บทที่ 164 ขาใหญ่มาแล้ว

แม้ว่าโรงยาจะไม่จำเป็นต้องอาศัยสิ่งใดเพื่อดึงดูดลูกค้า ทว่าการที่จี้หมิงซูที่มีสภาพราวกับผีนั่งอยู่ที่นี่ ไม่เท่ากับทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาตกใจกลัวหรอกหรือ?

คนรับใช้ร้านยาคิดไปคิดมา ก่อนจะไปหยิบเชือกเส้นหนึ่งมาจากในร้าน และมัดจี้หมิงซูเอาไว้กับเก้าอี้ จี้หมิงซูในตอนนี้เจ็บจนลืมตาไม่ขึ้น และไม่มีแรงจะขัดขืน

จากนั้นคนรับใช้ร้านยาก็คิดขึ้นมาได้อีก จึงไปหากระสอบอีกใบมาคลุมหัวจี้หมิงซูเอาไว้ เฮ้อ! เช่นนี้ต่อให้จี้หมิงซูจะนั่งอยู่ที่หน้าประตู เพราะยังไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไป ก็ไม่ทำให้คนที่เดินผ่านตกใจแล้ว ไม่เลว ๆ

แต่ก็กลัวว่าทุกคนจะไม่รู้ว่านี่เป็นใคร คนรับใช้ร้านยาจึงรีบนำป้ายไม้แผ่นนั้นมาวางไว้ข้าง ๆ จี้หมิงซู! ทำให้จี้หมิงซูกลายเป็นป้ายที่มีชีวิต คราวนี้อีกไม่นานคนทั้งเมืองหลวงก็จะได้ทราบโดยทั่วกัน ว่าหย่งอันถังของพวกเขาไม่ต้อนรับคนของจวนจี้กั๋วกง!

คนที่ควรพาตัวไปก็ถูกพาไปหมดแล้ว เหลือเพียงจี้หมิงซูที่ต้องอับอายผู้คนอยู่ที่หน้าประตูต่อ พ่อบ้านจูจึงรีบออกมาไกล่เกลี่ยทันที “ทุกคนวางใจได้ ในเมื่อท่านกั๋วกงของเรารับดูแลเรื่องนี้ ต้องมีคำตอบให้กับทุกคนอย่างแน่นอน”

บรรดาชาวบ้านต่างก็พยักหน้าให้กัน และส่วนใหญ่ก็ตามไปที่ศาลต้าหลี่ด้วย เพื่อรอคำอธิบายจากตระกูลเซี่ย คนที่ทำร้ายกองทัพทหารเกราะเหล็กสมควรตาย!

เมื่อเห็นว่าพวกเผยยวนจะเข้าไปในโรงยา จึงมีคนรีบกลับบ้านไปเอาผักผลไม้มาส่งที่หย่งอันถัง บอกว่าจะมอบให้ท่านเทพสงครามและท่านหมอเทวดา

ทางด้านนี้ ถังกั๋วกงที่อยู่ในห้องดื่มชา ในที่สุดก็ได้พูดคุยกับจี้จือฮวนเสียที

แต่สิ่งที่เขาสงสัยมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเขาสองคน

เผยยวนเลือกเล่าแต่เรื่องที่สำคัญ ความจริงแล้วในใจของถังกั๋วกงก็พอรู้อยู่แล้ว ต่อให้ฝ่าบาทจะไม่ใช่คนบงการ แต่ก็เห็นด้วยกับแผนการนี้ การที่เผยยวนมีความสามารถจึงไปกระตุ้นความริษยาเข้า มีผลงานโดดเด่นมากเกินไปจนฮ่องเต้หวาดกลัว นี่คือเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุด

เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ตอนนั้นเขาเองก็ต้องสละอำนาจในมือก่อนเวลา จึงสามารถรักษาชีวิตและคนในครอบครัวเอาไว้ได้

สิ่งที่คาดเดาได้ยากที่สุดก็คือจิตใจของกษัตริย์ สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือทำตามความต้องการ แม้จะไม่สามารถช่วยเรื่องใหญ่ได้ แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการลงโทษตระกูลเซี่ย เขาสามารถทำให้ได้แน่นอน

ถังกั๋วกงรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วก็รีบไปจัดการเรื่องคดีทันที คิดว่าข่าวที่เผยยวนกลับมาเมืองหลวงไม่นานคนที่ควรรู้คงจะรู้กันหมด ถึงเวลาสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ยากที่จะบอกได้

เขาต้องรีบไปที่ศาลต้าหลี่เพื่อทำคดีนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน มีเขาคอยดูอยู่ภูตผีปีศาจเหล่านั้นก็ไม่อาจชักกรงเล็บกลับไปได้

เผยยวนและภรรยามาส่งถังกั๋วกงที่หน้าประตูด้วยตัวเอง จากนั้นพ่อบ้านจูก็ได้เอ่ยขอร้องออกมา “ท่านหมอเทวดาขอรับ หากท่านมีเวลาว่างก็มานั่งเล่นที่จวนกั๋วกงของเราบ้างนะขอรับ พวกเราจะรอท่านนะขอรับ”

จี้จือฮวนรู้ว่าพ่อบ้านจูและถังกั๋วกงรู้สึกขอบคุณที่นางช่วยชีวิตไว้ด้วยความจริงใจ จึงไม่ได้ปฏิเสธ เพียงบอกไปว่าหากว่างจะไปเท่านั้น

ก่อนที่ถังกั๋วกงจะขึ้นรถม้า ก็ได้ถลึงตาใส่ถังหมิงแล้วเอ่ยขึ้นมา “มัวอึ้งอะไรอยู่ ขอโทษไม่เป็นหรืออย่างไร? ไม่ได้เรื่องได้ราวเลยจริง ๆ”

ถังหมิงอยากจะฆ่าตัวตายเสียเดี๋ยวนี้ เขายืนให้คนหัวเราะเยาะอยู่ที่หน้าประตูกับจี้หมิงซู ตอนนี้เมื่อได้ยินคำตำหนิของถังกั๋วกง ก็รีบไปตรงหน้าจี้จือฮวนเพื่อขอโทษขอโพย จากนั้นก็ถูกถังกั๋วกงพาตัวไป ดูท่าชีวิตของถังหมิงในวันข้างหน้าเกรงว่าคงไม่ราบรื่นเสียแล้ว

หากไม่สอบจอหงวนกรุยทางด้วยตัวเอง ก็กินอยู่กับที่บ้านไปวัน ๆ เพื่อรอความตายก็เท่านั้น

“กลับกันเถอะ” จี้จือฮวนชำเลืองมองร่างที่ตั้งตรงของเผยยวน เช่นนี้น่ามองกว่าเยอะเลย ถือไม้ค้ำนั่นเอาไว้ทั้งวัน เตรียมจะเข้าชิงรางวัลออสการ์หรืออย่างไร

“โอ๊ะ นกตัวอ้วนมาก!” คนรับใช้ร้านยาจู่ ๆ ก็ร้องออกมา ก่อนจะเห็นหมูเหยี่ยวล่าเหยื่อพุ่งตัวลงมา และชนเข้ากับศีรษะของจี้หมิงซู จี้หมิงซูที่ถูกกระแทกถึงกับหมดสติไป

เผยยวนนึกประหลาดใจขึ้นมา “มันมาได้อย่างไรกัน?”

เขายื่นมือออกไป หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อก็กระพือปีกอย่างเย่อหยิ่ง กรงเล็บของมันจิกลงบนแขนของเผยยวนอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงเหยียดกรงเล็บขนาดใหญ่ของมันออก

จี้จือฮวนจึงดึงเอาจดหมายบนนั้นออกมาอ่าน แล้วเอ่ยกับเผยยวน “บอกให้พวกเรารีบกลับไปน่ะ”

แววตาของเผยยวนก็อ่อนแสงลงทันที “ข้าก็คิดถึงพวกเขาเหมือนกัน”

ทั้ง ๆ ที่เพิ่งแยกจากกันได้ไม่นาน แต่ในใจกลับรู้สึกคิดถึงเสียแล้ว

บนทางหลวงที่ไม่ไกลจากเมืองหลวง

ท่านป้าหยางและเสี่ยวเจียนชะโงกศีรษะออกมามองทิวทัศน์ด้านนอก เสี่ยวเจียน เสี่ยวฮุย และคนอื่น ๆ ต่างก็กะพริบตาปริบ ๆ คุยกันจ้อกแจ้กจอแจไปตลอดทางไม่รู้จบ

มีรถม้าทั้งสิ้นหกคัน ซึ่งทั้งหมดกำลังเดินทางไปหาฮวนฮวนที่เมืองหลวง

พวกเขารอต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว พอดีกับที่ท่านป้าและท่านพ่อของท่านป้าหยางบอกว่าจะไปเมืองหลวง ทุกคนจึงได้ตามมาด้วย และเหลือแค่พวกเฉินฉือที่อยู่เฝ้าหมู่บ้าน แม้แต่พวกอี เอ้อร์ ซาน ซื่อ ก็ยังตามหลังมาด้วย

ในชีวิตนี้พวกเขาไม่เคยไปเมืองหลวงมาก่อน คราวนี้พวกเขาเอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีมาด้วย ถึงเวลาจะได้ซื้อของดี ๆ กลับไป

ภายในรถม้าที่ใหญ่ที่สุด ไท่ซ่างหวงตบโต๊ะเสียงดัง “เจ้าลงไพ่เป็นหรือไม่ สำนักพิษแดนตะวันตกอะไรนั่นสอนอะไรให้เจ้าบ้าง ยังมาบอกว่าลึกลับและเก่าแก่อีก! เล่นไพ่นกกระจอกก็ยังไม่เป็นด้วยซ้ำ”

ไป๋จิ่นสะบัดผมหยิก ๆ ของตนเองที่มัดด้วยเชือกมัดผมสีแดง “รีบร้อนอะไรกัน พวกเราชาวตะวันตกไม่ได้เล่นแบบนี้นี่นา”

ท่านป้าเอ่ยเร่งอย่างหมดความอดทน “เร็วเข้า รอเจ้าจั่วไพ่แต่ละทีข้าจั่วไปได้สามรอบแล้ว นี่เจ้าเล่นเป็นหรือไม่”

จางตงไหลวางไพ่ให้ไท่ซ่างหวงพร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง เฮ้อ ตั้งแต่ได้พบองค์หญิงใหญ่ อาการหูตึงของเขาเกรงว่าคงจะรุนแรงขึ้นเสียแล้ว…

ตรงมุมหนึ่ง อาชิงอ้าปาก งูทั้งสองตัวก็อ้าปากตามเช่นกัน พร้อมกับหันหน้าไปหาลมที่พัดเข้ามาในรถม้า “อ๊าา~~”

ผมหน้าม้าที่ยาวถึงระดับคิ้วปลิวไปด้านข้าง

อาอินจึงปิดปากของเขาด้วยความขยะแขยง “ระวังจะกินทรายเข้าไป!”

อาฉือมองคนในครอบครัวที่ส่งเสียงดัง แต่หัวใจของเขากลับหนักอึ้งเล็กน้อย เข้าเมืองหลวงครั้งนี้ เขาอยากจะรีบกลับไว ๆ เขาไม่ชอบเมืองหลวง

เขาอยากเจอท่านพ่อท่านแม่เร็ว ๆ

ส่วนจวนจี้กั๋วกงในเวลานี้ยังไม่รู้ถึงอันตรายที่จะมาถึง

ปกติจี้หมิงซูไปกวาดถนนก็จะกวาดแค่พักเดียวเท่านั้น แต่วันนี้ถึงยามซวี*แล้วก็ยังไม่กลับมา จี้คังซื่อ**ที่รอคนมาคารวะเช้าเย็นก็หมดความอดทนไปนานแล้ว

* ยามซวี (戌时) เวลา 19.00 – 21.00 น.

** ซื่อ (氏) ใช้เอ่ยถึงหญิงที่แต่งงานแล้ว ปกติจะนำหน้าด้วยแซ่ตนเอง หากนำหน้าด้วยสองแซ่ แซ่ข้างหน้าคือแซ่ของสามี ส่วนแซ่ข้างหลังคือแซ่ของตัวเอง อย่างเช่นจี้คังซื่อ จี้เป็นแซ่ของสามี ส่วนคังเป็นแซ่ของตัวเอง

“ข้าว่านางอับอายขายหน้า จึงไม่อยากมาแสดงความเคารพต่อท่านเจ้าค่ะ”

“หากไม่ใช่เพราะนางไปล่วงเกินไท่ซ่างหวงเข้า พวกเราไหนเลยจะต้องเสียหน้าเพียงนี้”

จี้คังซื่อเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ที่นางจูงจี้หมิงซูไปด้วยความดีใจแต่สุดท้ายกลับต้องอับอายผู้คน ก็รู้สึกอยากจะฆ่าจี้หมิงซูทิ้งเสีย

นางคนไม่ได้เรื่อง!

คนที่ปกติมักถูกจี้หมิงซูรังแก ตอนนี้แต่ละคนต่างก็พากันมาฟ้อง และโยนความผิดทั้งหมดให้จี้หมิงซู บอกว่าที่ช่วงนี้จวนจี้กั๋วกงโชคร้ายนั้นเป็นเพราะนาง และต้องการให้ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งสอนจี้หมิงซูให้เข็ด

“มัวอึ้งอะไรกัน ยังไม่ออกไปตามอีก!” จี้คังซื่อตะคอกออกมา

แต่ทันทีที่นางตะโกนออกคำสั่งเสร็จ ก็มีคนงานหญิงพุ่งเข้ามารายงาน “แย่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูหมิงซูถูกคนเอามาโยนไว้ที่ประตูจวนเจ้าค่ะ ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาล้วนเห็นกันหมดแล้วเจ้าค่ะ!”

จี้คังซื่อผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเครือ “ไม่ได้มีเรื่องเสื่อมเสียวงศ์ตระกูลอะไรใช่หรือไม่?”

การที่สตรีในครอบครัวถูกทิ้งอยู่ที่หน้าประตูจวน ล้วนไม่ใช่เรื่องดีอะไร ประกอบกับจี้หมิงซูหายไปนานเพียงนี้ก็ยังไม่กลับมา ไม่แปลกที่นางจะคิดมาก

หญิงรับใช้ส่ายหน้า “มีคนหามมาส่งเจ้าค่ะ เสื้อผ้าล้วนอยู่ครบ เพียงแต่มีเชือกมัดติดกับม้านั่งตัวหนึ่ง และถูกกระสอบคลุมหัวเอาไว้ด้วยเจ้าค่ะ”

หญิงรับใช้ก็อาศัยฟังเสียงของจี้หมิงซู เพื่อระบุตัวตนของนางเช่นกัน

“ยังไม่ไปหามคนเข้ามาอีก!”

ไม่นานจี้หมิงซูก็ถูกคนพาเข้ามา จี้คังซื่อปลดเชือกออกด้วยตัวเอง นางอยากถามจี้หมิงซูว่าไปทำอะไรมากันแน่!

ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าที่เลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด สตรีทุกคนที่อยู่ในห้องโถงบ้างก็กรีดร้อง บ้างก็เป็นลม บ้างก็อาเจียนออกมา

ตีให้ตายพวกนางก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือจี้หมิงซู!

ทว่านี่กลับเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น