ตอนที่ 25-2 ดูแลทรัพย์สิน
จื่อหยานลดสายตาลงและตอบว่า
“มีเพียงฮัวเหม่ยผู้เดียวที่ออกไปซักผ้า นอกจากนั้นแล้วมิมีผู้ใดออกไปจากตำหนักเลย”
จากนั้น ราวกับว่านึกบางอย่างขึ้นมาได้ นางจึงกล่าวเสริมว่า
“ฮัวเหม่ยออกไปประมาณครึ่งชั่วโมงจึงกลับมา”
หลี่เว่ยหยางหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ไปเรียกนางมาพบข้า”
จื่อหยานแสดงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความลังเลใจ
“คุณหนู หากท่านต้องการอันใด บ่าวสามารถทำให้ได้”
“เจ้าทำมิได้ งานนี้เหมาะสมกับนางเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
หลี่เว่ยหยางกล่าวออกมาพร้อมกับยิ้มกว้าง
“รีบไปเรียกนางมาพบข้า”
จื่อหยานรับคำสั่ง และรีบออกไปเรียกฮัวเหม่ย
ในขณะเดียวกันนั้น เว่ยหยางนั่งรอพร้อมกับเพลิดเพลินกับการจิบน้ำชา
อีกมินานหลังจากนั้น จื่อหยานได้กลับเข้ามาโดยมีฮัวเหม่ยเดินตามมาเข้ามาด้วย
ฮัวเหม่ยถูกกีดกันจากจื่อหยานมาโดยตลอด ดังนั้นนางจึงมิค่อยมีโอกาสได้เข้ามาในห้องนอนของเว่ยหยาง
แต่วันนี้นางถูกเรียกตัวโดยคุณหนูสาม จึงอดมิได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่าย
แม้ว่าฮัวเหม่ยจะเป็นสาวใช้ที่ต่ำต้อย แต่ก็มิเคยเกรงกลัวหลี่เหว่ยหยางเลย
คงจะเป็นเพราะ นางมีฮูหยินใหญ่ผู้ทรงพลังเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง
แม้ว่าคุณหนูสามจะมิค่อยชอบนาง แต่ก็มิสามารถทำอันใดได้
หลังจากเหตุการณ์ครั้งที่แล้ว
ฮัวเหม่ยจึงคิดว่า คุณหนูสามเป็นผู้ที่มีความคิดซับซ้อนอย่างแท้จริง . .
และเป็นการยากที่จะคาดเดาว่า นางจะทำอันใดต่อไป
หลี่เว่ยหยางเงยหน้าขึ้น และกล่าวว่า
“ฮัวเหม่ย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าต้องดูแลตู้เสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้ของข้าทั้งหมด”
นี่เป็นงานที่สำคัญ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้จื่อหยานรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ริมฝีปากของนางเริ่มกระตุกในขณะที่มองไปยังไป๋จือซึ่งเป็นผู้ที่สงบเงียบ
เมื่อสังเกตเห็นว่า ไป๋จื่อมีอาการนิ่งเฉย จื่อหยานจึงกลืนคำกล่าวของตนเอง และมิกล่าวอันใดออกมา
ฮัวเหม่ยจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยางด้วยความตกใจ
หลี่เว่ยหยางกล่าวต่อไปว่า
“ไป๋จือไปหยิบกล่องทรัพย์สินทั้งหมดมาให้ฮัวเหม่ย แล้วมอบหน้าที่ให้นางดูแล”
“รับทราบค่ะคุณหนู”
ไป๋จือหันกลับและออกไปทันที
ฮัวเหม่ยยิ้มอย่างมีความสุข และคิดว่า คุณหนูสามคงจะกลัวฮูหยินใหญ่
ซึ่งเป็นเหตุผลว่า เหตุใดนางจึงตัดสินใจมอบงานสำคัญให้กับสาวใช้ผู้นี้!
ฮึ่ม! และอีกประการหนึ่ง นางเป็นเพียงแค่บุตรสาวของหยินเหนียง จะต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรอบของแม่ใหญ่อยู่แล้ว!
ไป๋จื่อยกกล่องมาสามกล่องและกล่าวกับฮัวเหม่ยว่า
“เจ้าต้องดูแลทรัพย์สินทั้งสามกล่องนี้ และห้ามประมาทเด็ดขาด”
ฮัวเหม่ยหัวเราะอย่างร่าเริง และคว้ากุญแจจากมือของไป๋จือไป
“ไว้ใจได้! คุณหนูมิต้องกังวล!”
เช้าวันรุ่งขึ้นท่านย่าใหญ่ได้ส่งช่างตัดเสื้อมาแต่เช้าตรู่เพื่อมาวัดตัว และมารับผ้าไหมไปตัดชุด
ทำให้ฮัวเหม่ยมิมีเวลาที่จะตรวจสอบทุกอย่างโดยละเอียด
ฮัวเหม่ยใช้ลูกกุญแจไขเพื่อเปิดตู้เสื้อผ้าออก จากนั้นจึงได้ยินเสียงของ
ไป๋จือร้องขึ้นด้วยความโกรธในทันที
“ฮัวเหม่ย! เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?!”
ฮัวเหม่ยรู้สึกตกใจจนตัวแข็งทื่อ และมองเข้าในกล่อง
และสิ่งที่ได้เห็นคือ เศษผ้าไหมพันกันยุ่งเหยิงเป็นกอง และมีรอยแมวข่วนเต็มไปหมด ที่แย่กว่านั้นมันถูกทำลายทั้งหมด!
ฮัวเหม่ยหน้าซีดขาวและรีบคุกเข่าลงบนพื้นทันที
“คุณหนูสาม. . . บ่าว. . บ่าวมิทราบว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!”
หลี่เว่ยหยางขมวดคิ้วและลุกขึ้นยืน
“จับตัวนางเอาไว้เดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้น ฮัวเหม่ยกำลังจะคว้าชายกระโปรงของเว่ยหยาง แต่ถูกไป๋จื่อผลักออกไป
“เจ้ามิได้ยินคำกล่าวของคุณหนูหรือ!”
ฮัวเหม่ยผลักไป๋จืออย่างโหดเหี้ยมขณะที่นางกรีดร้องและพุ่งร่างของตนเองเข้าหาหลี่เว่ยหยาง
“คุณหนูสาม ท่านจะลงโทษข้ามิได้!”
หลี่เว่ยหยางมิหันกลับมามอง
“เช่นนั้นเราจะให้ท่านย่าใหญ่ และท่านแม่ใหญ่ช่วยตัดสิน!”
เว่ยหยางเดินทางมุ่งหน้าไปยังตำหนักเหอเซียงหยวนด้วยความรีบร้อน
และในขณะนี้น้ำตาได้เอ่อคลอในดวงตาของนาง
“ท่านย่า ผ้าไหมของเว่ยหยางถูกแมวทำลายหมดแล้ว…”
ท่านอย่าใหญ่กำลังนั่งจิบชาอยู่อย่างสบายอารมณ์ แต่เมื่อได้ยินเสียงของเว่ยหยาง คิ้วของนางจึงขมวดขึ้น
และนางกำลังจะกล่าวอันใดบางอย่าง แต่ทันใดนั้นลู่จื่อได้วิ่งเข้ามาในห้องโถง
“มีบางอย่างเลวร้ายเกิดขึ้น… ผู้อาวุโส! นกแก้ว . .”
ท่านย่าเมิงชิรีบลุกขึ้นยืน ถ้วยน้ำชาที่กำลังถืออยู่ในมือนั้นร่วงหล่นลงบนพื้น และแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย