่ใช่เรื่องง่าย ดูสิว่าที่นี่มีคนอยู่เยอะขนาดไหน น่าจะถึงหลักพันด้วยซ้ำ บางส่วนก็มีการศึกษา บางส่วนก็มีประสบการณ์ แต่การหางานที่ดีก็ยังเป็นเรื่องยาก เจียงโจวถือเป็นเมืองที่พัฒนาแล้ว อัตราการแข่งขันจึงค่อนข้างสูง ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยว่านายจะยังอยู่ทำอะไรที่นี่ ถ้าฉันเป็นนาย คงกลับบ้านเกิดไปนานแล้ว ที่เมืองเล็ก ๆ ลำดับที่สิบแปดอะไรแบบนั้น มีอัตราการแข่งขันไม่มากเท่านี้ บางทีนายน่าจะหางานที่ดีได้นะ”

หม่าอิงเฟยพูดเสียงค่อนข้างดัง ท่าทีดูหวังดีกับอู๋ฝาน แต่ในความเป็นจริง กำลังเหยียดหยามชายหนุ่มทุกความเป็นไปได้เลยต่างหาก

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ และฉันมีงานทำแล้ว” อู๋ฝานตอบกลับเสียงราบเรียบ

“ได้งานแล้ว? เป็นโรงงานตัดเย็บ หรือว่าโรงงานอิเล็กทรอนิกส์กันล่ะ?” หม่าอิงเฟยถามกลับ “ทำไมนายถึงพยายามดึงดันจะอยู่เจียงโจวขนาดนี้กันนะ? บริษัทของพ่อฉันเองก็กำลังเปิดรับสมัครงาน เสียดายที่นายไม่เห็นพวกนักศึกษาจากมหา’ลัยมีชื่อพวกนั้น มายื่นสมัครงานกันด้วยเอกสารทั้งน้ำตา”

หม่าอิงเฟยส่ายศีรษะให้กับเอกสารแนะนำตัวที่ถือในมือ “นายดูสิ มีคนสมัครเยอะขนาดนี้เลยนะ”

อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ “มีไม่น้อยเลยจริง ๆ”

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก” หม่าอิงเฟยตอบรับ “เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนเคยเรียนด้วยกัน ฉันใจดีพอจะช่วยให้นายเข้าทำงานกับบริษัทพ่อของฉันได้นะ แต่การศึกษาและความสามารถของนายค่อนข้างต่ำเกินไป บางทีอาจไม่ได้รับตำแหน่งสำคัญหรือดีพอ ทว่าก็บังเอิญพอดีที่บริษัทของพ่อฉันกำลังรับสมัครพนักงานรักษาความปลอดภัย ถ้านายอยากลองก็ได้อยู่นะ”

“ไม่เป็นไร” อู๋ฝานตอบปฏิเสธ

“อย่ามองว่าตำแหน่งรักษาความปลอดภัยนั้นต่ำเลย หลายคนต้องการคว้ามันเอาไว้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่นายที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นในมหา’ลัยเดียวกัน ฉันคงไม่ให้โอกาสนี้ง่าย ๆ หรอกนะ” หม่าอิงเฟยยังคงพยายามยัดเยียด

“ขอบคุณสำหรับความใจดีมีเมตตา แต่ฉันไม่ต้องการ” อู๋ฝานตอบกลับ

“ยังถือตัวอยู่สินะ” หม่าอิงเฟยตอบรับ “เสนอให้แล้วก็อย่าลืมแล้วกัน ฉันขอตัวก่อน ขอให้นายใช้เวลาที่มีหางานที่ดีให้ได้นะ”

สิ้นคำ หม่าอิงเฟยจึงขนเอกสารประวัติกลับไปพร้อมกับใบหน้าเชิดขึ้นฟ้า

อู๋ฝานมองตามหลังหม่าอิงเฟย สุดท้ายส่ายศีรษะเล็กน้อย ถัดจากนั้นจึงออกจากตลาดแรงงานไปเช่นกัน

อู๋ฝานไม่ได้กลับบ้าน แต่ตรงไปยังภัตตาคาร เพราะทีมตกแต่งกำลังจะเริ่มงานตกแต่งร้านใหม่แล้ว ก่อนหน้าที่นี่คือร้านอาหาร การตกแต่งเดิมก็ทำได้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นอู๋ฝานจึงไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่แต่อย่างใด เพียงแค่ขัดเกลาการแตกแต่งภายในที่มีอยู่ให้มีแนวทางของตัวเองอย่างชัดเจนก็เพียงพอ