ตอนที่ 107

The simple life of the emperor

หลังจากที่เทียนหลางตัดการติดต่อกับเทาเจาไปเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันมามองพูดกับเฟิงหยวนว่า

”ดูเหมือนเราคงจะต้องกลับไปอยู่ที่นู้นสักพัก เดียวผมจะไปคุยเรื่องนี้กับคุณป้าอันฉีเสียหน่อย”

เฟิงหยวนที่ได้ยินก็ปิดหนังสือลงก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย เทียนหลางหันมามองที่หลินจินทงที่กำลังนั่งอ้ำอึ้งอยู่ก่อนจะยิ้มและเอ่ยถาม

”คุณสนใจจะไปด้วยกันไหมครับ ?”

”ไปไหนงั้นเหรอ ?”

เขาถามด้วยความสงสัย เทียนหลางจึงยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า

”ออกไปเที่ยวและชมอะไรนิดหน่อย”

หลินจินทงที่ได้ยินก็คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบตกลง หลังจากที่เทียนหลางไปคุยกับคุณป้าอันฉีเรียบร้อยแล้วเขาก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อเฟิงหยวนได้เห็นเธอก็พูดขึ้นทันที

”ดูเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดีสินะ”

เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะเห็นว่าหลินหลินนั้นตื่นแล้ว เทียนหลางจึงเดินไปคุยกับเธอหลินหลินที่กำลังทานขนมอยู่นั้นเมื่อเห็นว่าเทียนหลางเดินเข้ามาก็รีบลุกขึ้นไปกอดเขาทันทีก่อนจะเอ่ยขึ้น

”อาจารย์”

เทียนหลางลูบหัวหลินหลินก่อนจะเอ่ยถามเล็กน้อย

”ว่าไงหลินหลิน”

หลินหลินที่กำลังซุกหน้าอยู่ที่ท้องของเทียนหลางก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวลว่า

”หนูฝันแปลกมากเลยละท่านอาจารย์”

เทียนหลางที่ได้ยินก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามว่า

”เจ้าฝันว่ายังไงงั้นเหรอ ?”

”หนูฝันว่าระหว่างกลับจากโรงเรียน หนูโดนทำร้ายจากคนน่ากลัวสี่คนพวกเขาลากหนูขึ้นรถ และพาไปที่ไหนสักที่หนึ่งจากนั้นหนูก็หลับไป”

เทียนหลางที่ได้ยินก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลูบหัวหลินหลินพร้อมกับบอกว่า

”มันเป็นเพียงแค่ความฝัน อย่าคิดมากเลยวันนี้อาจารย์จะพาเจ้าไปพบกับคนพิเศษ”

”คนพิเศษ ?”

หลินหลินมองเทียนหลางด้วยแววตาสงสัย เทียนหลางก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า

”ถูกต้อง อาจารย์จะพาเจ้าไปพบกับเหล่าศิษย์พี่ของเจ้า”

เมื่อหลินหลินได้ยินก็ทำตาโตพร้อมกับแสดงสีหน้าแปลกใจออกมาทันที

”หนูมีศิษย์พี่ด้วยงั้นเหรอ ?!”

เทียนหลางหัวเราะพร้อมกับบอกว่า

”แน่นอนสิ เดียวข้าจะพาเจ้าไปพบกับเหล่าศิษย์พี่ของเจ้าเอง”

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ลูบหัวหลินหลินก่อนจะหันไปถามหลินจินทงว่า

”ว่าไงครับคุณจะไปเที่ยวเล่นกับผมหรือเปล่า ?”

หลินจินทงที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าขึ้นมาทันที หลังจากที่เขารู้เรื่องต่างๆมาจากเฟิงหยวนและเทียนหลางแล้วเขาก็เริ่มรู้สึกว่าความรู้ที่เคยมีก่อนหน้านี้ของเขานั้นกลายเป็นไร้ประโยชน์แม้เขาจะอายุมากแล้วแต่เขาก็หลงใหลในความลึกลับของการบ่มเพาะพลัง ตัวเขานั้นอยากจะรู้ให้มากกว่านี้ดังนั้นเมื่อเห็นว่าเทียนหลางจะพาเขาไปยังดินแดนที่อื่นเขาจึงไม่ปฏิเสธคำเชิญของเทียนหลาง

หลินจินทงตอบตกลงทันที เทียนหลางเมื่อเห็นท่าทีของหลินจินทงเขาก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับเฟิงหยวนว่า

”คุณพร้อมรึยัง ?”

เฟิงหยวนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างๆกับเทียนหลาง หลินจินทงก็ลุกขึ้นพร้อมกับมายืนอยู่ด้านหลังของพวกเขาทั้งสองคนก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

”แล้วเราจะไปกันยังไงหล่ะ ?”

เทียนหลางที่ได้ยินคำถามของหลินจินทงเขาก็ยิ้มพร้อมกับอธิบายว่า

”โดยปกติแล้วหากเรามีพลังมากพอ และมีเทคนิคลับติดตัวสักนิดหน่อยเราก็สามารถเปิดประตูมิติไปยังสถานที่ต่างๆได้ แต่เนื่องจากที่การบ่มเพาะของพวกเรานั้นต่ำจนเกินไป จึงทำให้เราไม่สามารถไปที่นั่นแบบปุบปับ”

หลินจินทงที่ได้ยินก็พยักหน้าก่อนจะถามต่อ

”แล้วเราจะทำยังไงต่อละ ?”

”ก็ต้องมีของช่วยสักนิดหน่อย”

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ชูยันต์สีทองใบหนึ่งขึ้นมา หลินจินทงมองมันด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม

”เจ้ายันต์นี่นะเหรอ ?”

”ใช่แล้ว”

เมื่อเทียนหลางพูดจบเขาก็โยนยันต์ไปบนอากาศก่อนที่จะใช้นิ้วของเขาวาดอักขระจำนวนมากออกมาอย่างรวดเร็วจากนั้นยันต์ก็เริ่มเปร่งแสงสีทองออกมาครอบคลุมร่างกายของทั้งสี่คน หลินจินทงตกใจกับเหตุการณ์นี้เล็กน้อย แต่ก่อนที่เขาจะทันได้แสดงท่าทีอะไรภาพตรงหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นห้องนั่งเล่นที่ดูสบายๆตอนนี้กลับกลายเป็นสวนของบ้านใครสักคนที่กว้างใหญ่เป็นอย่างมากและดูเหมือนสวนแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังงานบริสุทธิ์จำนวนมหาศาลแบบที่เขาไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน

หลินจินทงมองไปที่เทียนหลางที่กำลังบิดขี้เกียจอยู่อย่างสงสัยแต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรเทียนหลางก็ได้พูดขึ้นมาเสียก่อน

”น่าคิดถึงจริงๆบ้านของเรา”

เฟิงหยวนที่ได้ยินเทียนหลางพูดแบบนั้นก็หัวเราะคิกคักออกมาก่อนจะจูงมือหลินหลินและพาเข้าไปในบ้าน เทียนหลางหันมาพูดกับหลินจินทงว่า

”เอาละเข้าไปในบ้านกันเถอะครับ”

ทั้งสี่คนเดินไปตามทางของสวนที่นำไปสู่ตัวบ้านแต่ในขณะที่กำลังจะออกจากสวนหลินจินทงก็สังเกตุเห็นว่าด้านหน้าของเขามีคนจำนวนหนึ่งยืนขว้างอยู่ เขากังวลเล็กน้อยแต่เมื่อเขามองเทียนหลางก็เห็นว่าเทียนหลางกำลังสีหน้ายิ้มแย้มออกมาซึ่งบ่งบอกว่าไม่เป็นอะไรเขาจึงคลายความกังวลออกมา

เมื่อหลินจินทงเดินมาถึงทางออกของสวนเขาก็สังเกตุเห็นคนเหล่านี้ได้ชัดขึ้น และเขาก็ต้องแปลกใจเพราะคนเหล่านี้ต่างเป็นคนหนุ่มสาวที่มีหน้าตาหล่อเหลาและงดงามไม่น้อยเลยทีเดียวซึ่งหลินจินทงนับจำนวนพวกเขาทั้งหมดแล้วก็มีทั้งหมด 22 คน

เมื่อกลุ่มคนหนุ่มสาวได้เห็นเทียนหลางและเฟิงหยวนเดินออกมาจากสวนและหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็ก้มหัวเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวทำความเคารพเทียนหลางทันที

”คารวะท่านอาจารย์ คารวะท่านอาจารย์หญิง !!”

เทียนหลางที่ได้เห็นกลุ่มลูกศิษย์ของเขามาต้อนรับก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น

”ข้าคิดว่าพวกเจ้าจะจำข้าไม่ได้แล้วเสียอีก”

เมื่อได้ยินคำถามแบบนั้นก็มีสาวน้อยคนหนึ่งวิ่งมากอดเทียนหลางพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส

”แหม ~ ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ดูแลพวกเรามานานไม่มีทางที่พวกเราจะลืมท่านได้หรอก ต่อให้ท่านย้ายไปอยู่ในร่างใหม่อีกครั้งก็ตาม”

เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ลูบหัวพร้อมกับบอกว่า

”เจ้านี่ช่างประจบยิ่งนักเยี่ยเอ๋อ”

เมื่อโดนลูบหัวจากอาจารย์ผู้เป็นที่รักเด็กสาวที่ถูกเรียกว่าเยี่ยเอ๋อก็หัวเราะแหะๆออกมา แต่ในจังหวะนั้นเทียนหลางก็พูดขึ้นด้วยความสงสัยว่า

”ถังซาน เหตุใดข้าถึงไม่เห็นโม่วหลาง นางหายไปไหน ?”

ถังซานที่ยืนอยู่ไม่ไกลเมื่อได้ยินคำถามก็ก้าวออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า

”ดูเหมือนว่าโม่วหลางจะมีปัญหาขณะเดินทาง นางถูกนิกายแสงตะวันจับตัวไป”

เมื่อเทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นเขาก็พูดกับถังซานว่า

”เจ้าไปพานางกลับมาอีกสามวันพิธีเทียนเหอก็จะเริ่มแล้ว ย่อมขาดนางไม่ได้พูดคุยกับนิกายแสงตะวันอะไรนั่นซะ หากพวกเขาไม่ตกลงก็มอบบทสนทนาที่พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้ออกไป”

ถังซานที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มพร้อมกับทำความเคารพเล็กน้อย

”เข้าใจแล้วท่านอาจารย์”

เมื่อพูดจบร่างถังซานก็เลือนลางหายไปจากสายตาของทุกคน หลังจากที่ถังซานจากไปเทียนหลางก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น

”เอาหล่ะแม้โม่วหลางจะไม่อยู่ที่นี้แต่เดียวถังซานก็คงจะบอกเรื่องนี้กับนางเอง ฉะนั้นข้าขอแนะนำตัวนาง”

เทียนหลางพูดพร้อมกับนำตัวหลินหลินมาอยู่ตรงหน้าของเขาก่อนจะเอ่ยขึ้น

”นางชื่อหลินหลิน นับจากนี้หลินหลินจะกลายเป็นศิษย์คนที่ 25 ของข้าและกลายเป็นศิษย์น้องเล็กของพวกเจ้า”

เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็แสดงสีหน้าดีใจออกมาก่อนที่ทุกคนจะเข้ามาล้อมรอบหลินหลินและกล่าวแนะนำตัวทีละคน หลินหลินที่จู่ๆก็ถูกคนรุมล้อมก็แสดงท่าทีตื่นตกใจออกมาก่อนที่มือของเทียนหลางจะลูบหัวของเธอเบาๆพร้อมกับเอ่ยกับหลินหลินว่า

”ไม่ต้องกังวลไปหลินหลิน พวกเขาเหล่านี้จะไม่มีทางทำร้ายเจ้า พวกเขาจะกลายเป็นศิษย์พี่ของเจ้าและอีกครอบครัวหนึ่งของเจ้าเช่นเดียวกัน ไปแนะนำตัวกับพวกเขาเถอะ”

เมื่อหลินหลินได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเข้าไปพูดคุยกับเหล่าศิษย์พี่ของเธอ

ทางด้านหลินจินทงที่ได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็แปลกใจเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดว่าเทียนหลางนั้นจะมีศิษย์จำนวนมากขนาดนี้และแต่ละคนนั้นดูท่าทางไม่ธรรมดาเลยด้วย แม้หลินจินทงจะมีการบ่มเพาะไม่มากนักหากนับตั้งแต่ที่เขานั้นได้ปลูกฝังการบ่มเพาะใหม่ แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นผู้บ่มเพาะด้วยการมองไปที่ออร่าและปราณที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของอีกฝ่าย

แต่เมื่อหลินจินทงมองไปที่เหล่าศิษย์ของเทียนหลางนั้นเขาก็ต้องแปลกใจเพราะพวกเขาเหล่านี้นั้นไม่แม้แต่จะปลดปล่อยออร่า หรือปราณออกมาเลยแม้แต่น้อยพวกเขานั้นแลดูเหมือนคนธรรมดาเสียมากกว่าแต่ก็อย่างว่าคนธรรมดาจะมาอยู่ในที่แบบนี้ได้ยังไงกัน

หลินจินทงจึงเข้าไปถามกับเฟิงหยวนถึงสิ่งที่เขาสงสัย เฟิงหยวนที่ได้ยินคำถามก็ยิ้มพร้อมกับอธิบายว่า

”เหตุผลนั้นง่ายมากก็คือ 1.ศิษย์ทุกคนของสำนักนั้นจำเป็นจะต้องร่ำเรียนทักษะปกปิดตัวตนระดับสูงเพื่อที่จะปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตนเอง 2.การที่คุณไม่สามารถตรวจจับหรือสัมผัสได้ถึงออร่าหรือปราณของฝ่ายตรงข้ามได้ก็แปลว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นแข็งแกร่งกว่าคุณมากยังไงละ”

หลินจินทงที่ได้ยินก็พยักหน้าก่อนจะถามอีกคำถาม

”แล้วบทสนทนาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก่อนหน้านี้ ที่เขาพูดกับศิษย์ของเขาคืออะไรงั้นเหรอ ?”

”บทสนทนาที่ไม่อาจปฏิเสธได้นั้นจะถูกยกขึ้นมาเมื่อฝ่ายตรงข้ามนั้นมีเจตนาหรือความคิดที่ขัดแย้งอย่างสุดโต่งกับเขา เมื่อมีใครได้รับบทสทนานั้นก็แปลว่าชีวิตของเขาและคนรอบข้างนั้นเหลือเวลาเพียงน้อยนิดแล้วนั่นเอง หากจะพูดอย่างง่าย’บทสนทนาที่ไม่อาจปฏิเสธได้’ก็คือใบสั่งตายนั่นแหละของโลกคุณนั่นแหละ แต่หากมันถูกมอบให้กับสำนักหรือนิกายใดสักที่หนึ่งก็แปลว่าจะไม่มีสำนักและนิกายนั้นอยู่บนโลกในวันพรุ่งนี้อีกต่อไปแล้วยังไงละ”

เฟิงหยวนพูดพร้อมกับรอยยิ้ม ทางด้านหลินจินทงที่ได้ยินก็ถึงกับตัวสั่นเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดว่าคำพูดของเทียนหลางจะมีพลังมากมายขนาดนี้ถึงกับทำให้สำนักหรือนิกายหนึ่งหายสาปสูญไปได้ภายในวันเดียว

ทางด้านเทียนหลางที่กำลังมองหลินหลินเล่นกับเหล่าศิษย์พี่ของเธออยู่นั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะหันมาพูดกับชายหนุ่มชุดเกราะทองคำที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก

”เทาเจา มานี่หน่อยสิ”

เมื่อเทาเจาได้ยินก็รีบวิ่งมาเทียนหลางก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย

”มีอะไรงั้นเหรอท่านอาจารย์ ?”

”ฝากดูแลหลินหลินกับเฟิงหยวนให้ที ฉันมีธุระต้องไปจัดการ อ่อแล้วก็นี่คือหลินจินทงไปคนจากโลกฝั่งนู้น เขามาเที่ยวที่นี้ช่วยดูแลเขาทีนะ”

”ได้เลยครับอาจารย์”

เทาเจาจ้องมองไปที่หลินจินทงเล็กน้อยก่อนจะก้มหัวลงด้วยความนอบน้อม หลินจินทงก็ทำเช่นเดียวเพื่อแสดงความเคารพ จากนั้นเทียนหลางก็หันไปคุยกับหลินจินทง

”เดียวผมไปจัดการอะไรนิดหน่อย ถ้าคุณมีปัญหา หรืออยากถามอะไรก็สามารถถามกับเทาเจาคนนี้ได้เขาเป็นศิษย์คนที่สองของผม”

หลินจินทงได้ยินก็พยักหน้าก่อนจะพูดให้เทียนหลางไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเขา

”เธอไปทำธุระเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”

เทียนหลางพยักหน้าก่อนที่ร่างของเขาจะหายไป จากนั้นเทาเจาก็พาทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์ของเทียนหลางเพื่อพักผ่อนและพูดคุยกัน

————————————————————————————————————————

ทางด้านของเทียนหลางก็มาโผล่ยังหน้าต้นไม้ต้นหนึ่งก่อนจะแสดงความเคารพพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

”ข้ามาแล้วท่านอาจารย์”

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็เดินเข้าไปยังต้นไม้ตรงหน้าพร้อมกับร่างกายของเขาก็ค่อยๆหายเข้าไปด้านในต้นไม้