บทที่ 163 แตกหัก ฟ้องตระกูลเซี่ย เอาคืนเป็นสองเท่า

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 163 แตกหัก ฟ้องตระกูลเซี่ย เอาคืนเป็นสองเท่า

หย่าแทนพ่อ!?

นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดที่สุด ถังกั๋วกงเองก็ไม่เคยเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน เขาจึงเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “เจ้าหมายถึงท่านหญิงซ่างหยางน่ะหรือ?”

ตอนนั้นท่านหญิงซ่างหยางเซี่ยฉงฟางหลงใหลซิ่นอู๋โหวเผยเกอ จึงสร้างเรื่องอื้อฉาวที่โจษจันกันไปทั้งเมือง สุดท้ายราชวงศ์จึงพระราชทานงานแต่งให้ นางถึงได้แต่งกับเผยเกอ หลังจากแต่งงานแล้วทั้งคู่ก็มีลูกชายหนึ่งคนซึ่งก็คือเผยยวน ก็นับเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง

เพียงแต่เผยเกอได้เสียชีวิตในสนามรบตั้งแต่เผยยวนยังเด็ก จึงเหลือเพียงท่านหญิงซ่างหยางที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง

ตามหลักแล้วหญิงม่ายที่ไม่ยอมแต่งงานใหม่เพื่อตระกูลเผย และเลี้ยงดูลูกชายจนเติบใหญ่เช่นนี้ จะหย่าได้อย่างไรกัน? นี่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกอย่างยิ่ง

บรรดาชาวบ้านต่างก็ตกตะลึง

เผยยวนหยิบหนังสือหย่าที่ร่างเอาไว้นานแล้วออกมาจากแขนเสื้อด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “เซี่ยฉงฟางทำร้ายลูกชายตัวเอง หลายปีมานี้ยักยอกสมบัติของจวนซิ่นอู๋โหวไปให้ครอบครัวตัวเอง ทำลายกองทัพทหารเกราะเหล็กของข้า เพื่อท่านพ่อ ข้าไม่สามารถเก็บผู้หญิงคนนี้ไว้ให้เหยียบย่ำชื่อเสียงของเขาได้ ในฐานะลูกข้ามั่นใจว่าตัวเองมีความกตัญญู แต่กลับได้รับพิษโลหิตของแดนตะวันตกหนึ่งชามจากนางเป็นการตอบแทน ครั้งนี้ที่ข้ายังสามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะข้าโชคดีได้พบกับฮวนฮวน ท่านแม่เช่นนี้เผยยวนไม่กล้ารับ จวนซิ่นอู๋โหวก็ไม่ควรมีนายหญิงเช่นนี้ด้วย”

ผู้คนต่างแตกตื่น เซี่ยอวินเองก็ดวงตาเบิกโพลง

เผยยวนรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไรกัน!? ท่านอาหญิงเผยพิรุธออกมาอย่างนั้นหรือ?

“ท่านเทพสงครามถูกคนวางยาอย่างนั้นหรือ? มิหนำซ้ำยังเป็นท่านหญิงซ่างหยางอีกด้วย?”

“ผู้หญิงที่ชั่วร้ายเช่นนี้คู่ควรที่จะเป็นแม่คนอย่างนั้นหรือ?!”

จี้จือฮวนสนับสนุนทุกการตัดสินใจของเผยยวน นางจึงเอ่ยขึ้นมา “เผยยวนถูกพิษโลหิตจริง ข้ายังมีพยานด้วย เป็นคนของสำนักพิษแดนตะวันตกที่ยืนยันด้วยตัวเอง”

จี้จือฮวนเอ่ยถึงตรงนี้ ก็ก้มหน้าลงไปมองผู้คนที่อยู่ด้านล่างและพูดขึ้นมา “เทพสงครามของพวกเจ้ารอดจากความตายในสนามรบมาได้ แต่หลังจากกลับมาราชสำนักกลับถูกคนชั่วทำร้าย เขาไม่ได้พักรักษาตัวในเรือนรับรองอย่างดี แต่เขาต้องไปอยู่ในหมู่บ้านที่ไม่มีใครรู้จัก บนภูเขาที่ห่างไกล บ้านมุงจากไม่สามารถกันลมฝนได้ และเพื่อไม่ต้องการให้เขามีชีวิตรอด ยังมีคนเอาปลิงดูดเลือดไปไว้ในผ้านวมของเขาอีกด้วย

ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้แข็งแรงอย่างที่พวกเจ้าเห็นในตอนนี้ เขาผ่ายผอมใบหน้าซีดขาว แทบจะกินไม่ได้แม้แต่โจ๊กง่าย ๆ แต่เขาไม่ใช่เทพ ในสนามรบเขาหลบคมหอกคมดาบของศัตรูได้ ทว่ากลับไม่สามารถหนีรอดจากแผนการชั่วร้ายของคนในครอบครัวได้ มารดาเมตตา บุตรกตัญญู มารดาไม่เมตตา บุตรจะกตัญญูได้อย่างไร?”

น้ำเสียงของนางเรียบนิ่ง เพียงแค่บอกเล่าความเป็นจริง แต่ราวกับทุกคนสามารถจินตนาการถึงวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขาจากคำพูดนั้นได้ แม่ทัพที่ปกป้องพวกเขาจากอันตราย ได้รับชัยชนะและนำสันติภาพมาให้

ต้องตายอย่างน่าเวทนาอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งที่พวกเขาไม่รู้

เขาเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่า ชีวิตของเขาเพิ่งจะเริ่มต้น

มีชาวบ้านเอ่ยด้วยความสะเทือนใจขึ้นมา “ท่านถังกั๋วกง ได้โปรดตอบรับคำขอของท่านแม่ทัพเผยด้วย!”

ไม่ว่าฝ่าบาทจะยึดกองทัพทหารเกราะเหล็กคืนหรือไม่ ในใจของพวกเขาก็จะยอมรับเผยยวนเป็นจอมทัพทหารม้าในใต้หล้านี้แต่เพียงผู้เดียว มีเพียงเขาเท่านั้นที่คู่ควรเป็นเทพสงคราม

เผยยวนได้ยินทุกคำพูดของจี้จือฮวน พลางมองดูแผ่นหลังเล็ก ๆ ของนาง ในใจราวกับมีบางอย่างเข้ามาเติมเต็ม และตระหนักได้ว่าเขาไม่อาจปล่อยคนชั่วไปได้อีกแล้ว

ในเมื่อเขากล้าเอาเรื่องเน่าเฟะในครอบครัวมาเปิดโปงในที่สาธารณะ นั่นก็หมายความว่าเขาพร้อมจะแตกหักแล้ว

เผยยวนมอบกระดาษปึกหนึ่งที่เกี่ยวกับความผิดของตระกูลเซี่ยให้กับถังกั๋วกง

“เอกสารเหล่านี้คือหลักฐานการทำผิดตลอดหลายปีมานี้ของตระกูลเซี่ย ที่เปิดเผยข้อมูลทางทหารของกองทัพทหารเกราะเหล็ก ก่อความวุ่นวายต่อขบวนคุ้มกันสัมภาระ ทำลายแผนการป้องกัน รวมถึงหลักฐานที่เซี่ยฉงฟางและคนตระกูลเซี่ยสมรู้ร่วมคิดกันยักยอกสมบัติของจวนซิ่นอู๋โหวไป ขอท่านถังกั๋วกงได้โปรดตัดสินตามกฎหมาย อย่าให้ท่านพ่อของข้าต้องผิดหวังและปวดใจเลยนะขอรับ”

หลักฐานเหล่านี้เผยยวนให้พวกซูอิ่งรวบรวมมาให้เขานานแล้ว

เซี่ยฉงฟางสตรีบ้าผู้นั้น ชีวิตนี้ต้องการแต่จะครอบครองท่านพ่อ เช่นนั้นเขาก็จะเริ่มจากการทำให้นางสูญเสียท่านพ่อไป

ส่วนที่เขาเป็นลูกของเซี่ยฉงฟางหรือไม่นั้น เขาค่อยไปสืบให้แน่ชัดอีกที

แต่เผยยวนก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ต่อให้เขาเป็นลูกของนาง ทว่านับตั้งแต่ที่นางวางยาเขา นางก็ไม่ใช่แม่ของเขาอีกต่อไป

ถังกั๋วกงรู้นิสัยของเซี่ยฉงฟางผู้นั้นดี ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นเรื่องในครอบครัวพวกเขา ต่อให้เผยยวนไม่มาหาเขาก็สามารถไปหาผู้อาวุโสของตระกูลเผยได้ เขาเป็นบุตรชายภรรยาเอกของซิ่นอู๋โหว มีสิทธิ์เป็นตัวแทนของพ่อในการหย่ากับเซี่ยฉงฟาง

ส่วนความชั่วของตระกูลเซี่ยในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น เกี่ยวข้องกับกฎหมายบ้านเมือง

ถังกั๋วกงจึงรับไว้เป็นหน้าที่ของตัวเอง “ได้ ข้าจะเขียนหนังสือหย่าให้เจ้า และจะช่วยไปยื่นฟ้องที่ศาลต้าหลี่ให้เจ้าด้วย”

เซี่ยอวินมองเหตุการณ์ทุกอย่างตรงหน้าด้วยความตกตะลึง เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ เผยยวนกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร!?

พ่อบ้านจูในฐานะผู้ช่วยที่ดีที่สุดของถังกั๋วกง ก็รีบส่งคนไปที่ศาลต้าหลี่และจิงจ้าวฝู่ทันที

ลู่อวิ๋นเซียงเห็นดังนั้น ในที่สุดก็ทนไม่ไหวต้องการจะพาอู๋จิงหนี ทว่าขณะที่กำลังจะไปกลับถูกพ่อบ้านจูถอดหมวกของนางออกเสียก่อน

“จะไปไหน? ข้าอนุญาตให้เจ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ? เจ้านักต้มตุ๋น คิดจะไปหลอกคนที่ใดอีก?”

ลู่อวิ๋นเซียงแอบอ้างชื่อเสียงของผู้อื่นเที่ยวหลอกลวงคน ต้องส่งให้จิงจ้าวฝู่ลงโทษ คิดจะหนีอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!

ลู่อวิ๋นเซียงคราวนี้ไม่สนใจเรื่องหน้าตาอีกแล้ว นางยังอยากมีที่ยืนในตระกูลอยู่ ดังนั้นจึงคุกเข่าลงทันที “พ่อบ้านจู ข้าไม่เคยพูดว่าข้าช่วยถังกั๋วกงเลยนะเจ้าคะ เป็นคุณชายถังที่เข้าใจผิดไปเอง”

ถังหมิงชี้หน้าลู่อวิ๋นเซียงด้วยความโมโห “หน้าด้าน!”

ถังกั๋วกงมองหลานชายคนนี้ ก่อนจะเบนสายตาหนี ไม่ได้เรื่อง!

และคนของศาลต้าหลี่ก็มาถึงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับกุมตัวเซี่ยอวินไป เซี่ยอวินในเวลานี้ไหนเลยยังจะสนใจจี้หมิงซูอยู่อีก? ตัวเขาเองยังเอาตัวไม่รอดด้วยซ้ำ

ถังกั๋วกงให้คนนำหนังสือหย่าไปส่งให้ท่านหญิงซ่างหยางทันที หากไม่อยู่เมืองหลวงก็ให้เอาไปส่งที่ตระกูลเซี่ย

จี้จือฮวนมองตามหลังของเซี่ยอวินที่ถูกจับตัวไป และคิดถึงเข็มที่แทงเขาไปเมื่อครู่ว่ามีประโยชน์อะไรบ้าง?

อ้อ ไม่สามารถมีครอบครัวได้ นับแต่นี้ไปคงทำได้เพียงเป็นพี่น้องกับกงกงในวังแล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น ตกกลางคืนยังจะฝันร้าย เห็นภาพหลอน และพูดไม่รู้เรื่อง แขนขาเริ่มอ่อนแรงและเป็นอัมพาต

สิ่งที่เผยยวนเคยได้รับ เขาต้องได้รับคืนไปเป็นสองเท่า

คนรับใช้ของจวนจี้กั๋วกงเองก็ถูกพ่อบ้านจูให้คนพาไปแล้ว ตอนนี้จึงเหลือเพียงจี้หมิงซูที่นั่งอยู่บนม้านั่ง กุมใบหน้าตัวเองเอาไว้และไม่กล้าขยับ

ใบหน้าของนางเวลานี้เจ็บปวดมากจริง ๆ รู้สึกเหมือนมีมดนับสิบล้านตัวกำลังกัดอยู่ก็มิปาน ทำให้นางหายใจลำบาก บนใบหน้าก็รู้สึกคันจนทำให้นางอยากจะเกาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

นางทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงเอื้อมมือไปสัมผัสที่ใบหน้า

จากนั้นหนังที่เปื่อยชิ้นหนึ่งก็ถูกนางดึงออกมา

“กรี๊ดดดดด!” จี้หมิงซูตกใจเป็นอย่างมาก ชาวบ้านที่มุงดูต่างมองมาที่นาง และก็ต้องตกใจกับใบหน้าของนางจนต้องหลับตาลง

เมื่อเห็นใบหน้าของจี้หมิงซูที่เดิมบวมช้ำเป็นสีเขียวสีแดงสลับกัน เวลานี้กลับน่ากลัวอย่างมาก!! ราวกับเน่าจากข้างในลามออกมาถึงข้างนอกอย่างไรอย่างนั้น

จี้หมิงซูชี้ไปที่จี้จือฮวนพลางตะโกนออกมาด้วยความโมโห “เป็นเจ้า เป็นเจ้าที่ทำลายใบหน้าข้า จี้จือฮวน เจ้าช่างใจดำอำมหิตยิ่งนัก!”

นางภูมิใจในความงามของตัวเอง เพราะหลายปีที่ผ่านมา มันช่วยให้นางหลอกใช้ผู้ชายได้โดยง่าย แม้แต่องค์ชายรองก็ยังยอมสยบอยู่ใต้กระโปรงของนาง แต่จี้จือฮวนกลับกล้าทำลายใบหน้าของนาง!?

บรรดาชาวบ้านทนดูไม่ไหวอีกแล้ว “เจ้าเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร แม่นางจี้ไปแตะต้องตัวเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

“แค่ฟาดแส้ไปหนึ่งทีเท่านั้น สามารถทำให้เน่าเช่นนี้ได้อย่างนั้นหรือ?”

“ไม่แน่อาจเป็นสวรรค์ลงโทษก็ได้ เฮ้อ เป็นคนไม่ควรเลวร้ายเกินไป กรรมตามสนองแล้ว”

“ช่างอัปลักษณ์ยิ่งนัก”

จี้หมิงซูกุมใบหน้าของตัวเอง น้ำตาไหลลงไปโดนแผล ทำให้นางเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม ราวกับมีอะไรกำลังกัดกร่อนอยู่

นางจ้องจี้จือฮวนเขม็ง แต่กลับเห็นเพียงสีหน้าที่สะใจของจี้จือฮวน

นางทำสำเร็จแล้ว จี้จือฮวนเอาคืนทั้งหมดที่นางเคยทำกับเจ้าของร่างเดิมได้แล้ว ทั้งยังโหดร้ายยิ่งกว่าอีกด้วย!!!